โจ ไบเดน “ผู้บุกเบิกการเปลี่ยนเกมปัญหาสิ่งแวดล้อม”
“โจ ไบเดน เป็นผู้ที่มีแพสชั่นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงมาเป็นเวลานานและเชื่อมั่นในสิ่งนี้เสมอมา เชื่อว่าความถูกต้องและความมั่งคั่งต้องไปด้วยกัน” – ข้อความจากเว็บไซต์หลักโจ ไบเดน
ที่มา: https://joebiden.com/climate-plan/
ประโยคข้างต้นคงพิสูจน์ได้ว่า โจ ไบเดน “เอาจริง” และไม่ได้มาเล่น ๆ กับปัญหาสิ่งแวดล้อม สำหรับประธานาธิบดีอุดมการณ์น้ำดีคนนี้ ต่อไปเรามาดูกันถึงข้อพิสูจน์ชี้ชัดที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าโจ ไบเดน ให้ความสำคัญและ “เอาจริง“ กับการแก้ปัญหานี้มาอย่างช้านาน
ไทม์ไลน์การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของโจ ไบเดน
1986: หนึ่งในผู้บุกเบิกเสนอ “ร่างกฎหมายแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในสภา”
ย้อนไปเมื่อครั้งปี 1986 โจ ไบเดน ถือได้ว่าเป็นคนแรก ๆ ที่ทำการเสนอร่างกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในสภา และเมื่อไม่นานมานี้ Politifact เว็บไซต์ไม่แสวงผลกำไร ตรวจสอบการกระทำของนักการเมือง ก็ได้กล่าวไว้ว่า โจ ไบเดน “เป็นผู้บุกเบิกการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม” และให้สมญานามการกระทำครั้งนี้ของไบเดนว่า “เป็นการบุกเบิกที่สำคัญ”
1998: หัวเรือหลักในการออกกฎ “อนุรักษ์ป่าเขตร้อน”
ในปี 1998 โจ ไบเดน เป็นหัวเรือหลักในการผลักดันการออกกฎหมาย “อนุรักษ์ป่าเขตร้อน” ซึ่งกฎหมายดังกล่าวก็ส่งผลให้ทางสหรัฐฯ ทำข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลชาติอื่น ๆ เกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าเขตร้อนได้ โดยเสียสละตนแลกเปลี่ยนกับการผ่อนผันหนี้สินให้ประเทศอื่น ๆ
2006: ไม่ชอบน้ำมัน เน้นลดมลพิษ
ในปี 2006 ในสมัยที่โจ ไบเดน ยังเป็นวุฒิสมาชิกในสภา โจ ไบเดน ได้ออกกฎสำหรับการทำอุตสาหกรรมน้ำมัน โดยคุมเข้มการปล่อยคาร์บอนที่ระดับสูงสุด และลงโทษให้บริษัท Chevron และ BP จ่ายเงินชดเชยเมื่อมีการสร้างมลพิษ อีกทั้งในสมัยที่เป็นรองประธานาธิบดีคู่กับบารัค โอบามา ก็ยังสร้างปรากฏการณ์อย่างการคุมเข้มการปล่อยคาร์บอนในระดับที่สูงสุดที่เคยมีมา ปรับมาตรการคุมเข้มรถและรถบรรทุกในการใช้พลังงานเชื้อเพลิงเป็น 2 เท่า และมุ่งเน้นการใช้พลังงานแบบหมุนเวียนไปจนถึงพลังงานสะอาดอีกด้วย
สิ่งเหล่านี้คงเป็นจุดชี้ชัดพิสูจน์ให้เห็นว่าโจ ไบเดน คงไม่เสนอนโยบายขายฝันเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นต่อไปเราจะมาดูนโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของโจ ไบเดน ในยุคปัจจุบันกัน
โจ ไบเดน กับ นโยบายพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกับการลงทุนในกองทุน T-ES-GGREEN และ MRENEW-D
เท่าที่ผมได้รวบรวมมาหลัก ๆ นโยบายของโจ ไบเดน เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่อาจส่งผลกับการลงทุนใน T-ES-GGREEN และ MRENEW-D อาจมีดังนี้…
- ตั้งเป้าจัดงบอัดฉีด 2 ล้านล้านเหรียญ นโยบายด้านพลังงานสะอาด ส่งผลโดยตรงกับ T-ES-GGREEN และ MRENEW-D ที่มีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดทั้งคู่ โดยเฉพาะ T-ES-GGREEN
- ตั้งเป้าเตรียมงบคลัง 1.7 ล้านล้านเหรียญ เพื่อทำการวิจัยเรื่องเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจสมทบกับงบพัฒนาเศรษฐกิจที่มีส่วนอยู่แล้ว และแผนการนี้จะเป็นการใช้จ่ายในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อ MRENEW-D ที่มีสัดส่วนการลงทุนกลุ่มเทคโนโลยีสายสิ่งแวดล้อม ในระยาวยาว
- ตั้งเป้าสร้าง “สังคมไร้มลพิษ” ซึ่งมุ่งเน้นให้มีการปล่อยมลพิษเป็น 0 ภายในปี 2050 ส่งผลเชิงบวกกับทั้ง T-ES-GGREEN ที่เน้นการลงทุนในกลุ่มพลังงานทางเลือกและ MRENEW-D ที่มีสัดส่วนเช่นเดียวกัน
- เข้าร่วม “สนธิสัญญาปารีส” อีกครั้ง (สนธิสัญญาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ) โดยมีชนชาติสำคัญอย่างจีน และยุโรปเข้าร่วม จึงอาจทำให้ทั้ง T-ES-GGREEN และ MRENEW-D ที่มีการลงทุนในสหรัฐได้รับผลเชิงบวกมากขึ้น
- สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับชาติพันธมิตรมากขึ้น ส่งผลต่อกองทุน T-ES-GGREEN และ MRENEW-D โดยตรงเพราะ Top Holdings มีบริษัทจากยุโรปซึ่งเป็นชาติพันธมิตรของสหรัฐ
สร้างแผนและเปิดบัญชีกองทุนรวมกับ FINNOMENA สะดวก รวดเร็ว เปิดออนไลน์ ไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก พร้อมเลือกซื้อกองทุนกว่า 1,000 กอง จาก 22 บลจ. ครอบคลุมทุกบลจ. ในประเทศไทย สร้างแผนและเปิดบัญชี คลิก: https://finno.me/open-plan
สองกองทุนยอดเยี่ยมแทคติคต่างสไตล์
นโยบายที่แตกต่างตอบโจทย์นักลงทุน 2 สไตล์
นโยบายการลงทุนของ T-ES-GGREEN นั้นจะเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกองทุนต่างประเทศเป็นหลักซึ่งก็คือกองทุน Brookfield Global Renewables and Sustainable Infrastructure UCITS Fund เป็นหลัก ซึ่งกองทุนที่ว่ามีจุดมุ่งหมาย คือ การสร้างการเติบโตของเงินทุนไปพร้อม ๆ กับเน้นสร้างกระแสเงินสด
นโยบายการลงทุนของ MRENEW-D เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกองทุนต่างประเทศเป็นหลักเช่นเดียวกัน กองทุนที่ว่าก็คือกองทุน BGF Sustainable Energy Fund ของ BlackRock ซึ่งเป็นกองทุนที่มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสูงที่สุดในโลกถึง 7.32 ล้านล้านเหรียญ (ข้อมูลจาก statista.com ณ สิ้นปี 2019)
เข้าใจความแตกต่าง ผ่านสัดส่วนการลงทุนปัจจุบัน กองไหนเน้น “รุก” กองไหนเน้น “รับ”
สัดส่วน Sector การลงทุนของกองทุน Brookfield Global Renewables and Sustainable Infrastructure UCITS Fund ที่มา: morningstar.com วันที่: 30 กันยายน 2020
หากเรามาดูที่หมวดหมู่อุตสาหกรรม (Sector) ตัว T-ES-GGREEN ก็ดูจะมีความผันผวนน้อยกว่าและมีความมั่นคงมากกว่าสังเกตได้จากสัดส่วนหมวดธุรกิจปัจจุบันที่ลงทุนนั้นยังคงเป็นในหมวด “เชิงรับ” โดยลงทุนในกลุ่มสาธารณูปโภคซะเป็นส่วนใหญ่ (สัดส่วนถึง 82.01%)
ธุรกิจในหมวดหมู่สาธารณูปโภคส่วนใหญ่นั้นจะเป็นอะไรที่คนใช้กันโดยทั่วไปในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ตัวอย่างอาจจะเป็นพวกพลังงานไฟฟ้าต่าง ๆ หรือ น้ำ ซึ่งจะให้รายได้ที่คงที่มากกว่าและผันผวนน้อยกว่า เพราะเป็นสิ่งที่แม้เกิดวิกฤติคนก็ยังต้องใช้ ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้ ๆ ท่ามกลางวิกฤติ
หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นการลงทุนในธุรกิจแบบ “ของมันต้องใช้” ขาดไม่ได้แม้จะย่ำแย่เพียงไหน!
แต่ T-ES-GGREEN ก็ยังมีส่วนผสมของหุ้นที่อาจเติบโตได้ในระยะยาวอย่างหุ้นกลุ่ม “เทคโนโลยี” (Technological Sector) ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องการให้ราคาไปกับการเติบโตอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีหุ้นกลุ่ม “อุตสาหกรรม” (Industiral Sector) ที่อาศัยการผลิตสินค้าต่าง ๆ ซึ่งหากมีคนซื้อเยอะขึ้นรายได้ก็จะเติบโตตามไปด้วย จึงสร้างการเติบโตได้ในอนาคต
ดังนั้นหากสรุปแนวทางการลงทุนแล้วตัวกองทุน T-ES-GGREEN ก็ดูจะเป็นไปในเชิง Defensive หรือเชิงรับมากกว่า เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนมั่นคง ผัวผวนน้อย
สัดส่วน Sector การลงทุนของกองทุน BGF Sustainable Energy Fund ที่มา: morningstar.com วันที่: 31 ธันวาคม 2020
หากคุณเป็นสายบู๊วัยรุ่นไฟแรง หรือเป็นวัยทำงานสายเปรี้ยว MRENEW-D อาจจะเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนสาย ESG ที่มองหาการลงทุนที่มีความเป็น “เชิงรุก”
สังเกตได้จากข้อแตกต่างในสัดส่วนการลงทุนปัจจุบันที่มีการลงทุนในหุ้นกลุ่ม “อุตสาหกรรม” และ “เทคโนโลยี” รวมกันเป็นสัดส่วนถึง 64.57% (เทคโนโลยี 36.89% และ กลุ่มอุตสาหกรรม 26.68%)
อีกทั้งยังมีการลงทุนในกลุ่ม วัสดุทั่วไป (Basic Materials) ซึ่งส่วนใหญ่จะอิงตามพวกสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก ซึ่งราคามีการเติบโตล้อไปกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งหัวใจสำคัญของการลงทุนใน Sector นี้ก็คือจังหวะเวลา Timing ที่เหมาะสม ในการเข้าร่วมช่วงวัฏจักรขาขึ้น สอดคล้องกับภาวะในตอนนี้ที่เศรษฐกิจค่อย ๆ ฟื้นตัว โดยที่ราคาสินค้าเหล่านี้ยังไม่สูงเกินไปนัก หวังการ Turnaround ได้อย่างดีเยี่ยม
แต่ถึงอย่างนั้น MRENEW-D ก็ยังมีส่วนผสมเชิงรับ ลดความผันผวนอยู่ประมาณหนึ่งอย่างการลงทุนในหุ้นกลุ่ม “สาธารณูปโภค” รวมไปถึง “ของใช้ต่าง ๆ” ซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน เพราะของเหล่านี้มันต้องใช้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!
ดังนั้นหากสรุปแนวทางการลงทุนแล้วตัวกองทุน MRENEW-D ก็ดูจะเป็นไปในเชิง Offensive หรือเชิงรุกมากกว่า ซึ่งมีส่วนผสมทั้งในรูปแบบของ Growth และ Cyclical Play (จับจังหวะลงทุนหุ้นวัฏจักร) จึงอาจเหมาะสำหรับนักลงทุนเชิงรุกที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้เติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ย?
เทียบตัวชี้วัดความรักษ์โลก
คะแนน Sustainability score ของกองทุน Brookfield Global Renewables and Sustainable Infrastructure UCITS Fund ที่มา: morningstar.com วันที่: 30 พฤศจิกายน 2020
หากเรามาดูที่ Sustainability Ranking หรือตัวจัดอันดับความยั่งยืนกองทุนที่ใช้วัดความเสี่ยงทางด้าน ESG T-ES-GGREEN นั้นมีอันดับอยู่ที่อันดับ 7 หากเทียบกับการลงทุนในหมวดหมู่เดียวกัน ซึ่งก็ถือได้ว่าติดอันดับ TOP 10 จากทั้งหมด 347 กองทุนทั้งหมดในหมวดหมู่เดียวกัน จึงถือได้ว่าเป็นตัว TOP ทั้งในเรื่องการลงทุนและในเรื่องของความรักษ์โลก
MRENEW-D
คะแนน Sustainability score ของกองทุน BGF Sustainable Energy Fund ที่มา: morningstar.com วันที่: 30 พฤศจิกายน 2020
หันมาดูทางด้านกองทุนหลักของ MRENEW-D กันบ้างในส่วนของ Sustainability Ranking นั้นถือได้ว่ายืนเป็นอันดับ 1! หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นที่สุดของที่สุดในเรื่องรักษ์โลกก็ว่าได้
คะแนนชี้วัดในเชิง ESG ของกองทุน BGF Sustainable Energy Fund ที่มา: BlackRock Fundfact Sheet วันที่: 31 ธันวาคม 2020
นอกจากนั้นกองทุนหลัก MRENEW-D ยังได้รับการการันตีอีกขั้นหนึ่งจาก MSCI หน่วยงานการลงทุนคุณภาพในสหรัฐฯ โดยได้ rating ในระดับ AA จากระดับสูงสุดที่ AAA ในส่วนของ MSCI ESG Fund Rating (AAA-CCC) อีกทั้งยังได้คะแนนคุณภาพในด้าน ESG (MSCI ESG Quality Score) ถึง 7.75 คะแนนเต็ม 10
จึงถือได้ว่า MRENEW-D เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่ไปสุดในเรื่องของความรักษ์โลก
สัดส่วนหุ้นหลักของ T-ES-GGREEN
สัดส่วนหุ้นหลักของกองทุน Brookfield Global Renewables and Sustainable Infrastructure UCITS Fund ที่มา: Brookfield Fundfact Sheet วันที่: 30 พฤศจิกายน 2020
ต่อไปเรามาดูสัดส่วนหุ้นหลัก ๆ ของกองทุนกันบ้าง ซึ่งหากลองดูดี ๆ หุ้นหลัก ๆ แทบทั้งหมดล้วนลงทุนใน sector พลังงานลมและแสงอาทิตย์ทั้งสิ้นสอดคล้องกับการลงทุนใน sector สาธารณูปโภคเชิงรับที่กล่าวไว้ข้างต้น
แต่ในที่นี้พลังงานลมและแสงอาทิตย์อาจมาเหนือกว่าการผลิตพลังงานในรูปแบบเดิม ๆ สังเกตได้จากข้อมูลด้านล่างที่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์ล้วนใช้ต้นทุนที่ต่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง ถือได้ว่าเป็นพลังงานแห่งอนาคตที่ภาคธุรกิจอาจนำมาปรับใช้อย่างแท้จริง
ภาพแสดงต้นทุนของพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ ที่มา: รายงาน Industrial Revolution 4.0 Brookfield
รีวิวหุ้นหลักของ T-ES-GGREEN
1) EDP Renováveis SA
ภาพแสดงกังหันลมผลิตพลังงานของ EDP Renovaveis SA ที่มา: evwind.es วันที่: 19 พฤศจิกายน 2020
บริษัท ผลิตพลังงานทางเลือก สัญชาติกระทิงดุอย่างสเปน ที่เน้นการทำและพัฒนาพลังงานไฟฟ้า จากน้ำ พลังงานลม แสงอาทิตย์ไปจนถึง คลื่น ซากพืช และขยะชีวภาพ โดยดำเนินการอยู่ในหลายประเทศทั่วโลกทั้งในแถบยุโรปและอเมริกา
และอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าพลังงานทางเลือกในหมวดนี้มีต้นทุนที่ต่ำกว่าการสร้างพลังงานในรูปแบบทั่ว ๆ ไป เพราะฉะนั้นพลังงานทางเลือกอาจจะเป็นธุรกิจทางเลือกแห่งอนาคตและสร้างกำไรได้อย่างแท้จริง
2) Orsted A/S
บริษัท จากเดนมาร์กเน้นผลิตและจัดจำหน่ายพลังงานทางเลือกแบบครบวงจร มีบริการดูแลลูกค้าสำหรับการจัดจำหน่ายโดยเฉพาะ เชี่ยวชาญทั้งการสร้าง การก่อสร้าง ดูแล และควบคุมการใช้พลังงาน
ภาพโลโก้ Amazon ในประเทศเยอรมัน ที่มา: reuters.com วันที่: 10 ธันวาคม 2020
อีกทั้งยังมีแรงสนับสนุนล่าสุดที่ Amazon เข้าเซ็นต์สัญญาสิบปีในการซื้อพลังงานไฟฟ้า พลังงานลมจากฟาร์ม พลังงาน MW Borkum Riffgrund 3 ของ Orsted ผลักดันแผนการอันยิ่งใหญ่ที่ตั้งไว้อย่างการใช้พลังงานทางเลือก 100% ภายในปี 2030 ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของ Orsted อีกทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้ผลักดันราคาหุ้น
และชี้ชัดว่าบริษัทเทคโนโลยีผู้นำโลกยังหันมาใช้พลังงานทางเลือกซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำกว่า ธุรกิจพลังงานทางเลือกจึงอาจเป็นแนวโน้มในอนาคตที่เกาะไปกับกระแสเทคโนโลยีหลักได้เป็นอย่างดี
3) NextEra Energy Inc
บริษัท ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากลมและแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในสหรัฐฯ ที่เพิ่งสร้างกำไรเพิ่มขึ้น 40% ในไตรมาส 3 ปีที่แล้ว หลังการลงทุนใน Florida Power and Light เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย และลดต้นทุนได้มากขึ้น
ส่งผลให้งบปิดปีของ NextEra มีกำไรหลังการปรับ (Adjusted Earnings) เพิ่มขึ้นถึง 10.5% จากปีที่แล้ว ผ่านการสร้างกำไรเพิ่มขึ้นอีก 4.552 พันล้านเหรียญ
งบกระแสเงินสด NextEra Energy Inc ที่มา: reuters.com วันที่: 31 ธันวาคม 2019
อีกทั้งทางบริษัท ยังมีการเพิ่มการลงทุนขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตได้จากรายจ่ายการลงทุน (Capital Expenditures) ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทางบริษัทเองก็ยังมีรายได้ที่เป็นบวกอยู่ถึงแม้จะมีการลงทุนต่อเนื่องก็ตาม สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการสร้างรายได้ที่ดีในอดีต จนทำให้บริษัทสามารถลงทุนพัฒนาได้แบบต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด!
สัดส่วนหุ้นหลักของ MRENEW-D
สัดส่วนหุ้นหลักของกองทุน BGF Sustainable Energy Fund ที่มา: BlackRock Fundfact Sheet วันที่: 31 ธันวาคม 2020
Top Holdings หลัก ๆ ของกองทุนนี้มีความน่าสนใจตรงที่ ตัวกองทุนมีส่วนผสมทั้งความเป็นเทคโนโลยีเน้นเติบโตและความเป็นกลุ่มสาธารณูปโภคเชิงรับ
โดยมีบริษัทอย่าง SCHNEIDER ELECTRIC SE ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการจัดการพลังงานโดยใช้เทคโนโลยี SAMSUNG SDI CO LTD ที่พัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์แบบลดการปล่อยมลภาวะ รวมถึงแบตเตอรี่แบบลิเธียม ไอออน ชาร์จซ้ำ ที่กำลังเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมมือถือ
ในขณะที่ยังมีความเป็นเชิงรับผ่านบริษัทที่สร้างและพัฒนาพลังงานสะอาดอย่าง NEXTERA ENERGY INC และ ENEL SPA
รีวิวหุ้นหลักของ MRENEW-D
1) NEXTERA ENERGY INC
บริษัท ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากลมและแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในสหรัฐฯ และมีการลงทุนรวมถึงมีกระแสรายได้ที่ต่อเนื่อง ดังที่กล่าวไว้ในส่วนก่อนหน้า
2) ENEL SPA
บริษัท พลังงานทางเลือกน้ำดีจากอิตาลี ดำเนินการอยู่ในยุโรปและประเทศอื่น ๆ อีกกว่า 30 ประเทศไม่ว่าจะเป็น อเมริกา แอฟริกา เอเชีย ไปจนถึงโอเชียเนีย เป็นเสาหลักของธุรกิจและครัวเรือนกว่า 74 ล้านแห่ง ในด้านของการจ่ายพลังงาน
อีกทั้งยังมีรายได้ที่เรียกได้ว่าเติบโตแบบต่อเนื่องแบบขาขึ้นอย่างแท้จริง
ภาพแสดงรายได้และกำไรต่อหุ้นของ ENEL SPA ที่มา: reuters.com
รายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง
3) SCHNEIDER ELECTRIC SE
บริษัทให้บริการจัดการ การใช้พลังงานโดยใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย สำหรับครัวเรือน ตึกรามบ้านช่องต่าง ๆ ไปจนถึง data centers และอุตสาหกรรมต่าง ๆ มีการเติบโตทั้งกำไร รายได้แบบต่อเนื่อง
ภาพแสดงรายได้และกำไรต่อหุ้นของ SCHNEIDER ELECTRIC SE ที่มา: reuters.com
มีการเติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร
สรุปความเห็นกองทุนสีเขียวต่างสไตล์
- ทั้งสองกองทุนเป็นกองทุนในธีม ESG ที่สอดคล้องล้อไปกับนโยบายการกระตุ้นอัดฉีดพัฒนาของโจ ไบเดน ที่
- นโยบายกระชับความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรอย่างยุโรปอาจช่วยสนับสนุนกองทุนหลัก ๆ ของทั้งสองกองทุน
- MRENEW-D มีความเป็นเชิงรุกมากกว่า T-ES-GGREEN ที่เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนเชิงรับในสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดออกมาได้ด้วย
- MRENEW-D สามารถลงทุนล้อไปกับโจ ไบเดน ในอีก 5-10 ปีข้างหน้าได้เป็นอย่างดีจากนโยบายสนับสนุนเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม
- T-ES-GGREEN เป็นกองทุนที่น่าสนใจจากการจัดงบของ โจ ไบเดน ถึง 2 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งส่งผลโดยตรงกับกองทุน
- MRENEW-D เป็นกองทุนแบบจ่ายปันผล ในขณะที่ T-ES-GGREEN ไม่จ่ายปันผล
ขอให้ทุกคนโชคดีครับ
Mr. Serotonin
สร้างแผนและเปิดบัญชีกองทุนรวมกับ FINNOMENA สะดวก รวดเร็ว เปิดออนไลน์ ไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก พร้อมเลือกซื้อกองทุนกว่า 1,000 กอง จาก 22 บลจ. ครอบคลุมทุกบลจ. ในประเทศไทย สร้างแผนและเปิดบัญชี คลิก: https://finno.me/open-plan
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”
References
https://www.advratings.com/top-asset-management-firms
https://www.bbc.com/news/election-us-2020-53575474
https://www.evwind.es/2020/11/19/edp-renewables-signs-63-mw-ppa-with-novartis/78190
https://joebiden.com/climate-plan/
https://www.morningstar.co.uk/uk/funds/snapshot/snapshot.aspx?id=F000015OBX&tab=3
https://www.morningstar.co.uk/uk/funds/snapshot/snapshot.aspx?id=F0GBR04KF3&tab=3
https://www.nexteraenergy.com/sustainability/overview/about-this-report/by-the-numbers.html
https://www.reuters.com/article/idUSKBN28K1NV
https://www.reuters.com/article/idUSL4N2HC2LZ
https://www.reuters.com/companies/SCHN.PA/profile
https://www.thanachartfundeastspring.com/PDF/FIF/FFS/IE00BKVDGT87.pdf