การฟื้นตัวของเศรษฐกิจดูเป็นเรื่องที่จะมีความแน่ชัดมากยิ่งขึ้นหลังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล เริ่มสะท้อนการมาถึงของเงินเฟ้อที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงราคาโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ปรับตัวอย่างร้อนแรง เช่น น้ำมัน เหล็ก หรือจะเป็นราคาวัตถุดิบอาหารต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อาจกลับมาได้อีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้กองทุนที่ลงทุนในดัชนีอุตสาหกรรมเก่าแต่เก๋าอย่าง SCBDJI(A) จึงอาจมีความน่าสนใจ มากกว่าหุ้นเติบโตเรามาดูกันว่าทำไมการลงทุนในดัชนีหุ้นอย่าง Dow Jones Industrial Average Index หรือ DJI หรือที่เรียกกันอย่างคุ้นหูว่าดัชนี “ดาวโจนส์” ถึงมีความน่าสนใจในจังหวะเวลานี้
ก่อนจะเข้าเนื้อหาเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าดัชนี Dow Jones ก็คือดัชนีที่มีคอนเซปต์อย่างการนำหุ้นขนาดใหญ่ 30 ตัว ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดมาใส่ในดัชนี หมายความว่าถ้าหุ้นนั้นมีราคาสูงมาก ๆ ก็จะถูกนำมาใส่ในดัชนี แต่ก็ต้องดูจำนวนหุ้นที่บริษัทนั้นออกด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยป้องกันหุ้นที่มีแต่ราคา ไม่มีขนาดได้นั่นเอง
เปิดบัญชีกองทุนประหยัดภาษี SSF RMF กับ FINNOMENA สะดวก รวดเร็ว เปิดออนไลน์ ไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก พร้อมเลือกซื้อกองทุนประหยัดภาษีมากกว่า 10 บลจ.
คลิก https://finno.me/open-plan
ดัชนีคุณปู่เก่าแต่ยังเก๋า ปรับตัวได้ดีมาเป็นร้อยปี
ใครหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าการลงทุนในกองทุนดัชนีเอง ไม่ได้จะเหลือรอดมาทุกยุคทุกสมัยได้ตลอด ตัวอย่างเช่น การลงทุนในดัชนี Nifty Fifty หรือ 50 สุดยอดหุ้นในยุคก่อน ที่มาพร้อมกับวลี “ซื้อ” และ “ถือ” เท่านั้น โดยหุ้นดังกล่าวมีการเติบโตของกำไรที่สูงและมีค่า PE ที่สูงด้วยเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ล้มหายตายจากไปได้เช่นเดียวกัน
หรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือ คล้าย ๆ กับดัชนีหุ้นเทคโนโลยี NASDAQ ในปัจจุบัน ที่มีช่วงที่ทำผลตอบแทนได้ในระดับสุดยอดร้อนแรง
ธีมการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตหรือ The Next of Something ดูเหมือนจะเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนี้ ซึ่งการลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวมีพื้นฐานอยู่บนความไม่แน่นอน แต่ถ้าหากลงทุนแบบรวดเดียว สไตล์นักลงทุนเน้นความเชื่อมั่น (High Conviction) ซึ่งถ้าจับจังหวะ มองเทรนด์ได้ถูกเราก็อาจจะได้ผลตอบแทนอย่างเป็นกอบเป็นกำ
แต่ในขณะเดียวกันหากอุตสาหกรรมที่ว่าไม่เป็นที่ต้องการหรือไม่ได้เป็นธุรกิจที่เข้ามา Disrupt โลกใบเดิม ๆ อีกต่อไปแล้ว การลงทุนในที่ดังกล่าวก็อาจพังทลายลงได้เช่นกัน
ดังนั้นการลงทุนในดัชนีทางเลือกอย่าง S&P 500 หรือ DJI ที่มีการกระจายการลงทุนในหลายภาคส่วนจึงอาจเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนในแง่ของความยั่งยืน หรืออาจจะเป็นในแง่ของการจับจังหวะสอดคล้องไปกับสถานการณ์ อย่างเช่นดัชนี ดาวโจนส์ ในตอนนี้ ที่มีแนวโน้มล้อไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงความเสี่ยงที่น้อยกว่าหุ้นเทคโนโลยีที่อาจเจอแรงกดดันจากการขึ้นภาษีและการปรับขึ้นดอกเบี้ย ณ ตอนนี้
SCBDJI(A) ลงทุนในธุรกิจหมวดใดบ้าง?
ภาพแสดงสัดส่วน Sector หลักของกองทุน SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust ที่มา: ssga.com วันที่: 10 พฤษภาคม 2021
หลังจากที่ทราบกันไปแล้วว่าการลงทุนใน SCBDJI(A) เหมือนกับการลงทุนในดัชนีดาวน์โจนส์ ซึ่งตัวกองทุนได้ไปลงทุนในกอง ETF ต่างประเทศอย่าง SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust ต่อไปเราก็มาดูสัดส่วน sector ภาคธุรกิจที่ลงทุนกันสักหน่อย
จากสัดส่วนเราจะสังเกตเห็นได้ว่า ตัวดัชนีไม่ได้ทิ้งส่วนผสมของหุ้นเติบโตแห่งอนาคตอย่างหุ้นเทคโนโลยีที่นับว่ามีแนวโน้มความสำคัญที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ กับโลกธุรกิจในปัจจุบัน
หรือจะเป็นกลุ่มเฮลท์แคร์ที่มีแนวโน้มเป็นหุ้นปฏิวัติวงการทางการแพทย์ ที่หากวิจัยได้สำเร็จ เทคโนโลยีที่ว่าก็จะสามารถทำกำไรเป็นกอบเป็นกำให้กับบริษัทได้อย่างมหาศาล ยกตัวอย่าง ง่าย ๆ ก็เช่นการวิจัยวัคซีนโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาที่บริษัทอย่าง Pfizer ถือได้ว่าเป็น Big Win ในด้านนี้
แต่ตัวดัชนีเองก็ยังมีการให้น้ำหนักในส่วนของ sector ภาคอุตสาหกรรม ที่มีความสำคัญกับธุรกิจไม่แพ้กัน เพราะ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลาย ๆ ธุรกิจยังคงต้องการวัตถุดิบต่าง ๆ ไปใช้ รวมถึงยังมีการลงทุนในกลุ่มการเงินที่เป็นฟันเฟืองแห่งโลกทุนนิยม และหมวดธุรกิจของใช้จำเป็นต่าง ๆ ที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
จากสัดส่วนที่ว่าจึงอาจทำให้ดัชนีดาวน์โจนส์ เป็นอีกหนึ่งดัชนีที่มีคุณค่าที่คุณคู่ควรในตอนนี้ เนื่องจากยังมีสัดส่วนธุรกิจที่ลงทุนในอุตสาหกรรมดั้งเดิมแต่จำเป็น ที่อาจเติบโตล้อไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงนี้
สัดส่วนหุ้นหลักในตอนนี้
ภาพแสดงสัดส่วนหุ้นหลักของกองทุน SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust ที่มา: ssga.com วันที่: 10 พฤษภาคม 2021
หลาย ๆ คนหากเห็นชื่อหุ้นด้านบนแล้วคงมีหุ้นที่คุ้นหูกันไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็น Goldman Sachs บริษัท ธุรกิจการเงินชื่อดังระดับโลก, Microsoft บริษัท เทคโนโลยีที่ให้บริการอย่างครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฮาร์แวร์ ซอฟต์แวร์ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันรวมถึงมีอาวุธลับอย่างระบบ Cloud ธุรกิจทำเงินเติบโตสองไตรมาสติดในช่วงล่าสุด, McDonald ฟาสฟู้ดเชนสาขาระดับโลก ที่เรียกได้ว่าทุก ๆ ที่บนโลกต้องมี McDonald ให้คุณเข้า
และหากมาดูหุ้นบางส่วนที่อาจจะไม่คุ้นหูคนไทยเท่าไรนัก แต่สำหรับชาวอเมริกันอาจจะเรียกได้ว่า มันอยู่ในชีวิตประจำวัน ก็ว่าได้ หุ้นที่ว่าก็จะเป็น UnitedHealth Group Incorporated บริษัท ที่ให้บริการเกี่ยวกับประกันสุขภาพที่มีจำนวนผู้ใช้บริการมากที่สุดในสหรัฐ, Home Depot บริษัท ที่ขายทุกอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับบ้านไม่ว่าจะเป็นของตกแต่ง หรือคิดง่าย ๆ ว่าเป็น Homepro แห่งอเมริกา
ซึ่งต่อไปเราจะมาดูหุ้นที่มีสัดส่วนเป็นหลักของดัชนีนี้กัน เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักและเข้าใจเกี่ยวกับหุ้นต่าง ๆ เหล่านี้มากขึ้น
รีวิวหุ้นหลัก TOP 5
UnitedHealth Group (7.97%)
บริษัท ให้บริการประกันสุขภาพที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในสหรัฐ และติดอันดับครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 3 อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีการให้บริการในส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เช่น การให้บริการระบบตรวจสอบศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มีมาตรฐานได้รับการรับรองจาก FDA (หน่วยงานอาหารและยาของสหรัฐ) รวมถึงศูนย์ตรวจโควิด-19 ในพื้นที่ใกล้เคียง
ซึ่งหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่อาจได้อานิสงค์ผลบวกจากโควิด-19 มาจากการทำประกันสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทก็มีรายได้เติบโตที่ราว ๆ 7.22% จากไตรมาสก่อนหน้าและมีกำไรต่อหุ้นเติบโตถึงราว ๆ 43% หากเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
Goldman Sachs (6.98%)
หนึ่งในธนาคารให้บริการการลงทุน ที่มีชื่อติดอยู่ในหัวและหัวใจของทุก ๆ คน ให้บริการการจัดการการลงทุนมาอย่างช้านาน มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายทั้งรายใหญ่และรายย่อย อีกทั้งยังมีบทวิจัยที่เข้มข้นสำหรับนักลงทุนสายฮาร์ดคอร์ให้ได้ตามเสพอ่านกัน
นอกเหนือจากสรรพคุณข้างต้นแล้ว Goldman Sachs ยังไม่ได้เป็นแค่บริษัทราคาคุยในด้านชื่อเสียง เพราะ พิสูจน์ผ่านกำไรต่อหุ้น (EPS) ในช่วง 5 ปีย้อนหลังที่เติบโตเฉลี่ยแบบสองหลักถึง 15.30%
Home Depot (6.46%)
โฮมโปรแห่งอเมริกา บริษัท เจ้าของหุ้นเติบโตหลายเด้งที่เป็นที่พูดถึงในช่วงหลายปีก่อน ถือเป็นหุ้นที่เติบโตได้อย่างโดดเด่นในช่วงอดีต และเป็นหุ้นที่ปรากฎให้เห็นในหน้าหนังสือหุ้นสายฮาร์คอร์อยู่บ้าง
Amgen (4.78%)
บริษัท เทคโนโลยีเฮลท์แคร์ระดับโลก เน้นการวิจัยเพื่อปลดล็อคศักยภาพการรักษาผู้ป่วยโรคร้ายต่าง ๆ ในรูปแบบของยาและนวัตกรรม มีตัวอย่างผลิตภัณฑ์ เช่น Aranesp ยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีจำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำ, BLINCYTO ยาที่ใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยเป็นโรคลูคิเมีย เป็นต้น
Microsoft (4.68%)
หนึ่งในบริษัทบิ๊กเทค ผู้นำด้านเทคโนโลยี บัญชาการโดยสัตยา นาเดลลา โดยผลิตภัณฑ์มีตัวอย่างให้เห็นกันอยู่รอบตัว ตั้งแต่ตอนเปิดคอมที่บ้านหรือคอมที่ออฟฟิศ ผ่านโปรแกรมสามัญประจำบ้านอย่าง Microsoft Office หรืออุปกรณ์ฮาดแวร์ต่าง ๆ เป็นต้น สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของบริษัท
อีกทั้งยังมีระบบ Cloud ช่วยจัดเก็บข้อมูลอย่าง Azure หนึ่งในธุรกิจธีม Disruption ที่เติบโตมาถึง 50% สองไตรมาสติดกัน พร้อมกำไรเติบโตในช่วงไตรมาสล่าสุดถึง 39% (หากเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า)
สรุปผลตอบแทนย้อนหลัง
ภาพแสดงผลตอบแทนของกองทุน SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust ในรูปแบบกราฟแท่ง ที่มา: ssga.com วันที่: 30 เมษายน 2021
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ภาพแสดงผลตอบแทนของกองทุน SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust ในรูปแบบกราฟแท่ง ที่มา: ssga.com วันที่: 30 เมษายน 2021
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ในส่วนของผลตอบแทนย้อนหลังก็จะเห็นได้ว่า กองทุนทำผลงานได้ใกล้เคียงกับตัวดัชนีมาก ๆ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักของการเลือกกองทุนแนว Passive Fund
เพราะ หากนึกภาพง่าย ๆ เราคงไม่อยากเห็นตัวเองลงทุนในดัชนีแล้วได้ผลตอบแทนต่างกันกับดัชนีจริง ๆ ขนาด 1%-2% เป็นแน่ ซึ่งถ้าเบี่ยงเบนแล้วเป็นบวกก็ดีไป แต่ถ้าลบลงมาก็อาจเป็นปัญหา แต่การลงทุนไม่ใช่การเสี่ยงดวง ดังนั้นเอาให้ใกล้เคียงไว้ก็น่าจะดีกว่าครับ
สรุปจุดเด่นกองทุน SCBDJI(A)
- ลงทุนแบบ Passive ล้อไปกับดัชนีดาวโจนส์ผ่านกองทุน SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust ให้ความยั่งยืนที่มากขึ้น
- ลงทุนในหุ้น “บลูชิป” หรือหุ้นใหญ่มูลค่าตามราคาตลาดสูง 30 อันดับแรกในสหรัฐ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนล้อไปกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสหรัฐในช่วงนี้
- ช่วยลดความกังวลในการถือหุ้นเทคโนโลยีระยะสั้น เนื่องจากมีการกระจายสัดส่วนลงทุนไปยังธุรกิจแบบดั้งเดิม
- มีค่าธรรมเนียมต่ำตามสไตล์กองทุนแบบ Passive
ความเสี่ยงที่ควรรู้
- กองทุนมีส่วนผสมการลงทุนอยู่ในอุตสาหกรรมยุคเก่าขนาดใหญ่จึงอาจทำให้เติบโตไม่ได้มากนักในระยะยาว เว้นแต่จะมีเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือการเปลี่ยนผู้บริหารมา Turn around ให้บริษัทกลับมาเติบโตอีกครั้ง
- กองทุนนี้ลงทุนในหุ้นล้วน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีการกระจายความเสี่ยงผ่านการลงทุนในหุ้นใหญ่หลากหลายตัวที่มีความมั่นคงกว่าธุรกิจขนาดเล็ก
สร้างแผนและเปิดบัญชีกองทุนรวมกับ FINNOMENA สะดวก รวดเร็ว เปิดออนไลน์ ไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก พร้อมเลือกซื้อกองทุนกว่า 1,000 กอง จาก 22 บลจ. ครอบคลุมทุกบลจ. ในประเทศไทย สร้างแผนและเปิดบัญชี คลิก: https://finno.me/open-plan
References
https://www.forbes.com/companies/amgen/?sh=64384b896ae3
https://www.reuters.com/companies/GS.N/key-metrics
https://www.ssga.com/us/en/institutional/etfs/funds/spdr-dow-jones-industrial-average-etf-trust-dia
https://www.ssga.com/library-content/products/factsheets/etfs/us/factsheet-us-en-dia.pdf
https://www.thestreet.com/investing/unitedhealth-group-tops-earnings-forecast-boosts-2021-guidance
https://www.valuepenguin.com/largest-health-insurance-companies
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”