พวกเราเชื่อว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคสมัยที่ “มูลค่า” ต้องปรับวิธีการคิดเสียใหม่และทำให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งคำว่า “ถูก” อาจเป็นมากกว่าการพึ่งพาตัวชี้วัดทางบัญชี – Franklin Templeton – Rethinking Value Research
มันมีช่วงเวลาของหุ้นบลูชิพ หุ้นวัฎจักร ตราสารหนี้เอกชน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และ อื่น ๆ รวมไปถึงช่วงเวลาที่เราต้องถือเงินสด ความเป็นจริงก็คือ ไม่มีการลงทุนใดที่จะดีไปได้ตลอด – Sir John Templeton
จงยืดหยุ่นและเปิดกว้างกับการลงทุนหลากหลายรูปแบบ – Sir John Templeton
ประโยคข้างต้น เป็นประโยคที่ปรากฎในบทวิจัยเกี่ยวกับการคิดมูลค่าของ Franklin Templeton ที่สะท้อนให้เห็นว่าการคิดมูลค่าในยุคนี้ อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนไป และเราต้องมีความคิดที่ยืดหยุ่นต่อสินทรัพย์ต่าง ๆ เพราะ ไม่มีสินทรัพย์ใดที่จะสร้างผลตอบแทนได้ดีทุกช่วงเวลา
การวิเคราะห์มูลค่าอาจเป็นมากกว่าการวิเคราะห์สัดส่วนทางการเงิน หรือทรัพย์สินของบริษัทล้วน ๆ ซึ่งเป็นวิธีคิดดั้งเดิมจากปรมาจารย์ด้านมูลค่าอย่าง Benjamin Graham ที่ในตอนนี้แม้แต่ Warren Buffett เองที่ทำตาม Playbook เล่มดังกล่าว และอ่าน Pink sheets (หุ้นที่ไม่ผ่านเงื่อนไขจดทะเบียนในตลาดหลัก) เป็นปึก ๆ ยังออกมากล่าวว่า การหาหุ้นตามสูตรของคุณเกรแฮมในตอนนี้ถือว่าหาได้ยากมาก ๆ
โดยปกติแล้วหากเราพูดถึงเรื่องมูลค่าเราอาจจะนึกถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
แต่หากมาดูที่ framework แนวคิดของ Franklin Templeton หลัก ๆ แล้วการคิดมูลค่าจะประกอบไปด้วยการคำนึงถึงปัจจัย 5 ส่วน ซึ่งประกอบไปด้วย
มาถึงส่วนของกลยุทธ์ตัวอย่างกันแล้ว ในส่วนนี้ทาง Franklin Templeton ได้ทำการประเมินมูลค่าผ่านตัวแปรสองชนิดซึ่งก็คือ ตัวแปรยอดนิยมอย่างค่า PE ซึ่งในที่นี้ทาง Franklin Templeton ใช้เป็นตัว FY 6 PE หรือตัวคาดการณ์ค่า PE ในอีก 6 ปีข้างหน้า มาจับคู่กับ Sales growth หรือการเติบโตของยอดขาย
และนำปัจจัยทั้งสองตัวมาแบ่งตาม Quintiles 5 ส่วน โดย Quintile 1 (Q1) จะแบ่งเป็นหุ้นที่มีค่า PE ถูกที่สุด (น้อยที่สุด) และ Sales growth สูงที่สุด ในขณะที่ Quintile 5 (Q5) จะเป็นหุ้นที่มีค่า PE ที่แพงที่สุด และมี Sales Growth ที่น้อยที่สุด
จากภาพก็จะเห็นได้ว่าหุ้นที่อยู่ใน Q1 ซึ่งมีค่า PE ถูกที่สุดและ Sales Growth สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น ที่ 158.20% และ 123.00% ตามลำดับ แต่ถึงอย่างนั้นหากเรานำปัจจัยทั้งสองส่วนมาประกอบการวิเคราะห์ด้วยกัน เราก็จะสังเกตได้ว่าในแถวสุดท้าย เราจะได้กลุ่มหุ้นที่สร้างผลตอบแทนได้เหนือกว่าการดูปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเพียงอย่างเดียว
นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าของถูกอาจจะดีในระดับหนึ่ง แต่ทั้งถูกและเติบโตด้วย ยิ่งดียิ่งกว่า ซึ่งข้อพิสูจน์ข้างต้นก็ชี้ให้เห็นว่าการหามูลค่าไม่จำเป็นต้องหาผ่านบริษัท ที่มีการเติบโตต่ำผู้คนไม่สนใจเสมอไป ซึ่งบางครั้งตลาดก็ให้ความสำคัญกับการเติบโตของกำไรในระยะยาว
จากภาพด้านบน หากเรานำหุ้นที่สร้างผลตอลแทนยอดเยี่ยมได้ 100 อันดับแรกมาแยกกับหุ้นทั้งหมดในดัชนีหุ้นโลก MSCI World มาดูย้อนหลังตอนช่วงปี 2019 เราก็จะเห็นได้ว่าหุ้นที่ทำผลตอบแทนโดดเด่นในตอนนั้นมีค่า PE ที่สูงถึง 52.70 เท่า
ซึ่งถ้าเราใน EPS หรือกำไรต่อหุ้นในปี 2019 มาเทียบกับราคาหุ้นในปี 2014 เราจะสังเกตได้ว่าจริง ๆ แล้วหุ้นที่ทำผลตอบแทนโดดเด่น 100 อันดับแรกไม่ได้แพงอย่างที่คิดและมีค่า PE เพียง 9.9 เทียบกับ 18.1 จากดัชนีหุ้นโลก
ดังนั้นการมองเรื่องการเติบโตอาจจะไม่ใช่สิ่งที่แย่เสมอไป
สิ่งที่เราควรมุ่งหาอาจเป็นของถูกที่มีศักยภาพในการเติบโต ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี (ตามการแบ่ง Quintiles ข้างต้น) ดังนั้นการผสมผสานหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงรวมไปถึงหุ้นมูลค่าที่มีการเติบโตต่ำปกป้องเราจากความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ดีจึงอาจเป็นสิ่งที่ควรกระทำ
ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนในหุ้นกลุ่มค้าปลีกและการเดินทางที่ถูกเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงการหาโอกาสในหุ้นเทคโนโลยีในกลุ่มที่ไม่แพงดังเช่นกลุ่มอินเทอร์เน็ต เช่น หุ้นกลุ่มซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ รวมไปถึงหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์
ญี่ปุ่นมีค่า Correlation ที่แตกต่างกับหุ้นโลกในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีนโยบายการเงินในเชิงผ่อนคลาย รวมถึงมีภาษีนิติบุคคลที่ต่ำ มีส่วนผสมในเชิงรับของการกระจายรายได้ที่หลากหลายรวมไปถึงการเติบโตแบบเทคโนโลยีและ automation อีกทั้งยังปกป้องเงินเฟ้อได้ดีจากการที่บริษัทต่าง ๆ มีส่วนผสมของโภคภัณฑ์และมีค่าเงินที่มีความเสถียร
และหากย้อนไปนับตั้งแต่ช่วงปี 2018-2019 มาจนถึงปัจจุบัน การเน้นหนักลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นก็ดูจะได้ผล เพราะ สร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นเหนือหุ้นโลกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
ขอให้ทุกคนโชคดีครับ
เนื้อหาส่วนหนึ่งโดย Franklin Templeton Academy
เรียบเรียงและจัดทำโดย Mr. Serotonin
รายละเอียดเพิ่มเติม ความร่วมมือระหว่าง FINNOMENA x Franklin Templeton
FINNOMENA x Franklin Templeton : https://finno.me/ftxfinnomena
FINNOMENA x Franklin Templeton Investor Base : https://finno.me/investorbase
ข้อสงวนสิทธิ์
แฟรงคลิน เทมเพิลตัน (“Franklin Templeton”) ไม่รับผิดใด ๆ ต่อบุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ บริการ เว็บไซต์ หรือเนื้อหาใด ๆ ที่ได้จัดทำหรือปรากฏในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอกนั้น อีกทั้ง Franklin Templeton ไม่ได้ให้คำรับรอง รับประกัน หรือเป็นตัวแทน ไม่ว่าจะโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายในเนื้อหาหรือความถูกต้องของข้อมูลในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอก และไม่รับผิดต่อสิ่งใด ๆ ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากสิ่งที่กล่าวไว้ข้างต้น
ในกรณีที่มีความแตกต่างกันระหว่างเอกสารภาษาอังกฤษกับการแปลเป็นภาษาไทย ให้ยึดถือตามเอกสารภาษาอังกฤษ
แหล่งข้อมูล
Franklin Templeton Academy
Article, FINNOMENA Franklin Templeton, Infographic, Knowledge, Long Content, stock valuation, valuation