E-commerce ถือเป็นอุตสาหกรรมผ่านเทคโนโลยีที่มองข้ามไม่ได้ จากข้อมูลการเติบโตที่ไม่ได้ขายฝันและไม่ได้มาเล่น ๆ มาสำรวจกันว่าหากเราต้องการลงทุนในธุรกิจ E-commerce กองทุนอย่าง ONE-GECOM จะช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงเป้าหมายผลตอบแทนที่คาดหวังในอุตสาหกรรมนี้อย่างไรบ้าง
5 เหตุผลทำไมถึงต้องลงทุนในหุ้น E-commerce
- E-commerce เป็นทางเลือกที่ปฏิเสธไม่ได้ของธุรกิจรายย่อย ที่ต้องการความคล่องตัวสูง ทุนไม่จม ไม่เจ็บหนัก หรือ ไม่เจ็บเลยหากไม่สต็อคสินค้า รวมไปถึงรายใหญ่ที่ต้องปรับตัวเข้ามาต่อสู้แย่งชิงพื้นที่ในตลาดนี้มากขึ้น หลังตลาด E-commerce เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอัตราที่สูงมาก ๆ
- ยอดขายออนไลน์ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบแบบทบต้นที่ 20% ต่อปี ในช่วงปี 1999-2020 จากรายงานของกระทรวงการค้าสหรัฐฯ*
- มีการคาดการณ์ว่าจำนวนนักช้อปออนไลน์จะเติบโตที่ 25% ต่อปี ในช่วงปี 2019-2023**
- E-commerce กำลังเข้ามาแย่งพื้นที่ในโลกของการค้าขายแบบมีหน้าร้าน โดยครองพื้นที่สัดส่วนอยู่ที่ 21.3% ของยอดขายสินค้าทั้งหมดในปี 2020 และมีแนวโน้มเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลในอดีต***
- ตลาด E-commerce เติบโตแบบก้าวกระโดดในปี 2020 หลัง COVID-19 เข้ามาเร่งอัตราการเติบโตในระดับที่สูงมาก ๆ E-commerce จึงอาจเป็นแนวโน้มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีแนวโน้มปัจจัยพื้นฐานยืนยันอย่างชัดเจน****
สร้างแผนและเปิดบัญชีกองทุนรวมกับ FINNOMENA สะดวก รวดเร็ว เปิดออนไลน์ ไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก พร้อมเลือกซื้อกองทุนกว่า 1,000 กอง จาก 22 บลจ. ครอบคลุมทุกบลจ. ในประเทศไทย สร้างแผนและเปิดบัญชี คลิก: https://finno.me/open-plan
*ข้อมูลจาก กระทรวงการค้าสหรัฐฯ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2020 ที่มา: amplifyetfs.com
**ข้อมูลจาก eMarketer ณ เดือน พฤษภาคม 2019 ที่มา: amplifyetfs.com
*** ภาพแสดงข้อมูลสัดส่วนยอดขายแบบออนไลน์กับยอดขายจากร้านที่มีหน้าร้าน ณ เดือน มกราคม 2021 ที่มา: digitalcommerce360.com
**** ข้อมูลอัตราการเติบโตของยอดขายใน E-commerce เทียบกับการเติบโตของยอดค้าปลีกปกติ ณ เดือน มกราคม 2021 ที่มา: digitalcommerce360.com
“ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต”
สัดส่วนลงทุนหลักกองทุน ONE-GECOM
ภาพแสดงสัดส่วนลงทุนกองทุน ONE-GECOM วันที่ 29 มกราคม 2564 ที่มา: Fund Fact Sheet บลจ.วรรณ
หากเรามาเช็คสัดส่วนหลัก ๆ ของกองทุนจะเห็นได้ว่าหลัก ๆ แล้วจะมีส่วนผสมทั้งการลงทุนใน Amplify Online Retail ETF ที่เป็นสัดส่วนหลักถึง 82.45% รวมไปถึงการลงทุนในหุ้นโดยตรงอย่างยอดบริษัทค้าปลีกและ cloud อย่าง Amazon ไปจนถึง Amazon เมืองจีนอย่าง Alibaba รวมไปถึง Paypal ยอดระบบใช้จ่ายออนไลน์และ Chegg ผู้ให้บริการเช่าหนังสือ รวมถึงติวหนังสือออนไลน์
เจาะลึกสัดส่วนหลักเน้น ๆ ของ Amplify Online Retail ETF
ภาพแสดงสัดส่วนมูลค่าตลาดของหุ้นใน Amplify Online Retail ETF วันที่ 31 ธันวาคม 2020 ที่มา: amplifyetfs.com
หลัก ๆ แล้วมีการลงทุนในหุ้นใหญ่ซะส่วนใหญ่ ซึ่งหุ้นใหญ่จะเป็นหุ้นที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน และมีความมั่นคงสูงกว่าหุ้นเล็ก ในขณะที่หุ้นเล็กและหุ้นขนาดกลาง ก็ยังมีสัดส่วนผสมให้เห็นในปริมาณที่พอเหมาะพอดีและสมดุล โดยเหล่าหุ้นเล็กและหุ้นขนาดกลางหากคัดสรรได้อย่างถูกต้องก็อาจมีโอกาสเติบโตเป็นหุ้นเด้ง ให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในอนาคต
จึงเรียกได้ว่าในพอร์ตการลงทุนของ ETF ตัวนี้มีส่วนผสมทั้งการเติบโตและความมั่นคงจากธุรกิจที่มีรากฐานเรียบร้อย
สัดส่วนหุ้นหลักและข้อมูลหุ้นรายตัว
ภาพแสดงสัดส่วนหุ้นหลักใน Amplify Online Retail ETF วันที่ 8 มีนาคม 2021 ที่มา: amplifyetfs.com
GROUPON INC (สัดส่วน 5.23%)
บริษัท E-commerce ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าและบริการบนโลกออนไลน์ในราคาที่ถูกกว่า ตามพื้นที่ท้องถิ่นในแต่ละภาคส่วนของโลกทั้งใน อเมริกาเหนือ ดินแดนผู้นำที่มั่งคั่ง ยุโรป ตะวันออกกลาง ไปจนถึงในแอฟริกา และประเทศอื่น ๆ มีจุดเด่นอย่างการมีสินค้าและบริการจากทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงแพคเกจการท่องเที่ยวแบบลดราคา
TRIPADVISOR INC (สัดส่วน 4.66%)
แพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ ที่ให้คุณจองและเปรียบเทียบราคาทั้งโรงแรม เที่ยวบิน เรือสำราญ แพคเก็จทัวร์ กิจกรรมต่าง ๆ ไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยมีการแตกแขนงเว็บไซต์ออกไปนอกสหรัฐฯ และปรับให้เข้ากับบุคคลท้องถิ่นในที่ต่าง ๆ บนโลก โดยปัจจุบัน TripAdvisor มี 48 เว็บไซต์ท้องถิ่น และใช้งานได้ 28 ภาษาทั่วโลก
REVOLVE GROUP INC (สัดส่วน 4.45%)
ผู้ให้บริการค้าปลีกสินค้าแฟชั่นต่าง ๆ สำหรับคนรุ่นใหม่อย่างมิลเลนเนียลและเจน z มีสินค้ามากกว่า 45,000 แบบทั้งในส่วนของเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับต่าง ๆ จากแบรนด์สินค้ากว่า 500 แบรนด์ ให้บริการสองรูปแบบสำหรับลูกค้าสองกลุ่มผ่าน REVOLVE ที่คัดสรรเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และ FORWARD ที่ให้บริการสินค้าแบรนด์หรูสำหรับกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง
LYFT INC (สัดส่วน 3.92%)
คู่แข่งคนสำคัญของ Uber ในการให้บริการเรียกพาหนะเดินทางแสนสะดวก มีจุดเด่นอย่างการทำ ride sharing หรือการไปด้วยกันในทางเดียวกันที่ช่วยลดค่าโดยสาร ค่าบริการที่ถูกกว่าและให้รายได้กับคนขับสูงกว่า Uber รวมถึงมีการคัดกรองทางด้านความปลอดภัยตามมาตรฐาน
STITCH FIX INC (สัดส่วน 3.76%)
ผู้ให้บริการเสริมสวยออนไลน์และให้คำแนะนำผ่านอัลกอริทึมเฉพาะตัว เพื่อเลือกชุดเสื้อผ้า ขนาด สไตล์ ที่เหมาะสมที่สุดให้กับผู้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ใช้ ตามงบหรือเงินที่เหมาะสมกับผู้ใช้ อีกทั้งบริษัทยังมีรายได้ที่เติบโตต่อเนื่อง
หุ้นอื่น ๆ ที่ ONE-GECOM ลงทุนโดยตรง
Amazon (สัดส่วน 2.80%)
ผู้ให้บริการ E-commerce ขนาดใหญ่อันเลื่องชื่อ รวมไปถึงระบบ cloud มาแรงซึ่งคงไม่ต้องพูดอะไรมากสำหรับหุ้นตัวนี้
Chegg (สัดส่วน 2.38%)
ผู้ให้บริการเทคโนโลยีเกี่ยวกับการศึกษาออนไลน์ทั้งบริการติวหนังสือ รวมถึงหนังสือแบบออนไลน์และออฟไลน์
Alibaba (สัดส่วน 2.34%)
อีกหนึ่งแพลตฟอร์ม E-commerce ชื่อดังของจีน หรือ อาจเรียกง่าย ๆ ได้ว่า Amazon เมืองจีน
ผลตอบแทนย้อนหลัง Amplify Online Retail ETF
ผลตอบแทนย้อนหลัง Amplify Online Retail ETF วันที่ 5 มีนาคม 2021 ที่มา: amplifyetfs.com
“ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต”
ผลตอบแทนย้อนหลัง Amplify Online Retail ETF วันที่ 5 มีนาคม 2021 ที่มา: amplifyetfs.com
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
จากสัดส่วนการลงทุน และผลตอบแทนข้างต้น ทำให้เห็นว่า Amplify Online Retail ETF ยังทำผลตอบแทนได้เหนือกว่าดัชนีหุ้นอเมริกาอย่าง S&P 500 ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าการลงทุนในกลุ่ม E-commerce นั้นมีการเติบโตที่เหนือกว่าการลงทุนเฉลี่ยในหุ้นแบบปกติ
ทำไมถึงต้องลงทุนใน ONE-GECOM
- มีการจัดการแบบ Active มุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนให้เหนือค่าเฉลี่ย
- สามารถลงทุนในหุ้นต่างประเทศโดยตรงได้ตามความเหมาะสมของผู้จัดการกองทุน ช่วยสร้างผลตอบแทนผ่านการเกาะไปกับแนวโน้มของแต่ละช่วง
- มีการลงทุนแบบกระจายไปในหุ้นหลาย ๆ ตัว ผ่าน ETF ที่เป็นสัดส่วนหลักในการลงทุน ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี
- ลงทุนทั้งหุ้นใหญ่ กลาง เล็ก ให้ทั้งความมั่นคงและโอกาสเติบโต
- ลงทุนในหุ้นได้ทั่วโลกลดกรอบ และสร้างโอกาสเติบโตที่มากขึ้น
นโยบายการลงทุนและความเสี่ยง
ลงทุนในหุ้นจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่ทำธุรกิจ มีรายได้หรือได้ประโยชน์จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซจากทางตรงหรือทางอ้อม เช่น บริษัทที่ทำการซื้อขายสินค้าหรือให้บริการออนไลน์ ลงทุนในหุ้นต่างประเทศตามลักษณะข้างต้น
ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนอีทีเอฟ (ETF) ต่างประเทศ ที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดโดยกองทุนจะมี net exposure ในตราสารทุนต่างประเทศตามลักษณะข้างต้น รวมกันโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ระดับความเสี่ยงระดับ 6
References
https://amplifyetfs.com/Data/Sites/6/media/docs/IBUY_Fact_Card.pdf
https://www.digitalcommerce360.com/article/us-ecommerce-sales/
https://www.monsterinsights.com/50-breathtaking-online-shopping-statistics-you-never-knew/
https://www.one-asset.com/doc_fund/Fund%20Summary%20Prospectus/ONE-GECOM_summary_prospectus.pdf
สร้างแผนและเปิดบัญชีกองทุนรวมกับ FINNOMENA สะดวก รวดเร็ว เปิดออนไลน์ ไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก พร้อมเลือกซื้อกองทุนกว่า 1,000 กอง จาก 22 บลจ. ครอบคลุมทุกบลจ. ในประเทศไทย สร้างแผนและเปิดบัญชี คลิก: https://finno.me/open-plan
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในประเทศใดประเทศหนึ่ง |
ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”