กองทุนแนว ESG อาจไม่ใช่กองทุนที่ทำผลตอบแทนเชื่องช้าอย่างที่ทุกคนคิด
ในวันนี้กองทุน K-CHANGE-SSF และ K-CHANGE-RMF ที่บริหารโดย Baillie Gifford กำลังทำผลงานได้โดดเด่น เรามาสำรวจไปพร้อม ๆ กันว่ากองทุนมีกลยุทธ์หรือเคล็ดลับอะไรที่ช่วยให้เกิดผลงานที่ดีเหนือค่าเฉลี่ยอย่างน่าทึ่ง
ดูรีวิวกองทุนธีม ESG คุณภาพทั้ง K-CHANGE-SSF และ K-CHAGNERMF ได้ ที่นี่
4 ธีมการลงทุนที่ Baillie Gifford เชื่อว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นทุกภาคส่วน
สังคมและการศึกษา
ปัญหาด้านการศึกษา – ทุกวันนี้ระดับทางการศึกษามีความเหลื่อมล้ำ รวมถึงมีคุณภาพที่ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่ง Baillie Gifford ก็ได้เลือกลงทุนในบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่ทำให้เกิดความเท่าเทียมกันมากขึ้น เช่น Shopify หรือ Mercado Libre ที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจ SME ค้าขายกับชาวโลกได้มากยิ่งขึ้น ซึ่ง อุตสาหกรรม E-commerce มีส่วนช่วยสร้างโอกาสให้ SME สามารถวางสินค้าขายได้ อีกทั้งยังมีบริการปล่อยกู้ทางการเงินให้กับผู้ค้าบนแพลตฟอร์มอีกด้วย
สิ่งแวดล้อม
ปัญหาสิ่งแวดล้อม – ถือเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก โดยตัวอย่างบริษัทที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวก็คือ Tesla บริษัทพัฒนารถยนต์พลังงานสะอาดที่เข้ามาช่วยสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงบริษัทอย่าง Orsted บริษัท ผลิตพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งช่วยทดแทนการใช้พลังงานจากถ่านหินซึ่งสร้างมลภาวะ
สุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น
เฮลธ์แคร์ – เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันที่หากเราไม่มีเทคโนโลยีการรักษาจากบริษัท เช่น Pfizer หรือ Moderna อย่างเทคโนโลยีmRNAที่เข้ามาช่วยพวกเราในตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของเราอาจเป็นไปอย่างยากลำบาก
ปัจจัยพื้นฐานสำหรับประชากรกลุ่มรากหญ้า
ความเท่าเทียม – บนโลกนี้มีประชากรมากกว่า 4 พันล้านคนที่มีรายได้ต่อปีไม่ถึง 100,000 บาทต่อปี (เกินครึ่งโลก) โดยบริษัทที่เข้ามาช่วยสร้างโอกาสในด้านดังกล่าวก็เช่น Bank Rakyat ที่ให้บริการทางการเงินขนาดย่อย หรือ Safaricom ที่ช่วยเปิดโอกาสให้คนเข้าถึงระบบการสื่อสาร และช่วยให้คนเข้าถึงการใช้เทคโนโลยีได้มากขึ้น
กองทุนวิเคราะห์บริษัทที่จะเข้าลงทุนอย่างไร
- โจทย์แรกของการวิเคราะห์คือสินค้าหรือบริการของบริษัทนั้น ๆ จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร? ในด้านไหน?
- มองปัจจัยด้านโอกาสการเติบโต กำไร
- ผลิตภัณฑ์มีความได้เปรียบหรือมีสินค้าและบริการที่โดดเด่นกว่าของที่มีอยู่ในตลาดอยู่อย่างไร
- วิเคราะห์มูลค่าจากข้อมูลทางการเงิน เพื่อหาแนวโน้มการเติบโต
ปรัชญาและสไตล์การลงทุนของกองทุน
- ลงทุนระยะยาว
- ลงทุนแบบ High Conviction หรือลงทุนแบบกระจุกตัว
- เลือกหุ้นเฉพาะตัวตามความมั่นใจและเหมาะสมกับเป้าหมายของกองทุน
- หุ้นที่เลือกสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกและสร้างผลกำไรเติบโตสูงได้
- ต้องเป็นหุ้นที่ลงทุนแล้วได้กำไร
สัดส่วนพอร์ตการลงทุนปัจจุบัน
- น้ำหนักการลงทุนปัจจุบันเน้นไปที่หุ้นในธีมเฮลธ์แคร์และคุณภาพชีวิต เพราะทาง Baillie Gifford เชื่อว่านวัตกรรมที่เกิดขึ้นในธีมนี้กำลังได้รับความสนใจและเป็นธีมที่เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ค่อนข้างเยอะ ประกอบกับแนวทางที่ตรงกับความต้องการของโลกในอนาคต โดยเน้นหนักการลงทุนไปที่หุ้นอย่าง Moderna ซึ่งเป็นหุ้นที่ Baillie Gifford ลงทุนนับตั้งแต่ช่วง IPO เพราะมองเห็นโอกาสในเทคโนโลยี mRNA รวมถึงเป้าหมายของบริษัทด้านการสร้างยารักษาโรคหรือวัคซีนสำหรับโรคต่าง ๆ ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาได้ เช่น โรคเอดส์
- ธีมปัญหาด้านการศึกษา – มีหุ้นหลักที่ลงทุนอย่าง ASML และ TSMC ผู้ผลิตชิปเบอร์ 1 ของโลกที่มีเทคโนโลยีผลิตชิปนำหน้ากว่า IBM ไปถึง 4-5 ปี โดยชิปเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้อุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คเกิดขึ้นได้ สร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลให้กับผู้คน
- ธีมความเท่าเทียม – อาจไม่มีหุ้นในส่วนนี้มากนัก เนื่องจากหุ้นในกลุ่มนี้มีขนาดเล็กจึงอาจทำให้ติดประเด็นเรื่องสภาพคล่องก่อนเข้าลงทุน อย่างไรก็ตามผู้จัดการกองทุนก็ยังพยายามเสาะหาโอกาสอยู่เสมอ
การปรับพอร์ตลงทุนในปีนี้
- ปรับ Alphabet ออกจากพอร์ตเนื่องจากได้บรรลุเป้าหมายอย่างการสร้างผลกระทบเชิงบวกผ่าน Google เต็มที่แล้ว ประกอบกับในช่วงหลังที่มีปัญหาเรื่อง Governance (ธรรมาภิบาล)
- มีหุ้นตัวใหม่ที่ปรับเข้าพอร์ตอย่าง Peloton ที่ช่วยทำให้คนไม่ต้องรวมตัวออกกำลังกายในยิม มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้คนออกกำลังกายร่วมกันได้ รวมถึงมีเทรนเนอร์และคอร์สต่าง ๆ หรือจะเป็น Coursera ผู้ให้บริการสอนคอร์สต่าง ๆ บนระบบออนไลน์ผ่านการ Subscribe
ผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุน Baillie Gifford Positive Change
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- ผลตอบแทนแบบลงทุนทุก 1 ปี หรือ 3 ปีในระยะกลาง กองทุนหลักสามารถทำผลตอบแทนได้เหนือดัชนีชี้วัดรวมถึงคู่แข่งได้เป็นอย่างดี
- ในขณะที่กองทุน K-CHANGE-SSF ที่เริ่มจัดตั้งกองทุนมาประมาณปีกว่า ๆ สามารถทำผลตอบแทนได้ถึง 48.90% ในขณะที่ดัชนีชี้วัดทำได้เพียง 30.24% รวมถึงทำผลตอบแทนในช่วงเวลาอื่น ๆ ได้ดีอย่างสม่ำเสมอ
- ในขณะที่กองทุน K-CHANGE-RMF ที่เปิดมาประมาณ 1 ปีก็ทำผลตอบแทนได้ไล่เลี่ยกัน
ความเสี่ยง
- มีความผันผวนและ Drawdown ค่อนข้างสูงในช่วงที่ผ่านมา แต่หากสามารถลงทุนได้ตั้งแต่ระยะกลาง (3-5 ปี) ขึ้นไป ยังสามารถลงทุนได้
สรุปโดยรวมแล้วกองทุน K-CHANGE-SSF และ K-CHANGE-RMF เป็นกองทุนประหยัดภาษีแนว ESG ที่เลือกหุ้นแบบคัดเน้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนในหุ้นเติบโตแต่ก็ยังต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกของ เรา
สำหรับนักลงทุนที่สนใจกองทุน K-CHANGE-SSF และ K-CHANGE-RMF
กองทุน K-CHANGE-SSF และ K-CHANGE-RMF เป็นกองทุนประหยัดภาษีที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนในธีม ESG ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่ง Megatrend แห่งอนาคต ที่เริ่มใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ โดยกองทุน จะมีทั้งในรูปแบบสะสมมูลค่า K-CHANGE-A (A) และแบบประหยัดภาษี K-CHANGE-SSF และ K-CHANGE-RMF หากต้องการซื้อสามารถติดต่อได้ที่ บลจ. KAsset โทร 02 673 3888 และ สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับกองทุน SSF & RMF เพิ่มเติมได้ที่นี่คลิก > https://bit.ly/3ki1Ufe หรือ ติดต่อเข้ามาที่ FINNOMENA โทร 02 026 5100 (ซื้อผ่านแอป FINNOMENA ได้แล้ว เข้าไปที่หน้าพอร์ตกองทุน กดทำคำสั่งซื้อ และค้นหากองทุน)
คำเตือน
- ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก
- กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน
- ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโดยตรงกับทาง KAsset โทร 02 672 1000 หรือ www.kasikornasset.com