อยากลงทุนในหุ้นกลุ่มผู้นำต้องทำอย่างไร? มีกองทุนหุ้นกลุ่ม Healthcare และ Technology กองไหนที่น่าลงทุนบ้าง ติดตามไปได้กับสรุป LIVE ในวันนี้เลยครับ
วิเคราะห์เจาะลึกกองทุน Healthcare คุณภาพ JPMorgan – Global Healthcare Fund
มุมมองภาพรวมกลุ่ม Healthcare
- นวัตกรรมทางการแพทย์อาจมีบทบาทมากขึ้น เช่น บริษัทยาที่สามารถรักษาโรคยาก ๆ ได้ในอนาคต
- อายุประชากร ประชากรผู้สูงอายุเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อาจส่งผลให้กลุ่ม Healthcare มีความสำคัญมากขึ้น
- เชิงกำไรและมูลค่าของ Healthcare ยังไม่เปลี่ยนแปลงและอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ
- ผู้คนในประเทศกำลังพัฒนามีรายได้มากขึ้น ทำให้อาจมีโรคแทรกซ้อนมากขึ้นได้จากความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน
- M & A การพัฒนาเทคโนโลยีในปัจจุบันใช้เวลานานอาจส่งผลให้บริษัท Healthcareที่มีเงินทุนแข็งแกร่งอาจทำการควบกิจการ หรือซื้อกิจการ ทำให้เติบโตได้มากขึ้น
- Healthcare มีส่วนกับการเมืองมากขึ้น จึงอาจทำให้มีการผลักดันในส่วนนี้ให้เติบโต
- นักลงทุนเริ่มมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามามากขึ้น
- บริษัท Telehealth (ให้บริการทางการแพทย์ออนไลน์) กำลังเติบโตในขณะที่ธุรกิจโรงพยาบาลปกติ อาจทำกำไรไม่ได้มาก
กลุ่ม Healthcare มีส่วนผสมทั้งการลงทุนในเชิงรุกและเชิงรับ
ธุรกิจกลุ่ม Healthcare มีทั้งบริษัทที่เน้นการเติบโตซึ่งให้การเติบโตในแง่ของราคา (Capital Gain) และบริษัทที่มีความมั่นคงขนาดใหญ่ ซึ่งอาจเติบโตไม่ได้มากแต่ ชดเชยด้วยการมีกระแสเงินสดที่มั่นคง สม่ำเสมอ
นอกจากนั้นธุรกิจกลุ่ม Healthcare ยังมีการปรับฐานของราคาที่น้อยไม่แพ้กลุ่มเทคโนโลยี และมีการยอมรับระดับโลกว่า Healthcare เป็นภาคส่วนธุรกิจสำคัญที่เราน่าจะลงทุน
ธีมการลงทุนหลักของพอร์ต
มีการลงทุนในบริษัทจีน ที่ลงทุนทำ R&D และนวัตกรรมใหม่ ๆ มากขึ้น นอกเหนือจากยุโรปและอเมริกา
- ลงทุนในบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์ทำการวิจัย ซึ่งได้รับประโยชน์จากกระแส Healthcare เพราะ บริษัทที่เร่งทำการวิจัยจะต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้แน่นอน
- ลงทุนในบริษัทที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้น หรือ จะเป็นเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกอย่าง Teledoc ที่คล้าย ๆ Uber ทางการแพทย์ คุยกับแพทย์ได้โดยตรงไม่ต้องเสียเวลารอคอย ปรึกษา ตกลงและสามารถไปรับยารักษาได้ทันที
- ลงทุนใน บริษัทยา สร้างกระแสเงินสดต่อเนื่องแต่การเติบโตต่ำ ผสมกับ Biotech ที่มีการเติบโตสูง
- Medtech กับ Service sector ทำพวกอุปกรณ์ เซนเซอร์ต่าง ๆ ให้กับแพทย์
- Healthcare Innovation อย่างยารักษามะเร็ง
และข้อสำคัญที่พลาดไม่ได้ ทางกองทุนทำการวิเคราะห์หุ้นแต่ละตัวจาก Fund Manager ที่มีพื้นฐานความรู้ด้านการแพทย์ รวมถึงนักวิเคราะห์อีก 19 คน ที่มีพื้นฐานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และการเเพทย์ต่าง ๆ ในการวิเคราะห์สำหรับ Sector Healthcare เพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงถือได้ว่าหุ้นทั้งหมดถูกคัดเลือกโดยผู้คนที่รู้และมีความเข้าใจในธุรกิจอย่างแท้จริง
ผลตอบแทน
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ทางกองทุนเองก็มีผลตอบแทนย้อนหลังในระดับที่ชนะ Benchmark (เกณฑ์เทียบเคียง)ในส่วนของทั้ง 3 เดือนย้อนหลังและ 1 ปีที่ผ่านมาโดยหุ้นในกลุ่ม Healthcare เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีการเติบโต มีนวัตกรรมใหม่ ๆ และความสามารถในการทำกำไร
ผลกำไรของ Sector กลุ่ม Healthcare ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ
หุ้นกลุ่ม Healthcare เป็นหุ้นกลุ่มที่ถูกปรับลดประมาณการกำไรน้อยลงที่สุดจากข้อมูลการวิเคราะห์ของ JPMorgan แสดงให้เห็นถึงศักยภาพเชิงพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
เจาะลึกกลุ่ม Healthcare ในเชิงมูลค่า
ยังต่ำ (ถูกและศักยภาพสูง) กว่าดัชนี S&P 500 ซึ่งถือว่าถูกและ Undervalued (มีมูลค่าต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริง) อีกทั้งที่ผ่านมากำไรยังติดลบน้อย ค่อนข้างดี และภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวในปีหน้าอาจทำให้หุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวเป็นบวกมากขึ้น
Spread (ส่วนต่าง) มูลค่าหุ้นของกลุ่ม Healthcare นั้นอยู่ในระดับถูกที่สุด ซึ่งหากเทียบกับหุ้นกลุ่มที่แพงที่สุด ถือว่ากลุ่ม Healthcare ห่างกันมากถึง 80% และช่องว่างในส่วนนี้อาจจะไล่ตามกลับมาได้ ดังนั้นเราสามารถเคลื่อนย้ายเงินทุนมายังหุ้นที่ยังมีมูลค่าที่ดีได้
COVID-19 เร่งให้ผู้คนมาสนใจการลงทุนใน Sector Healthcare มากขึ้น
หากสนใจลงทุนใน JPMorgan Funds – Global Helathcare Fund สามารถซื้อผ่านกองทุน KFHEALTH และ KFHHCARE
ซึ่ง KFHEALTH จะมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ส่วน KFHHCARE จะมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนโดยตลอด
หากสนใจลงทุนในกองทุน KFHEALTH และ KFHHCARE สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ บลจ. กรุงศรี หรือ FINNOMENA ได้เลยครับ
หมายเหตุ : ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน |
ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ |
กองทุนลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจํานวนมาก ผู้ลงทุนควรขอคําแนะนําเพิ่มเติมก่อนการลงทุน | KFHEALTH ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทําให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกําไร จากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนตํ่ากว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ | KFHHCARE จะใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งอาจมีต้นทุนสําหรับการทําธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทําให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
KFHEALTH และ KFHHCARE ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีไม่ต่ำกว่า 80% ของ NAV โดยกองทุนหลักมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมทางด้านสุขภาพ | ระดับความเสี่ยง 7-เสี่ยงสูง
นอกจากกองทุนกลุ่ม Healthcare จะมีความน่าสนใจในช่วงนี้ กองทุนเทคโนโลยีก็นับว่าเป็นอีกกลุ่มที่มีศักยภาพน่าสนใจไม่แพ้กัน
เจาะลึกกองทุนเทคโนโลยีคุณภาพเยี่ยม BlackRock – World Technology Fund
หุ้นเทคแพงไปไหม?
- หุ้นเทคเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง
- มีกระแสเงินสดสูง สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง และระดับหนี้สินต่ำ
- และหากนำหุ้นเทคกลุ่มผู้นำอย่าง Apple , Amazon , Google , Microsoft , Facebook มารวมกันแล้ว กระแสเงินสดของหุ้นกลุ่มนี้มีมูลค่าเท่ากับ 6 ล้านล้านบาท หรือเกือบ ครึ่งหนึ่งของ GDP ไทย
- หุ้นเทคมีบทบาทมากกว่าแต่ก่อนในดัชนีหุ้นโลก จากสัดส่วนในปี 2005 ที่ 6% ปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 4 ของดัชนีหุ้นโลกเป็นที่เรียบร้อยในตอนนี้ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำความสำคัญของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
- เทคโนโลยีอยู่ใกล้ตัวเรา พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนแปลงไป มีการเรียนรู้และเปิดรับเทคโนโลยีมากขึ้น และมีการซื้อของออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
- 5G จะมีบทบาทสำคัญที่ช่วยต่อยอดและพัฒนาให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆได้แบบก้าวกระโดด
- เม็ดเงินลงทุนในกลุ่มเทคมีมาอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าเม็ดเงินลงทุนในหุ้นเทค ปี 2022 สูงถึง 4.30 ล้านล้านเหรียญซึ่งมากกว่า GDP ของประเทศไทยที่ราว ๆ 5 แสนล้านเหรียญ
- Warren Buffett ที่ชื่นชอบการลงทุนในสินค้าประจำวัน ก็เริ่มลงทุนใน Apple หลังเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเราไปเรียบร้อยแล้ว
Digital Economy (เศรษฐกิจดิจิทัล) กำลังเติบโต
- COVID-19 อาจเร่งให้หุ้นกลุ่ม Fintech เติบโตรวดเร็วมากขึ้น อย่างเช่นการทำธุรกรรมออนไลน์
- มีการใช้เทคโนโลยีผ่านกลุ่ม Healthcare อย่าง Teledoc
- อุตสาหกรรมยานยนต์ภายใน 5 ปี รถยนต์ไฟฟ้าและรถใช้น้ำมันจะมีต้นทุนเท่ากัน จึงอาจส่งผลให้บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เช่น Tesla เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
- กลุ่ม Semiconductor ที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะเติบโตตามกันไปด้วย จากความต้องการที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
- ธุรกิจ Cloud หรือธุรกิจการจัดเก็บข้อมูล เป็นธุรกิจที่สามารถนำไปต่อยอดกับธุรกิจอื่น ๆ ได้ เช่น Healthcare อย่างการที่โรงพยาบาลใช้ระบบ Cloud สำหรับเก็บข้อมูลต่าง ๆ และใช้สำหรับการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์หรือจะเป็นธุรกิจเกมส์ที่ในอนาคตอาจไม่ต้องใช้แผ่นซีดีสำหรับเล่นเกมส์อีกต่อไป
จีนกำลังลงทุน R&D แซงหน้าสหรัฐฯ
จีนกำลังลงทุนในส่วนของ R&D ถึง 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่อเมริกาลงทุนอยู่ที่ 4.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และภายในปี 2025 มีการคาดการณ์ว่าจีนจะลงทุนใน R&D มากกว่าอเมริกาถึง 3.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอาจสนับสนุนให้บริษัทเทคโนโลยีในจีนเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และอาจจะมีการตั้งดัชนีเทคโนโลยีของจีนขึ้นมาด้วยในอนาคต
กองทุน BGF World Technology Fund
กองทุนมีการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีคุณภาพดี เช่น…
- Apple หลัง ๆ มีการขายอุปกรณ์ (Device) ต่าง ๆ มากขึ้น เช่น หูฟัง หรือ Apple Watch ซึ่งอาจส่งผลให้ยอดขายเติบโตได้
- Microsoft บริษัทที่ได้รับประโยชน์จาก Cloud สามารถทำบริการต่าง ๆ ออนไลน์ได้ทันที เช่น การใช้ Cloud อัปเดตซอฟต์แวร์ได้ทันที
- Tencent บริษัทเทคโนโลยีชื่อดังจากจีน เจ้าของ Joox ผู้ให้บริการฟังเพลงออนไลน์หรือเกมส์ออนไลน์ชื่อดัง RoV PUBG อีกทั้งยังมีศักยภาพในการขยายธุรกิจ อย่างเช่นการเข้าซื้อบริษัทต่าง ๆ
- Alphabet บริษัทพื้นฐานดี หนี้สินน้อย เงินสดมาก เติบโตต่อเนื่อง
- Twilio บริษัท ผลิตซอฟต์แวร์แอปพลิเคชั่นแพลทฟอร์ม โดยไตรมาสที่ผ่านมามีการเติบโตขึ้นกว่า 50% และช่วงสามปีที่ผ่านมามีการเติบโตประมาณ 60%
ผลตอบแทนย้อนหลัง
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
เป็นกองทุนระดับ 5 ดาวจาก Morningstar และผู้จัดการกองทุน Tony Kim ได้รับรางวัลผู้จัดการกองทุนยอดเยี่ยม โดยผลตอบแทนของกองทุนอยู่ใน First Quartile มาตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
หากสนใจลงทุนในธุรกิจหมวดเทคโนโลยี สามารถลงทุนในกองทุน KFHTECH-A ซึ่งลงทุนผ่าน BGF World Technology โดยตรง
โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ บลจ. กรุงศรี หรือ FINNOMENA ได้เลยครับ
หมายเหตุ :
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ | กองทุนลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจํานวนมาก ผู้ลงทุนควรขอคําแนะนําเพิ่มเติมก่อนการลงทุน | กองทุนจะใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งอาจมีต้นทุนสําหรับการทําธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทําให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
KFHTECH-A ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ BGF World Technology Fund (Class D2 USD) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่างๆ ทั่วโลกที่มีธุรกรรมทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นในหมวดเทคโนโลยี | ระดับความเสี่ยง 7-เสี่ยงสูง
Mr. Serotonin