ผมเชื่อว่าหลายๆ คน คงเคยเจอคนที่ใช่ ใช่ไหมครับ คนที่เจอแล้วใจไม่ค่อยดี ตุ้มๆ ต่อมๆ สปาร์คจอยแปลกๆ อาจจะเจอกันแว๊บเดียว หรือ คุยไปสักพักแล้วรู้สึกโคตรใช่ แล้วสุดท้ายเป็นไงกันบ้างครับ พังงง กับหุ้นก็ไม่ต่างกันเลยครับ ตีกราฟเป็นฉากๆ วิเคราะห์งบการเงิน พื้นฐานบริษัท สภาวะเศรษฐกิจ สุดท้ายพังเหมือนกัน สเต็ปต่อไปเราก็มานั่งคิดว่า แล้วเอาไงต่อดี? จะทนเจ็บรั้งไว้ไม่ให้เธอไป หรือตัดใจเดินลงดอยปล่อยทิ้งกันไป วันนี้ทาง Mr.Serotonin จะพาทุกคนมาดู 5 วิธีฮาวทูทิ้งหุ้นที่ไม่ใช่กัน เห้อออ
วิธีที่ 1: ตัดใจแบบมีเหตุผล
สำหรับชาวนักลงทุนแนว VI หนึ่งในวิธีตัดใจก็คือ “การหาเหตุผล” ใช่ครับ เราต้องมีเหตุผลมาซัพพอร์ตการทิ้งหุ้นสักตัว อย่างเช่น อาจจะเป็นการที่ทางบริษัท ทำกำไรไม่ได้ตามเป้า ดังเช่นที่ผู้บริหารประกาศไว้ โดยเราอาจจะหาเหตุผลไปต่อว่า เพราะอะไร ทำไมถึงทำไม่ได้ ซึ่งถ้าเหตุผลไม่ได้ร้ายแรงเราอาจจะลองดูไปก่อน แต่ถ้าหากร้ายแรงอย่างเช่น การที่ต้องฟาดฟันกับคู่แข่งหน้าใหม่ จึงต้องทุ่มงบจำนวนมากเพื่อสู้ต่อจนกำไรถึงกับติดลบไปเลย เราอาจจะตัดทิ้งไปในเคสนี้
วิธีที่ 2: เผื่อใจไว้ก่อน
เตรียมใจหาวิธีออกไว้ก่อน เผื่อหุ้น (หรือคน) มันไม่ใช่แล้วจะได้ไม่เจ็บมาก วิธีนี้ออกแนว technical สักนิด โดยวิธีนี้เราอาจจะบริหารความเสี่ยงตามราคาหุ้นที่เราเข้าซื้ออย่างเช่น เรายินดีที่จะเสียเงินทุนได้เพียง 5% ของเงินที่เราลงทุนไป เราก็จัดการคำนวณราคาที่เข้าซื้อกับราคาตัดขาดทุน ตัวอย่างเช่น
เงินลงทุน 1,000,000 บาท ซื้อหุ้นที่ราคา 10 บาท ราคาที่ตัดขาดทุนก็จะเป็น 9.50 บาท หรือ 5% โดยเราจะเสียเงินเป็นจำนวน 50,000 บาท
ดูข้อมูลหุ้นได้นะ ลิ้งก์อยู่ข้างล่าง
https://www.finnomena.com/stock/setindex
วิธีที่ 3: เจ็บสักกี่ครั้งก็ไม่จำ (ยอมเจ็บซํ้าๆ)
วิธีนี้ไม่ใช่วิธีที่แนะนำสักเท่าไร จริงๆ แล้วมันเป็นเทคนิคของการพนัน ซึ่งวิธีนี้ก็คือการมาติงเกล (Martingale) หลักการของวิธีการนี้ก็คือให้เราเข้าซื้อสวนทางที่ผิดไปเรื่อยๆ และ เพิ่มการเข้าซื้อในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ตอนแรกเราอาจจะซื้อ 100 หุ้น แต่ถ้าเราเกิดผิดทาง เราก็เบิ้ลเป็น 200 หุ้น ซํ้าเข้าไป โดยวิธีการนี้เป็นการคาดหวังว่าในทางทฤษฎีแล้วเราต้องพนันถูกทางสักครั้ง และทุกครั้งที่เราเพิ่มการซื้อเข้าไปเรื่อยๆ ก็หมายความว่า ขอแค่ครั้งสุดท้ายที่เราซื้อ ราคาขึ้นไปถูกทาง ตัวสัญญาที่เราออกไปเยอะมากๆ ก็จะทำให้เรากำไรหรือหายขาดทุนทั้งหมด
วิธีที่ 4: รั้งไว้ไม่ให้เธอไป
วิธีไว้ใช้ในตลาดฟิวเจอร์ ที่ที่เราสามารถเปิดได้ทั้ง postion อย่าง long และ short โดยวิธีนี้เราจะทำการเปิด position ตรงกันข้ามกับที่เราเปิดไว้ผิดทางในตอนแรกตัวอย่างเช่น เราเปิด ซื้อ (long) ที่ 100 หุ้น เราอาจจะเปิด ขาย (short) ที่ 100 หุ้น โดยอาจจะมากหรือน้อยกว่านั้น ซึ่งให้เราทำเช่นนี้แล้วจะเป็นการ hedge หรือคานราคาไว้ ทำให้เราขาดทุนน้อยลงหรือไม่ขาดทุนเลย เนื่องจากจะมีจุดหนึ่งที่หากราคาวิ่งไปถึงแล้วทุกอย่างจะหักล้างกันพอดี
วิธีที่ 5: ยอมรับว่าเราเข้ากันไม่ได้
เป็นวิธีการที่อาจจะดูเห็นแก่ตัวไปสักนิดหากเรานำมาใช้กับความสัมพันธ์ แต่สำหรับ Money game แล้วตอนคุณเสียเงินยังไงก็ไม่มีใครเค้าแคร์คุณอยู่ดี วิธีการนี้เป็นการนำหลักการของ game theory มาใช้ โดยหลักการก็คือ การเทรดหรือการลงทุนนั้นจริงๆ ก็คล้ายๆ กับการโยนเหรียญหัวก้อยซึ่งมีโอกาส 50:50 ถ้าลองนึกภาพและสมมติขึ้นมาเป็นข้อเสนอ สัก 2 ข้อเสนอ ก็จะเป็น
- มีคนมาบอกคุณว่าให้ทายหัวก้อย โดยเดิมพันคือเงิน $10 แต่เค้าให้คุณ $20 หากทายถูก
- มีคนเสนอว่าจะให้เงินคุณ $1,000,000 โดยเดิมพันกับบ้านของคุณ
ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกข้อเสนอไหน?
ผมมองว่าอันนี้จริงๆ ก็แล้วแต่คนครับ แต่ถ้าคุณอยากชนะเกมเกมนี้คุณต้องเลือกข้อเสนอที่คุณได้เปรียบ ซึ่งก็คือข้อเสนอแรก เพราะ คุณเสี่ยง $10 แต่หากชนะคุณจะได้เงินเพิ่มเป็นเท่าตัว ความเข้าใจนี้เค้าเรียกกันว่า risk reward ratio นั่นเอง ซึ่งในที่นี้อัตราเสี่ยงกับผลตอบแทนที่คุณได้จะอยู่ที่ 1:2 หรือ เสียหนึ่งได้ถึงสอง ในขณะที่ถ้าคุณเดิมพันเป็นบ้าน บ้านคุณอาจจะมีราคาแพงกว่าหรือถูกกว่าราคา $1,000,000 แต่ถ้าถามกลับกันคุณคิดว่ามันคุ้มไหม ที่คุณเอาบ้านที่คุณทุ่มเทแรงกาย แรงใจซื้อมา มาเดิมพัน ซึ่งถ้าหากผิดเพียงพริบตาเดียวก็หายไปทันที
ถ้าเทียบกับความสัมพันธ์มันก็เหมือนกับการที่คุณเลือกคู่ครองที่ฐานะดีกว่าคุณแต่คุณเข้ากับเค้าไม่ได้เลยถ้าหากคุณเลือกข้อเสนอที่ 2 ในขณะเดียวกันในข้อเสนอที่ 1 คนๆนั้นอาจจะเป็นคนที่เข้ากับคุณได้ แต่ฐานะทางการเงินก็อาจจะไม่ได้ดีกว่าคุณเท่าไรนัก
ก่อนจะทิ้งกันไป มาดูหน้าหุ้นเราก่อนนะ ขอร้อง
https://www.finnomena.com/stock/setindex
Mr. Serotonin