สรุปสถานการณ์ตลาดหุ้นประจำวัน
ตลาดหุ้นเอเชียบ่ายวันนี้
ตลาดหุ้นออสเตรเลีย +5.83% บวกมาประมาณครึ่งนึงของเมื่อวาน
ดัชนี CSI 300 (จีน) -0.49% โดยประมาณ
ดัชนี Nikkei (ญี่ปุ่น) +0.06%
ดัชนี KOSPI (เกาหลี) -2.47%
ดัชนี SET index +0.14%
DOW Jones Futures ติดลบราวๆ 700 จุด
โดยรวมตลาดหุ้นเอเชียติดลบเล็กน้อย แต่ข้อสังเกตคือถึง DOW Jones ลบเยอะเอเชียเริ่มไม่ลงตาม
อัพเดทสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด 19 ณ ปัจจุบัน
ภาพแสดงจำนวนผู้ติดเชื้อ
จะสังเกตได้ว่าโดยรวมทางจีนคุมจำนวนผู้ติดเชื้อได้แล้ว (คงที่) แต่ยุโรป กับสหรัฐ จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
จำนวนผู้ติดเชื้อมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดหุ้น
จำนวนผู้ติดเชื้อสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดหุ้น ตัวอย่างเช่น China A50 กับผู้ติดเชื้อในจีน โดยในช่วงที่ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ตลาดก็ปรับตัวลงตามเช่นกัน
เกาหลีถึงแม้มีผู้ติดเชื้อลดลง แต่ตลาดไม่ฟื้น เพราะ การ lockdown หรืองดการดำเนินกิจกรรมทำให้การดำเนินธุรกิจหยุดชะงัก
ในส่วนของอเมริกาปรับตัวลงหลัง Fed ลดดอกเบี้ยฉุกเฉินนับเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ตั้งแต่ตลาดมีความกังวลในเรื่องไวรัสโควิด 19 แต่มาตรการช่วยเหลือยังไม่เพียงพอ จึงอาจทำให้ตลาดไม่ฟื้น
ชวนดู Soft data วัดอารมณ์ของตลาด
จีน
PMI ในจีนออกมาค่อนข้างแย่ทั้งในส่วนภาคการผลิตและภาคการบริการ เพราะ ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 (เป็นประเทศตั้งต้น)
รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial production) ที่ติดลบ และตัวยอดค้าปลีกก็ติดลบเช่นเดียวกัน
*โดยหาก PMI น้อยกว่า 50 จะถือว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัว
ยุโรป
PMI ภาคการผลิต ยังออกมามากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
PMI ภาคบริการน้อยกว่าคาดแต่ยังมากกว่า 50 อยู่
ยังต้องจับตามองตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนหน้า เพราะ อาจได้รับผลกระทบจากการ lockdown
อเมริกา
โดยรวมในส่วนของ PMI ภาคการผลิตยังทรงตัวอยู่ และภาคบริการออกมาดีมาก
ในส่วนของ Hard data (ช่วงล่าง) เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับภาค บริการที่ออกมาได้ดี แต่อย่างไรก็ตามต้องจับตามองข้อมูลล่าสุด หลังเดือน กุมภาพันธ์ ที่ภาคธุรกิจอาจได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด 19
สรุปช่วงวัฎจักรเศรษฐกิจ
1. ฟื้นตัว
อัตราการจ้างงาน การผลิต เพิ่มขึ้น แต่ capacity ยังเหลืออยู่
2. เร่งตัว
อัตราการจ้างงาน และการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจน capacity เต็ม
3. ชะลอตัว
บริโภคชะลอตัว การจ้างงานลดลง การผลิตคงที่
4. ถดถอย
GDP ติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส
โอกาสในช่วงวัฎจักรต่างๆ
ในช่วง Middle bear บาง sector อาจกลับมาได้ เช่น สาธารณูปโภค (Utilities) แต่ที่ชะลอในช่วงนี้อาจจะเป็น สินค้าฟุ่มเฟือย (consumer discretionary )
โดยในช่วง Late bear sector การเงิน (financial) จะเริ่มกลับมาโดดเด่น เพราะ ผู้คนเริ่มกู้มาลงทุน
Technology Sector โอกาสในช่วงวิกฤติ?
หุ้น Tech Megatrend อาจจะเป็นโอกาสถัดไป เพราะเป็นตัวสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดกระทิงในรอบที่แล้ว
โดยเฉพาะหุ้นจีนที่มีความน่าสนใจในกลุ่มเทคโนโลยีเพราะ ใช้ technology ในการผนวกกับสิ่งต่างๆได้ดี อาธิเช่น
1) การ work from home โดยใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ ภาคธุรกิจไม่ชะงัก (อย่างการใช้ Wechat จาก Tencent) บริษัทเทคโนโลยีในจีนจึงมีความน่าสนใจเพราะสามารถดำเนินกิจการได้แม้ในช่วงวิกฤติ
2) เทคโนโลยีทางการแพทย์มีความลํ้าหน้า อย่างการใช้เทคโนโลยีตรวจผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงเรื่องภาวะโควิด 19 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนา
3) มีเทคโนโลยีในการเกษตรที่ลํ้าสมัย ผนวกกับการเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ระดับโลกในสินค้าเกษตร
กองทุนแนะนำวันนี้
1)KFSPLUS
สำหรับนักลงทุนที่มีเงินสดอยู่ในมือ แต่ไม่ชอบความผันผวน โดยตัวกองทุนลงทุนในเงินฝากและพันธบัตรค่อนข้างเยอะ ซึ่งมีความมั่นคงแต่ก็หมายถึงผลตอบแทนที่น้อยลงเช่นเดียวกัน
2)B-TNTV
ลงทุนในพันธบัตรเยอะและส่วนใหญ่เป็นระดับ credit rating (AAA) ซึ่งมีความมั่นคงสูงโดยมีสัดส่วนอยู่ที่ราวๆ 90% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
ตัวอย่างสัดส่วนการลงทุน
ทั้งหมดก็เป็นเนื้อหาใน FINNOMENA Live วันนี้ ขอให้ทุกคนโชคดีครับ