วันนี้ Mr. Serotonin จะมาพูดถึงรูปแบบการกลับตัวของราคาอย่าง Double top และ Double bottom รวมถึง Triple top และ Triple bottom ซึ่งรูปแบบเหล่านี้เป็นรูปแบบการกลับตัวของราคาที่เกิดขึ้นบ่อยๆในหลายๆ ตลาด ซึ่งก็ยังคงคอนเซปต์เดิมคือ ละเอียดและเข้าใจง่าย แม้มือใหม่ก้สามารถเข้าใจได้แบบ EZ
Double top
ภาพข้างบนเป็นตัวอย่างกราฟหุ้นของบริษัท สตรีมมิ่งภาพยนตร์ ที่ยืนหนึ่งใน พ.ศ. นี้อย่าง Netflix นั่นเอง โดยเป็นกราฟที่อยู่ในกรอบเวลา 1 วัน สังเกตได้ว่าจะมียอดของสามเหลี่ยมอยู่สองยอด คือ First top และ Second top โดยมีฐาน (Base) ของสามเหลี่ยมอยู่ข้างใต้ภาพ การกลับตัวของราคารูปแบบนี้ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก เพียงมองว่าเป็นสามเหลี่ยมสองรูปก็สามารถเข้าใจได้แล้ว
Double bottom
ส่วนภาพนี้เป็นภาพกราฟราคาของ บริษัท สิงห์ เจ้าของแบรนด์เบียร์ยอดนิยมในไทยอย่างเบียร์สิงห์นั่นเอง ในส่วนของ double bottom นั้นก็เหมือนกับ double top แต่จะปรากฎอยู่ในช่วงล่างของแนวโน้มขาลง โดยสังเกตว่าในภาพจะปรากฎเป็นรูปสามเหลี่ยมสองรูปเช่นเคย โดยหลังจากที่มีการ breakout ของราคาแล้วสังเกตได้ว่าราคาจะพุ่งขึ้นไป พอประมาณถึงขั้นรุนแรง
Triple top
ถัดมาเป็นการกลับตัวของราคาแบบ Triple top หรือ สามเหลี่ยมสามอัน ซึ่งยังคงคอนเซปต์เดิมคือ การมองเป็นรูปสามเหลี่ยมแต่อันนี้เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหน่อ จากสองเป็นสาม โดยภาพข้างบนเป็นภาพของกราฟราคาทองเทียบดอลลาร์ ที่กรอบเวลา 1 วัน โดยรูปนี้มีหนึ่งจุดสังเกตที่น่าสนใจก็คือหลังมีการ breakout ของราคา ราคาได้กลับไปทดสอบเส้น base และปิดบนเส้น base (หากสงสัยเรื่องการ retest ราคาหลังการ breakout สามารถอ่านคำอธิบายเพิ่มเติมได้ด้านล่างสุดของบทความ) ซึ่งในทางเทคนิคแล้วเป็นสัญญาณว่าการ breakout อาจจะล้มเหลว อย่างไรก็ตามราคาได้ถูกเทขายลงมาตามเดิม
เกร็ดเล็กน้อย
จุดสังเกตที่อยากจะบอกทุกคนก็คือ ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้การเข้าเทรดของเราสำเร็จแม่นยำได้ 100% เราต้องเรียนรู้ที่จะทำตามรูปแบบหรือระบบซึ่งคือการไม่ฝืนถือคำสั่งซื้อขายแล้วสวดภาวนาว่ามันจะถูก รวมถึงเรียนรู้ที่จะจัดการความเสี่ยง เช่น การตัดขาดทุน (Cut loss)
อ่านแล้วคันมืออยากลองตีกราฟ กดได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างเลย ฟรี!!
https://www.finnomena.com/stock/setindex
Triple bottom
รูปนี้ก็เช่นเดียวกับรูปที่แล้วเพียงแต่กลับมาอยู่ช่วงล่างของแนวโน้ม โดยรูปนี้แตกต่างจากรูปที่แล้วตรงที่การเทสราคาที่เส้น base นั้นทำได้สำเร็จ โดยราคาไม่สามารถปิดตํ่ากว่าเส้น base ซึ่งถือว่าการ retest ราคานั้นสมบูรณ์ โดยจะเห็นได้ว่าราคาพุ่งไปอย่างรุนแรงหลังการ retest ที่สมบูรณ์
เทคนิคการสังเกตอย่างง่ายตามกราฟจริง
- รอราคาให้ก่อตัวเป็นสามเหลี่ยมขึ้นมาหนึ่งอันก่อน
- หลังจากนั้นให้รอดูต่อไป ซึ่งหากเกิดสามเหลี่ยมขึ้นมาเพิ่มอีกอันเป็นสองอัน ให้เราลองตั้งคำสั่งซื้อขาย ตํ่ากว่าเส้น Base เพื่อรอการ break out
- หากราคาทดสอบที่เส้น Base แล้วไม่ผ่าน มีความเป็นไปได้ว่ารูปแบบราคาแบบ double top หรือ double bottom ซึ่งมีสามเหลี่ยมสองอันอาจจะไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตามหากไม่สำเร็จรูปแบบของราคาอาจจะกลายเป็น triple top หรือ triple bottom แทนก็ได้ ดังนั้นสรุปคร่าวๆ จุดที่น่าสนใจของรูปแบบราคาแบบ double และ triple คือ หากรูปแบบ double ไม่สำเร็จ มีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็น triple ต่อไป
- อันนี้ไม่เกี่ยวกับขั้นตอนใดๆ เพียงแต่อยากอธิบายเพิ่มเติมว่า ความหมายของการเทรดให้เป็นศิลปะ ก็คือความไม่ตายตัวของรูปแบบดังข้อสาม รูปแบบหลายๆ รูปแบบสามารถกลายเป็นอีกรูปแบบหนึ่งได้ในสถานการณ์จริง
วิธีการตั้งคำสั่งซื้อขาย
1. การกลับตัวจากด้านบนหรือแนวโน้มขาขึ้น (Double top และ Triple top) ให้ตั้งคำสั่ง short หรือ sell ใต้เส้น Base โดยมีจุดตัดขาดทุนเหนือเส้น Base
2. การกลับตัวจากด้านล่างหรือแนวโน้มขาลง (Double bottom และ Triple bottom) ให้ตั้งคำสั่ง long หรือ buy เหนือเส้น Base โดยมีจุดตัดขาดทุนตํ่ากว่าเส้น Base
การ Retest คืออะไร?
คือ การทดสอบของรูปแบบราคาต่างๆ หลังสามารถ (Breakout) หรือปิดทะลุกรอบได้ โดยในบางครั้ง ราคาจะวิ่งมาทดสอบที่เส้น Base เพื่อยืนยันการกลับตัว
การ Retest ในช่วงแนวโน้มขาขึ้น
ในการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นราคาของแท่งเทียนไม่ควรปิดเหนือเส้น Base ดังภาพ
การ Retest ในช่วงแนวโน้มขาลง
ในการกลับตัวจากแนวโน้มขาลงหรือด้านล่าง ราคาของแท่งเทียนไม่ควรปิดตํ่ากว่าเส้น Base ดังภาพ
*การ retest (การทดสอบของราคา) สามารถใช้กับ price pattern (รูปแบบราคา) ได้ทุกรูปแบบ
อ่านแล้วคันมืออยากลองตีกราฟ กดได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างเลย ฟรี!!
https://www.finnomena.com/stock/setindex