เวลาเราพูดถึงนักลงทุนระดับตำนานผู้สร้างผลตอบแทนเหนือตลาดได้อย่างยาวนาน เราคงนึกถึง Warren Buffett หรือ Peter Lynch ต้นแบบนักลงทุน VI ปัจจัยพื้นฐาน
หรือถ้าหันไปทางฝั่ง Macro trader ผู้ที่มีชื่อเสียงร่ำลือคงเป็นคุณ George Soros, Stanley Drukenmiller หรือคุณ Jim Rogers แก๊งเรนเจอร์สาย Macro ผู้เคยสร้างผลตอบแทนระดับตำนานในอดีต
แต่จริง ๆ แล้วทางด้านสาย Quant คุณ Jim Simons ถือได้ว่าเป็นต้นแบบที่พิสูจน์แล้วว่าสำเร็จได้อย่างยาวนานและสร้างผลตอบแทนในระดับสูงเหนือตลาด
ถ้าพร้อมแล้วเราลองมาสำรวจเส้นทางชีวิตของคุณ Jim Simons กันเลย
เรื่องราวของ Jim Simons นักถอดรหัสข่าวกรองสู่นักถอดรหัส “ตลาดหุ้น”
คุณ James Simons หรือที่เรารู้จักกันอย่างคุ้นหูในวงการว่า Jim Simons คือหนึ่งในนักลงทุนผู้สร้างผลตอบแทนระดับตำนานผ่านกองทุน Medallion Fund ของ Hedge fund อย่าง Renaissance Technologies ผู้สร้างผลตอบแทนแบบถล่มทลายในช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์การลงทุน
ผลตอบแทน 66% ต่อปีก่อนหักค่าธรรมเนียม 39% ต่อปีหลังหักค่าธรรมเนียม ชายคนนี้ทำได้อย่างไรกัน?
คุณ Jim Simons นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะผู้นี้ ลืมตาดูโลกในวันที่ 25 เมษายน ปี 1938 ณ เมือง Brookline รัฐ Massachusetts
เริ่มแรกแต่เดิมทีคุณ Jim Simons จบการศึกษาด้านคณิตศาสตร์จากสถาบันชั้นนำอย่าง MIT ก่อนมาทำงานเป็นนักถอดรหัสข้อมูลข่าวกรองให้กับสำนักความมั่นคงแห่งชาติในช่วงสงครามเวียดนาม
Jim Simons ใช้ทักษะที่ได้จากการทำงานในฐานะนักถอดรหัสข้อมูลข่าวกรองมาไขความลับในตลาดการเงินและทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า… ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
“ตอนที่ผมเพิ่งเริ่มเทรด ผมรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับคณิตศาสตร์เล็กน้อย มันเป็นตอนที่ผมมีอายุ 30 ปลาย ๆ ผมมีเงินเพียงน้อยนิด ผมเริ่มเทรดและมันไปได้ดีมาก ๆ ผมทำเงินได้จำนวนมากโดยโชคล้วน ๆ ซึ่งมันยังไม่ใช่โมเดลทางคณิตศาสตร์”
“แต่หลังจากผมมองไปที่ข้อมูลและตระหนักได้ว่าสิ่งนี้มันมีโครงสร้างบางอย่าง ผมจึงจ้างนักคณิตศาสตร์และเริ่มทำโมเดลกัน เหมือนกับที่เราทำกันที่สำนักความมั่นคงแห่งชาติ คุณออกแบบอัลกอริทึมและทดสอบมันบนคอมพิวเตอร์ ดูว่ามันได้ผลหรือไม่ได้ผลอย่างต่อเนื่อง”
“ผมไม่รู้วิธีการจ้างนักเทรดจากปัจจัยพื้นฐาน ผมเคยจ้างบางคน บางคนสามารถทำเงินได้และบางคนก็ไม่”
ในช่วงที่โมเดลการลงทุนยังไม่สมบูรณ์ คุณ Jim Simons เคยเผชิญกับการขาดทุนไปถึง 40% คุณ Jim Simons ได้จ้างนักวิทยาศาสตร์ผู้สนใจริลองทำสิ่งใหม่ ๆ จนโมเดลการลงทุนของ Renaissance Technologies มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และอย่างที่หลาย ๆ คนรู้กันว่าโลกของ Quant คือการจับนกผสมไม้ จับแพะชนแกะจากข้อมูลหรือปัจจัยต่าง ๆ มาทดสอบและดูผลลัพธ์ Renaissance Technologies จึงเก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่มีความสัมพันธ์กับราคาสินทรัพย์ที่มีขนาดกว่าพันล้านกิกะไบต์ในทุก ๆ วันและทดสอบ จนได้โมเดลที่ประสบความสำเร็จและปล่อยให้ AI ทำการซื้อขายแทนมนุษย์ เนื่องจากคอมพิวเตอร์ปราศจากอารมณ์โลภหรือกลัวยามตัดสินใจ
หลังจากนั้น Renaissance Technologies ก็กลายเป็นกองทุน Hedge fund ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ผ่านการเทรดสินทรัพย์หลากหลายรูปแบบ โดยกองทุน Medallion กลายเป็นกองทุนเรือธง Flagship ที่สร้างผลตอบแทนอย่างไม่มีใครคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ในระยาว ซึ่งในปี 1988-2018 กองทุน Medallion สร้างผลตอบแทนไปถึง 66% ต่อปี หรือคิดเป็น 39% หลังหักค่าธรรมเนียม ซึ่งถือว่าสูงมาก ๆ ในประวัติศาสตร์โลกการลงทุน
และเมื่อวกไปถึงความเห็นของนักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffett และ Charlie Munger ที่ถึงแม้ใจจริงจะไม่ได้สนับสนุนแนวคิดการเทรดสินทรัพย์ พวกเขายังต้องเอ่ยปากชม Jim Simons
“พวกเขาฉลาดมาก ๆ ” – Warren Buffett
“พวกเขาฉลาดและรวยมาก และอยู่ในระดับสูง” – Charlie Munger
Jim Simons จึงถือเป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์ของนักลงทุนระดับโลก ผู้ซึ่งไขความลับของตลาดการเงินได้อย่างน่าทึ่งอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้ ต่อไปเราลองมาดูขนาดของกองทุน Renaissance Technologies กัน ว่าจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหน
ยิ่งใหญ่เทียบเคียง Ray Dalio นักลงทุน Hedge fund เลื่องชื่อ Bridgewater Associates
ภาพแสดงลักษณะกองทุน RIEF ที่มา: เอกสารนำเสนอการขายหลัง IPO บลจ. แอสเซทพลัส
ในปี 2018 กองทุน Renaissance Technologies เคยสร้างรายได้และมีขนาดสินทรัพย์เป็นประวัติการณ์ยืนอันดับหนึ่งเทียบเคียงกับกองทุน Hedge fund ระดับโลกอย่าง Bridgewater ผู้เคยหลบหลีกวิกฤตการเงินในปี 2008 อย่างงดงามมาแล้ว! จุด ๆ นี้เป็นตัวยืนยันชั้นดีว่ากองทุน Renaissance ไม่ใช่กองทุนธรรมดาสามัญ แต่เป็นกองทุนระดับ Word class โดยแท้จริง
ถึงจุดนี้แฟนพันธุ์แท้คุณ Jim Simons คงตั้งคำถาม? กองทุน Renaissance ไม่ได้เปิดรับเงินลงทุนเพิ่มมานานแล้วหนิ จะลงทุนได้อย่างไร?
Berkshire Hathaway แพงหูฉี่และเก่งกาจฉันใด ย่อมมีคนอยากได้มาครอบครองมากฉันนั้น
ชื่อเสียงของ Berkshire Hathaway ถึงกับทำให้มีคนแตกหุ้นออกมาเป็น BRK Class A และ Class B
หากเทียบกับกองทุน Renaissance คงเป็นเรื่องที่ไม่ต่างกัน
กองทุน Renaissance ปิดรับเงินลงทุนเพิ่มเติม ตามสไตล์กองทุน Hedge fund ที่บางกองจะเป็นกองทุนปิดเพื่อให้จัดการเงินลงทุนได้อย่างสะดวก เข้ามือตนเอง เลือกช้อปหุ้นสินทรัพย์ได้ตามอัธยาศัย
ตามการรายงานของ Wall Street Journal ในปี 2018 “เปิดรับเงินลงทุนจากพนักงาน ลูกค้าที่ลงทุนตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นและผู้โชคดีรายอื่น ๆ เพื่อจำกัดขนาดของเงินทุนและรักษาความคล่องตัวในการสร้างผลตอบแทนเอาไว้” (แต่ผมเชื่อว่านักลงทุนพันธุ์แท้หลาย ๆ คนเช่นคุณต้องรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีมาอย่างยาวนานและต้องตาลุกวาวถึงโอกาสการลงทุนในครั้งนี้เป็นแน่!!!)
ภาพแสดงรายงานการปิดรับเงินลงทุนของกองทุน Renaissance ที่มา: เอกสารนำเสนอการขายหลัง IPO บลจ. แอสเซทพลัส
แต่วันนี้มันเกิดขึ้นแล้วกองทุน ASP-LEGACY-UI กองทุนที่ทำให้คุณเติบโตไปกับผู้ก่อตั้งกองทุน Quant ระดับตำนานได้!!
ASP-LEGACY-UI ไปลงในกองทุน Renaissance ได้อย่างไร?
กองทุน ASP-LEGACY-UI จะเข้าไปลงทุนผ่านกองทุน Wellspring GBL Fund อีกทอดหนึ่ง ซึ่งกองทุน Wellspring GBL Fund เป็นกองทุนที่ลงทุนในกองทุนของ Renaissance อย่าง Renaissance Institutional Equities Fund (RIEF) อยู่แล้ว และในตอนนี้กำลังเปิดรับนักลงทุนเพิ่มเติมอยู่ จึงเป็นจังหวะเวลาที่ดีของเราในการคว้าโอกาสลงทุนกับกองทุน Hedge fund ระดับโลก!!
กลยุทธ์การลงทุนของกองทุน ASP-LEGACY-UI
ภาพแสดงลักษณะกองทุน RIEF ที่มา: เอกสารนำเสนอการขายหลัง IPO บลจ. แอสเซทพลัส
- ใช้กลยุทธ์ลงทุนบริหารผ่านการเปิดสถานะ Long (เก็งขาขึ้น) และ Short (เก็งขาลง)
- มุ่งสร้างผลตอบทุนส่วนเพิ่ม (Alpha) หรือการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว ซึ่งที่ผ่านมาทำได้โดดเด่นเหนือดัชนี S&P 500*
- ใช้กลยุทธ์ที่ช่วยลดความผันผวนให้น้อยกว่าตลาด
- กระจายการลงทุนในหุ้นกว่า 1,000+ ตัว ทั้งหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นในประเทศอื่น ๆ ซึ่งถือได้ว่ามีความยืดหยุ่นและหลากหลาย
*ผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียม
สัดส่วนการลงทุนในพอร์ตของกองทุน ASP-LEGACY-UI
ภาพแสดงสัดส่วนการลงทุนของกองทุน RIEF ที่มา: เอกสารนำเสนอการขายหลัง IPO บลจ. แอสเซทพลัส
จากภาพเราจะเห็นได้ว่าสัดส่วนการลงทุนได้กระจายไปยังหลากหลายอุตสาหกรรม ในขณะที่ลูกเล่นของกองทุนนี้อยู่ที่สัดส่วนการเปิดสถานะ Long และ Short แบบผสมผสานลงตัว ช่วยลดความผันผวนและสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม ซึ่งเราจะเห็นได้ในรูปถัดไป
ผลตอบแทนและการควบคุมความผันผวนในระดับ High Class
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
กองทุน REIF LLC – Series B มีค่าความผันผวนหรือ S.D. ที่ต่ำกว่าดัชนี S&P 500 และดัชนีหุ้นเล็กอื่น ๆ อีกทั้งยังสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าดัชนีเหล่านั้นอีกด้วย
สรุปจุดเด่นกองทุน ASP-LEGACY-UI
- บริหารผ่านกลยุทธ์การเปิดสถานะผสมผสานทั้ง Long และ Short ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เรายังหาไม่ได้มากนักในกองทุนรวมไทย
- ถึงกลยุทธ์ดังกล่าวจะดูมีความเสี่ยงแต่ด้วยชื่อเสียงและฝีมือของคุณ Jim Simons ที่ถึงแม้จะลงจากการบริหารกองทุน Medallion แต่ตนยังดำรงตำแหน่งในฐานะประธานกรรมการของ Renaissance
- ผลงานระยะยาวของคุณ Jim Simons ในอดีตถือได้ว่าเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยกย่องจึงช่วยให้นักลงทุนไว้วางใจได้ระดับหนึ่ง
- ทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาด ภายใต้ความผันผวนที่ต่ำกว่า พิสูจน์ผ่านผลงานในระยะยาว
- กระจายการลงทุนในหุ้นหลากหลายตัว เน้นหนักแต่ละอุตสาหกรรมตามความเหมาะสมในแต่ละช่วง
กองทุน ASP-LEGACY-UI เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
- เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนแบบ Active เร้าใจ ชอบสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้เหนือตลาด
- สำหรับนักลงทุนรายใหญ่ที่สามารถลงทุนด้วยจำนวนเงินมากกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไปในครั้งแรก และ 1 แสนบาท สำหรับลงทุนในครั้งถัดไป
- เหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบและหลงใหลแนวทางการลงทุนเชิง Quant
นโยบายการลงทุนของกองทุน ASP-LEGACY-UI
- กองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ คือ กองทุน Wellspring GBL Fund (กองทุนหลัก) Class B Shares ซึ่งจัดต้ังภายใต้กฎหมายของหมู่เกาะเคย์แมน (the Cayman Islands) และบริหารจัดการโดย Quantum GBL, LLC ทั้งน้ี จะมี net exposure ในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศดังกล่าว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมีความเสี่ยงระดับ 8+
แนวทางการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
- แนวทางการบริหารเพื่อป้องกันความเสี่ยง : โดยกองทุนมีนโยบายท่ีจะทําการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ต่างประเทศเกือบทั้งหมดในอัตราไมน้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศอย่างไรก็ดีในกรณีท่ีสภาวการณ์ไม่ปกติ กองทุนอาจพิจารณาป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ค่าธรรมเนียมและเงินลงทุนขั้นต่ำของกองทุน ASP-LEGACY-UI
- ค่าธรรมเนียมซื้อ: ไม่เกิน 2.00% (เก็บจริง 1.50%)
- ค่าธรรมเนียมขาย: ไม่เกิน 2.00% (ปัจจุบันไม่เรียกเก็บ)
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ: 4.4900%
- ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก: 1,000,000 บาท
- ลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป: 100,000 บาท
ภาพแสดงรายละเอียดเงินลงทุนขั้นต่ำและการซื้อขายกองทุน RIEF ที่มา: ASSET PLUS Fund Factsheet วันที่: 27 กรกฎาคม 2022
ภาพแสดงรายละเอียดค่าธรรมเนียมกองทุน RIEF ที่มา: ASSET PLUS Fund Factsheet วันที่: 27 กรกฎาคม 2022
*การขายคืนหน่วยลงทุนสามารถทำได้ในช่วงวันทำการสุดท้ายของเดือน
**คำนวณ NAV T+8 และ T+9 วันทำการ หลังจากทำรายการซื้อขาย
กองทุน Renaissance ถือเป็นอีกหนึ่งกองทุน Hedge fund ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และเคยสร้างผลตอบแทนแบบถล่มทลายจนต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์โลกการลงทุนมาแล้ว
หากใครสนใจลงทุนในกองทุน Hedge fund ที่มีคุณภาพโดยแท้จริงกองทุน ASP-LEGACY-UI ถือเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่ควรจัดไว้บนชั้นวางให้นักลงทุนเลือกสรรโดยแท้
ขอให้ทุกคนโชคดีครับ
Mr. Serotonin
ปิดท้ายอีกทีด้วยช่วงขายของจาก FINNOMENA! หากใครมีเงิน 500,000 บาท อยากลงทุน แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรก็ลองใช้บริการ FINNOMENA Exclusive มีที่ปรึกษาการลงทุนประกบคู่ช่วยเดินเคียงให้คุณ
รับบริการที่ปรึกษาการลงทุนส่วนตัวจาก FINNOMENA ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 500,000 บาทเท่านั้น
👉 ลงทะเบียน คลิก >>> https://finno.me/finnomena-x-service
ส่วนใครคิดจะเริ่มลงทุนกองภาษีไม่อยากล่ก ๆ รีบ ๆ ท้ายปี เราก็มีที่ปรึกษาการลงทุนช่วยเหลือให้ด้วยเช่นกัน!
รับบริการผู้แนะนำการลงทุนกองภาษีส่วนตัวจาก FINNOMENA ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกองภาษี 200,000 บาทขึ้นไป
👉 ลงทะเบียน คลิก >>> https://finno.me/taxplanner-services
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”
References
เอกสารนำเสนอการขายหลัง IPO บลจ. แอสเซทพลัส
https://www.newtraderu.com/2022/07/06/28-billion-day-trader-that-even-warren-buffett-acknowledges/
https://www.longtunman.com/23597