ฝันอยากมีพอร์ตการลงทุนสุดปัง เริ่มต้นด้วยเงินแค่ 50,000 บาท ไม่ใช่เรื่องยาก!

บทความนี้ขอเสนอแนวทางจัดพอร์ตการลงทุนระยะยาวสำหรับมือใหม่ที่จะช่วยให้พอร์ตของคุณเติบโตอย่างมั่นคง พาคุณไปสู่เป้าหมายทางการเงินได้จริงด้วยเงิน 50,000 บาทเท่านั้น

ทำไมเราถึงต้องลงทุน

ยุคนี้เราติดตามข้อมูลข่าวสารกันได้ง่ายมาก และผู้เขียนคิดว่ามีคนจำนวนมากที่ติดอาวุธการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ขออธิบายเป็นพิธีสักนิดนึงก่อน ว่าทำไมเราถึงต้องลงทุน

เหตุผลง่าย ๆ เลยก็คือเงินฝากไม่ได้ช่วยให้คุณรวยขึ้น อาจจะฟังดูแล้วเจ็บแต่นี่คือเรื่องจริง

จากภาพเราจะเห็นการเปรียบเทียบระหว่างกองทุนตลาดเงิน (เงินฝาก + ตราสารหนี้ระยะสั้น) เส้นสีเขียว ที่อาจตีกลม ๆ ว่าคล้ายลงทุนในเงินฝาก เทียบกับการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้และดัชนีหุ้นสหรัฐฯ S&P 500 เราก็จะเห็นได้ว่า กองทุนตลาดเงินทำผลตอบแทนได้น่าหดหู่มาก ๆ แพ้อัตราเงินเฟ้อ (เส้นสีแดง) หรือราคาของที่แพงขึ้นในทุก ๆ ปีอย่างชัดเจน

หรือจะพูดได้ว่าการลงทุนในเงินฝากอาจจะทำให้คุณจนลงในทุก ๆ วันคงไม่ผิดนัก สังเกตง่าย ๆ ได้เลยก็จากอัตราดอกเบี้ยในยุคนี้ที่เทียบกับช่วงเมื่อ 30-40 ปีที่แล้วที่ดอกเบี้ยเคยแตะ 2 หลักไม่ติด

ทำไมลงทุนแล้วต้องจัดพอร์ต

ถึงจะพูดว่าเงินฝากหรือตลาดเงินมันไม่ไหวแล้ว แต่ในโลกการลงทุนที่เต็มไปด้วยความผันผวน การจัดพอร์ตก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ

เราอาจจะลองจินตนาการ ถ้าเราจัดพอร์ตแบบเน้นหุ้นเติบโตไฟแรงหนัก ๆ ล้วน ๆ แล้วตลาดเกิดร่วงลงมา (คล้าย ๆ ตอนนี้) ซึ่งตอนแรกเราคงคิดว่าถ้าตลาดร่วงลงมาเราทนได้แหละ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ทำใจลำบากมากเพราะ -10% ก็แล้ว -20% ก็แล้ว มันก็ยังมี -30% ให้เห็นอีก ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ มันอาจจะทำให้เราเครียดจนเกินไป และต้องเสียเวลามานั่งเฝ้าจออีก ซึ่งการจัดพอร์ตก็จะช่วยเราได้ในจุดนี้ เพราะ ช่วยลดความผันผวนให้ตอบโจทย์กับตัวเราจริง ๆ

อีกประโยชน์ของการจัดพอร์ตก็คือมันช่วยให้เรามีสินทรัพย์ที่ทำผลงานได้ดีในช่วงหรือยุคนั้นติดพอร์ตมาบ้าง ซึ่งจะช่วยให้เราลงทุนอย่างปลอดภัย ผิดพลาดน้อยและไปสู่เป้าหมายในระยะยาวได้อย่างอุ่นใจมากยิ่งขึ้น เพราะจะให้เราไปเดาดอกเบี้ยขึ้นลงตลาดดีไม่ดีแล้วถูก 100% ก็คงยาก ดังนั้นการจัดพอร์ตยังคงสำคัญเสมอ

ตัวอย่างการจัดพอร์ตแบบสมดุล เน้นสร้างผลตอบแทนระยะยาว

และถ้าถามหาถึงพอร์ตการลงทุนดี ๆ สักพอร์ตที่ช่วยให้เราฝ่าฝันทุกอุปสรรคได้อย่างอุ่นใจ วันนี้เรามีตัวอย่างเป็นชุดกองทุนจากพอร์ต All Balance ของ Finnomena Funds ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งพอร์ตการลงทุนที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะพอร์ตเค้าสมดุลจริง ๆ กระจายการลงทุนไปในหลายสินทรัพย์ให้เรามีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวอย่างอุ่นใจ

มีเงิน 50,000 บาท จัดพอร์ตยังไงให้ปัง ไม่พัง ได้ตังค์ (ระยะยาว)

ทำไมสัดส่วนสินทรัพย์ข้างต้นถึงเป็นส่วนผสมที่ลงตัว

  • สัดส่วนสินทรัพย์ข้างต้นถูกรั่นกรองมาจาก Black Litterman Model ที่พิสูจน์มาแล้วว่าหุ้นให้ผลตอบแทนได้ดีที่สุด
  • สัดส่วนสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น ตราสารทางเลือกและตราสารหนี้ ถูกกรั่นกรองแบบพิเศษโดย Finnomena Funds เพื่อรักษาความผันผวนให้เหมาะสม ในขณะที่พอร์ตการลงทุนยังสามารถสร้างโอกาสทำผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีที่ 8%* ได้
  • สรุปโดยรวมสัดส่วนข้างต้นถูกกลั่นกรองมาจากข้อมูลในอดีตเชิงปริมาณผสานกับข้อมูลเชิงคุณภาพจาก Finnomena Funds นั่นเอง

 

*ผลตอบแทนไม่ใช่การการันตี

กองทุน UOBSA (20%)

กองทุนหุ้น Asia ex japan บริหารแบบ active โดยใช้ AI ช่วยคัดเลือกหุ้นซึ่งพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก ๆ คือ Fundamental, Macro และ Technical หลังจากนั้น นักวิเคราะห์จะทำการวิเคราะห์เชิงลึกต่อเพื่อคัดเลือกหุ้นเหลือเพียง 50 บริษัท

กองทุน KKP GNP (20%)

กองทุนหุ้นทั่วโลก มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตในระยะยาวของกองทุน ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะเน้เนการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศของโลกในอนาคต

กองทุน ONE-EUROEQ (5%)

กองทุนรวมหุ้นยุโรป ที่บริหารจัดการโดย ELEVA Capital ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความชำนาญในการลงทุนในหุ้นยุโรป มีกระบวนวิเคราะห์หุ้นลักษณะ Bottom up โดยลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตระยะยาวและมีความสามารถในการแข่งขัน

กองทุน AFMOAT-HA (5%)

กองทุนหุ้นสหรัฐฯ แบบ Passive ที่เน้นการลงทุนให้เคลื่อนไหวตามดัชนี Morningstar® Wide Moat Focus Index ซึ่งเป็นดัชนีที่เน้นการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่มีปราการทางธุรกิจ หรือความได้เปรียบด้านการแข่งขันสูง เพื่อคาดหวังการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

กองทุน PRINCIPAL VNEQ-A (5%)

กองทุนหุ้นเวียดนาม มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือมีธุรกิจหลักในประเทศเวียดนามที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต รวมทั้งหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องหรือที่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม

และพอร์ต All Balance มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ 45% ซึ่งลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้โลกที่เปิดโอกาสการลงทุนและช่วยกระจายความเสี่ยงไปในเวลาเดียวกัน

กองทุน KF-CSINCOM (30%)

กองทุนตราสารหนี้ กระจายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนหลากหลายประเภททั่วโลก ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ PIMCO GIS Income Fund (Class I-Acc) 

กองทุน UGIS-N (10%)

กองทุนตราสารหนี้ทั่วโลกซึ่งมีกองทุนแม่จาก PIMCO ที่ขึ้นชื่อด้านตราสารหนี้ ลงทุนแบบ Active ในตราสารหนี้ทั่วโลก เน้นการปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนขณะเดียวกันยังช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนอีกด้วย

กองทุน KKP PLUS (5%)

กองทุนตราสารหนี้ มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความมั่นคงและให้ผลตอบแทนที่ดี โดยตราสารหนี้เอกชนนั้นจะต้องได้รับการจัดอันดับตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป

All Balance Portfolio เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการจัดพอร์ตการลงทุนระยะยาวเพื่อเป้าหมายการเก็บเงินก้อน รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง มีการสร้างสมดุลโดยกระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์หลัก โดยทาง Finnomena Funds จะมีการปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับมุมมองระยะยาว และการทำ Rebalance พอร์ตให้ต่อเนื่องตลอดระยะเวลาลงทุน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลองสร้างแผนได้ที่ https://finno.me/plan-all-balance-ws

References

https://www.cnbc.com/2017/05/26/the-upside-of-sitting-in-cash.html


คำเตือน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน  จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนการลงทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”