เนื่องจากมีคนถามมาหลายคน
ผมก็ขอตอบเท่าที่ตัวเองหาข้อมูลมาได้นะครับ
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมาจาก พรรค BJP ที่นำโดยนายนเรนทรา โมดิ ชนะการเลือกตั้งทั่วไปตอนช่วงเดือน พ.ค. ปีที่แล้ว นโยบายของรัฐบาล โมดิ นั้น หลายอย่างทำให้นักลงทุนตาลุกวาว เช่น ส่งเสริมผลิตผลทางอุตสาหกรรม นโยบายดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ (FDI) และต้องการให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานของภาครัฐเอง ซึ่งตั้งแต่ โมดิ เข้ามา นับจนถึงวันนี้ ตลาดหุ้นอินเดีย เป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดอันดับสอง รองเพียงแค่จีนเท่านั้น
และแน่นอนครับ ถ้าอยากออกกองทุนให้ได้เงิน IPO เยอะๆ และมีคนสนใจ มันก็ต้องออกตอนนี้ตลาดกำลังคึกคัก แล้วโชว์ผลตอบแทนสวยๆให้นักลงทุนอยากเกาะไปกับ Fund Flow
ว่าแต่ มันผ่านมาเกือบปีแล้วตั้งแต่ตลาดหุ้นอินเดียวิ่งขึ้นมา
ตอนนี้มันช้าไปแล้วหรือเปล่า?
ตอบเร็วๆก่อนนะครับ ผมมองว่า น่าจะยังมี Upside ให้ลงทุนได้อยู่เหมือนกัน
โดยเหตุผลที่ผมลองหาข้อมูลมาก็มีดังนี้
1. ตลาดหุ้นกลุ่ม EM นั้น เจอปรับ EPS Growth ลดลงมาตลอด ตั้งแต่ตอน Fed บอกว่าจะหยุด QE ปี 2013 แต่ ณ ตอนนี้ระดับราคาน้ำมันที่ต่ำ มันเอื้อประโยชน์ต่อการบริโภคของผู้นำเข้าน้ำมันอย่างอินเดีย ทำให้ House ต่างชาติ เริ่มทยอย Upgrade EPS Growth อีกครั้ง ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะหมายความว่า จบขาลงของ Downward EPS Revision
2. ตลาดหุ้นอินเดีย อาจดูแพงในแง่ Valuation เมือเทียบกับเพื่อนบ้าน แต่ถ้าเทียบกับตังเองแล้ว การเทรดที่ระดับ PE ต่ำกว่า 18 เท่า ยังถือว่าชิวๆ (อาจจะแพงกว่าค่าเฉลี่ยนิดหน่อย) ทั้งนี้ เพราะ GDP Growth ของอินเดียยังดูดี และ IMF ก็ยังคาดการณ์ว่า อีก 3 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจอินเดียน่าจะยังโตต่อเนื่อง
3. กองทุนพวก Emerging Market (EM) ทยอยปรับเพิ่มน้ำหนัก Overweight ตลาดหุ้นอินเดียมากสุดนับตั้งแต่วิกฤต Subprime (ตรงนี้อาจเป็นเพราะตลาดหุ้นอื่นๆใน EM มันแพงกันหมด และขาด Story งามๆทางการเมืองอย่างอินเดีย ตารางด้านล่าง แสดงการให้น้ำหนัก Allocation ของ Credit Suisse ซึ่งพบว่า ให้น้ำหนักการลงทุนในอินเดียมากกว่าตลาด
4. การปรับ Mindset ของรัฐบาลภายใต้การนำของ Modi จะทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในหลายๆทางสำหรับอินเดีย รวมถึง การปรับโครงสร้างตลาดแรงงาน เพื่อให้รองรับการพัฒนาของเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ด้วย เพราะอินเดีย ถือว่าเป็นประเทศที่มีโครงสร้างประชาชนที่ใครๆก็อิจฉา คนหนุ่มสาวที่จะเข้ามาในตลาดแรงงานมีจำนวนมาก (ฐานของปิรามิดประชากร)
แต่ในเชิงภาพเทคนิคนั้น ต้องบอกว่า ราคาหุ้นได้ Price-in หรือ รับข่าวดีไปค่อนข้างเยอะแล้วนะครับ แถมในระยะสั้น ตั้งแต่ต้นปี SENSEX ขึ้นไปทดสอบ 30,000 จุด และยังไม่ผ่าน จนไหลลงมาจากแรงขายทำกำไรทำให้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้ SENSEX ยังติดลบอยู่ 2% กว่าๆ ก็เท่ากับว่า คุณต้องดูจังหวะหน่อยละครับ ระยะยาวขึ้นได้ แต่ระยะสั้นนั้น ผมมองไม่ออกจริงๆ ว่าจะเด้งไปแล้ว หรือพักฐานหนักๆก่อน