นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เป็นต้นมา ที่รัฐบาลประกาศนโยบายเปิดเมือง “เปิดประเทศ” 17 จังหวัดนำร่องระยะที่ 1 ดัชนี SET Index ก็ปรับตัวขึ้นมาได้เบา ๆ ราว ๆ 30 จุด ขึ้นมาใกล้ทดสอบ 1,650 จุด
หลายคนสงสัย เศรษฐกิจไทยแบบนี้ ปู่เซตขึ้นมาได้ยังไง ขณะที่อีกหลายคนบอก นี่เปิดเมืองทั้งที่ ปู่ควรวิ่งได้มากกว่านี้สิ
ผมขอพาไปวิเคราะห์ 10 ข้อ ที่เราควรรู้ ณ ชั่วโมงนี้เกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทยกันครับ
1. วันจันทร์ที่ผ่านมา สศช. แถลง GDP ไทย 3Q2021 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้ และปีหน้า 2022 ทั้งปี โดยรวม 9 เดือนแรกของปีนี้ เศรษฐกิจไทย ขยายตัว 1.3% ซึ่งดีกว่าประมาณการก่อนหน้าที่มองว่าจะต่ำกว่า 1% สาเหตุเพราะ ไตรมาส 3 ตัวเลขออกมาติดลบ -0.3% ถือว่าติดลบน้อยกว่านักวิเคราะห์ที่คาดไว้เยอะทีเดียว
2. เมื่อเป็นแบบนี้ ก็แปลว่า โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะ GDP ติดลบ 2 ปีติด แทบจะเป็นศูนย์ทันที เพราะหลังวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา เรากลับมาเปิดเมือง และเห็นภาคธุรกิจหลาย ๆ ส่วนเริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น แม้จะยังไม่ใช่ในระดับเดิมก็ตาม
3. ส่วนปี 2022 ทาง สศช. คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 5 – 4.5% มองว่าการฟื้นตัวจะเห็นชัดเจนต่อเนื่องจากฐานที่ต่ำในปีนี้ และเชื่อว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดกำลังจะคลี่คลายและการกระจายวัคซีนครอบคลุมก็ช่วยให้ภาคธุรกิจมีความมั่นใจมากขึ้น
4. ถ้าเอาคาดการณ์ GDP ของไทยเราไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่น เราจะเห็นอีกภาพ Bloomberg Consensus รวบรวมตัวเลขคาดการณ์ GDP ปีหน้า (2022) เศรษฐกิจโลกจะยังขยายตัวได้ในระดับ 5% ขณะที่ในเอเชียจะขยายตัวที่ 5.6% เวียดนาม คู่แข่งระยะยาวของเรา จะขยายตัวได้ที่ 7% สะท้อนว่า ถึงเราจะดีขึ้น แต่เราก็ยังโตช้ากว่าโลกในตอนนี้
5. แต่จากข้อ 4. นั่นก็เป็นภาพรวมของเศรษฐกิจ มันไม่ได้หมายความว่า ทุกหน่วยธุรกิจจะโตช้าหมดนะครับ อย่างในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ที่เราเจอการระบาดรอบใหม่และกลับมา Lockdown กัน กลุ่มปิโตรเคมี ก็กำไรโตเพราะราคาพลังงานโลกปรับตัวขึ้น หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลก็งบออกมาดีมีการ Upgrade EPS ต่อเนื่อง หรืออย่างช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าจนไปแตะ 34 บาท/ดอลล่าร์ หุ้นกลุ่มส่งออก และสินค้าเกษตรก็ได้ประโยชน์
6. หลังจากจุด Peak ของการระบาดในเดือนส.ค. หุ้นไทยเราก็ถูกปรับเพิ่ม EPS Revision ต่อเนื่องมา 3 เดือนติดต่อกัน (ก.ย. – พ.ย.) สะท้อนว่า จุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทย อยู่ในไตรมาส 3Q2021 ถ้าเปิดเมืองรอบนี้ ไม่มีการระบาดรอบใหม่ตามมา เราน่าจะเห็นการปรับเพิ่มมุมมองเชิงบวกต่อทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นนะครับ
7. มาดูภาพของตลาดหุ้นไทยกันบ้างว่าเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านแล้วเราเป็นอย่างไร จะพบว่า Forward PE ของ SET Index อยู่ที่ระดับ 19x จะว่าถูก ก็ถูกกว่า S&P500 และถูกกว่า NASDAQ แต่จะว่าแพง ก็แพงกว่าหลายตลาดในฝั่งเอเชีย อย่าง ตลาดหุ้นเวียดนาม ที่ GDP Growth เขาโตงาม ๆ Forward PE ตอนนี้อยู่ที่ 14x หรืออย่าง KOSPI ของเกาหลีใต้ Forward PE อยู่เพียงแค่ 11x เท่านั้น
8. ไปดู Performance ของตลาดหุ้นไทยผ่าน SET Index นับตั้งแต่ต้นปี (YTD) เราบวกขึ้นมาราว ๆ +12% เจอสิ่งที่น่าสนใจ คือ SET50 และ SET100 Underperform ทั้งคู่ ดัชนีที่ดูดีคือ sSET ซึ่งบวกไปถึง 47% นับตั้งแต่ต้นปี สะท้อนว่า ปีนี้ เป็นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่คึกคักและค้ำตลาดอยู่ตอนนี้ สาเหตุเพราะ Fund Flow ต่างชาติ ซึ่งปกติเขามักวิ่งเข้าหุ้นไทย ยังเป็นขายสุทธิต่อเนื่อง
9. แต่ก็มีหวังอยู่ เพราะนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. จนถึงวันนี้ (18 พ.ย.) ต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อเบา ๆ 3,200 ล้านบาทในตลาดหุ้นไทย และยังมียอดซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ในเดือนนี้สูงถึง 54,000 ล้านบาท สอดรับกับการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่องจาก 34 บาท/ดอลล่าร์ ตอนปลายเดือนก.ย. มาอยู่ที่ 32.64 บาท/ดอลล่าร์ ณ วันนี้ ซึ่งเกิดในช่วงที่ Dollar Index แข็งค่าทะลุ 95 จุด อยู่ใกล้ ๆ โซนจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. ปีที่แล้วเลยทีเดียว
10. สุดท้าย SET Index กำลังพยายามทดสอบ Previous High บริเวณ 1,650 จุด ซึ่งมุมมองส่วนตัวผมเลยนะ นับ Elliott Wave แล้ว คลื่นลูกนี้น่าจะเป็น Wave 3 ทางทฤษฎีต้องไม่สั้นที่สุด เพราะฉะนั้นอย่างน้อย ๆ ควรทดสอบ 1,670 จุดให้ได้ ถ้ามี Fund Flow ไหลเข้ามา และมีปัจจัยกระตุ้นใหม่ ๆ เข้ามา ที่ Fibonacci Retracement 161.80% คือ ระดับ 1,973 จุด ก็เป็นไปได้ครับ ส่วนจะไปถึงเป้าข้างบนไหม ต้องถามนักลงทุนกันละ ว่าคิดยังไงกันบ้าง
โชคดีในการลงทุน
Mr.Messenger รายงาน