นับตั้งแต่ย่างเข้าเดือนก.ค. เป็นต้นมา เราได้เห็นการสร้างฐานของ SET Index อย่างต่อเนื่อง หลังหลุด 1,600 จุดไป 3 วัน แต่ก็ยังสามารถดีดขึ้นมายืนเหนือแนวรับจิตวิทยา และแนวรับใหญ่ตรงนี้ได้
ค่อนข้างชัดว่า SET Index อยากรีบาวน์ซักรอบ ประเด็นคือ ใครกันหนอ เป็นผู้ซื้อรอบนี้?
คำตอบ ไม่ใช่นักลงทุนต่างชาติอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจครับ แต่คือ นักลงทุนสถาบันในประเทศกันเองเลย
พาย้อนกลับไปดูกัน
วันที่ 2 ก.ค.
นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 3,566.35 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ -1,850.74 ล้านบาท
วันที่ 3 ก.ค.
นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 4,453.27 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ -3,288.47 ล้านบาท
วันที่ 4 ก.ค.
นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 4,660.78 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ -2,336.25 ล้านบาท
วันที่ 5 ก.ค.
นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ -370.88 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ -1,345.27 ล้านบาท
วันที่ 6 ก.ค.
นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 1,392.03 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ -1,706.17 ล้านบาท
วันที่ 9 ก.ค.
นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 3,902.99 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ -2,545.40 ล้านบาท
วันที่ 10 ก.ค.
นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 4,220.58 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ -1,393.12 ล้านบาท
ชัดเจนว่า ต่างชาติยังตั้งหน้าตั้งตาขายทุกวัน เพียงแต่ไม่ทุบแรงๆ ไม่รีบขายเหมือนช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. ที่ผ่านมา
ถ้าสังเกตดูจะพบว่า วันที่นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิมากกว่า 4 พันล้านบาท มันจะเป็นวันที่ดัชนี SET Index บวกได้แรงอย่างมีนัยยะ ดังนั้นชัดเจนว่า รอบนี้ SET Index วิ่งมาได้ เพราะแรงซื้อในประเทศนั้นเอง
แล้วสถาบันในประเทศ เขาเห็นอะไร?
เท่าที่ได้คุยกับ Fund Manager กองทุนรวมบางท่าน ก็ให้มุมมองเรื่อง Earnings ในไตรมาส 2/2018 ที่จะทยอยประกาศออกมา เขาเชื่อว่า น่าจะยังดีอยู่ และอีกประเด็นคือ เขามองว่า ตลาดกังวลกับ Trade Wars มากเกินไปในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
บางท่านมองว่า ผลกระทบจาก Trade Wars ไม่น่าจะรุนแรงหรือส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในระยะสั้นนี้ จนกว่าจะมีพัฒนาการใหม่ๆเกิดขึ้น
แล้วทำไม ต่างชาติยังตั้งหน้าตั้งตาขายเรื่อยๆ?
เฉพาะเดือนก.ค. นี้ ต่างชาติขายสุทธิไปแล้ว -14,465.42 ล้านบาท ถ้านับตั้งแต่ต้นปี ขายสุทธิไปแล้ว -194,541.98 ล้านบาท สอดคล้องกับ Outflow ของตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลก
การขายของนักลงทุนต่างชาติเช่นนี้ มองได้ 2 ความหมายคือ
- เขาไม่ได้กลัวเรื่อง Trade Wars แต่ตั้งใจลดพอร์ตจากตลาดเกิดใหม่โดยรวมทั้งหมด เพราะประเด็นอื่นมากกว่าหรือเปล่า?
- หรือ เขามองว่า Trade Wars จะมีผลกระทบมากขึ้น และขยายวงมากขึ้นในอนาคต?
ไม่ว่าเขาจะมีมุมมองอย่างไร ดูเหมือนว่า จะไม่เป็นผลดีต่อ SET Index ในช่วงที่เหลือของปีนี้
เมื่อพิจารณาจากค่าเงินบาทเปรียบเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐฯ ก็จะเห็นว่า เข้าสู่เดือนก.ค. ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทชะลอการอ่อนค่า แต่ก็ไม่ได้แข็งค่าอะไรเพิ่มขึ้น
ซึ่งก็แน่นอน Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นชัดเจนขนาดนี้ คงทำให้ค่าเงินบาทแข็งลำบากหน่อย เลยยังเทรดอยู่แถวๆ 33.14 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ
****************************
มุมมองทางเทคนิค (มุมมองส่วนตัวเลย)
ลงมาแรงและเร็ว ก็ต้องมีการดีดกลับเป็นธรรมดา หาแนวต้านข้างบนง่ายๆด้วย Fibonacci Retracement ที่ 38.2% และ 50.0% จะได้ SET Index ที่ระดับ 1,686 จุด และ 1,708.20 จุด เป็นจุดที่ต้องพิจารณาเป็นสำคัญ
สิ่งที่ต้องระวังคือ SET Index เกิดสัญญาณ Dead Cross ไปแล้ว (MA50 วัน ตัด MA200 ลงมาแล้วเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.) ถึงแม้ SET Index จะไม่ได้ปรับฐานจากจุดสูงสุดลงมาแตะระดับ -20% ที่เรียกว่า Bear Market Entry แต่สัญญาณหลายอย่าง ก็ฟ้องว่า ขึ้นยาก …. และ ขาลงอาจจะยังไม่จบแค่แถวๆ 1,600 จุดนะครับ
อย่างไรก็ตาม นี่คือ มุมมองส่วนตัว คุณต้องไปหาข้อมูลเพิ่ม และออกแบบกลยุทธ์การลงทุนด้วยตัวคุณเองอีกที
แหล่งที่มาข้อมูล :
BISNEWS
www.settrade.com
Mr.Messenger รายงาน