NASDAQ กลับมาใกล้ระดับ All Time High แพงไปหรือยังที่จะซื้อกองทุนเทคฯ ตอนนี้?

เมื่อคืนนี้ ดัชนี Dow Jones ปิดที่ 28,837.52 จุด เพิ่มขึ้น 250.62 จุด หรือ 0.88% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,534.22 จุด เพิ่มขึ้น 57.09 จุด หรือ 1.64% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,876.26 จุด เพิ่มขึ้น 296.32 จุด หรือ 2.56%

ที่น่าสนใจคือ ดัชนีกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีอย่าง NASDAQ นั้นกลับมาใกล้ระดับ All Time High ได้อีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งร่วงไปมากกว่า -10% เมื่อเดือนที่แล้ว สร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนทั่วโลกไปไม่น้อย เพราะได้ประโยชน์จาก Fund Flow ที่ไหลเข้าลงทุนหลังวิกฤตการณ์ COVID-19 ไปเต็ม ๆ

แต่ทั้งนี้ ก็มีคำถามเกิดขึ้น สำหรับนักลงทุนที่ยังลงทุนไม่เต็มพอร์ต หรือ คิดจะเริ่มต้นลงทุนเกาะกระแสเทคโนโลยีในตอนนี้ว่า มันแพงไปหรือยัง?
ผมขอตอบคำถามนี้ด้วยข้อมูล 10 อย่าง เพื่อให้นักลงทุนได้พิจารณาได้รอบด้านมากขึ้นครับ

1. สาเหตุหลักที่หุ้น NASDAQ กลับมา Outperform ได้นับตั้งแต่ย่างเข้าเดือนต.ค. เป็นต้นมา สาเหตุมาจาก ปัจจัยในภาพรวม ซึ่งสหรัฐฯ และยุโรป กำลังเผชิญกับการระบาดรอบ 2 และทำให้รัฐบาลกำลังพิจารณามาตรการหลายอย่างเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อ สิ่งนี้เข้าทางหุ้นกลุ่มเทคฯ ซึ่งเราจะเห็นว่า ได้ประโยชน์จากทั้ง Lockdown และ Social Distancing มาตั้งแต่ช่วงต้นของการระบาดในเดือนมี.ค.

2. โดยล่าสุด จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 สะสมทั่วโลก สูงถึง 38 ล้านคน และเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 1 ล้านคน โดยในยุโรป เหมือนจะเริ่มหนักขึ้น หลังผู้ติดเชื้อรายวันในฝรั่งเศส อังกฤษ สเปน เบลเยี่ยม เพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ย. ที่ผ่านมา


ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมโควิด-19ทั่วโลก ณ วันที่ 12 ต.ค. 2020

3. ปัจจัยอีกข้อที่ทำให้หุ้นกลุ่มเทคฯ ได้ประโยชน์ก็คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ ที่ล่าช้า และคุยกันไม่จบสักที โดยทั้งนี้ สภาคองเกรส ต้องการอนุมัติวงเงินช่วยเหลือจำนวน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ทำเนียบขาวต้องการอนุมัติเพียง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งล่าสุด ตัวเลขขยับขึ้นมาที่ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ เริ่มใกล้เคียงความเป็นไปได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ นับจากวันที่ 30 ก.ย. เป็นต้นมา มาตรการช่วยเหลือ Stimulus Bill นั้นหมดเป็นที่เรียบร้อย แปลว่า จนถึงตอนนี้ มีคนเดือดร้อนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเงินช่วยเหลือล็อตใหม่จากรัฐบาลอยู่

4. ในส่วนของทิศทางของการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. คะแนนของนายโจ ไบเดน กลับมาห่าง ปธน.โดนัล ทรัมป์ อีกครั้ง หลังจากที่นายทรัมป์ติด COVID-19 ไปเมื่อสัปดาห์ก่อนและเลือกที่จะออกจากโรงพยาบาลเร็วกว่ากำหนดกลับมาทำงานที่ทำเนียบขาว โดยล่าสุด Financial Times และ BBC ให้นายโจ นำอยู่ที่ 51.7%:41.9% และ 53%:42%


Polls สำรวจคะแนนนิยมการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020

5. ความท้าทายของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีอยู่ไม่น้อย โดยถ้าไปดูข้อมูลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จาก Oxford Economics พบว่า หลังมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนพ.ค. – ก.ค. สัญญาณการฟื้นตัวก็ชะลอตัวลงในเดือนส.ค. จนถึงปัจจุบันชัดเจน สะท้อนว่า เศรษฐกิจโลกอาจผ่านช่วงการฟื้นตัวอย่างง่ายไปแล้ว หลังจากนี้ จะยากขึ้น และ ผู้ที่จะมีส่วนในการผลักดันเศรษฐกิจไปข้างหน้าคนสำคัญก็คือ รัฐบาลของแต่ละประเทศ (ผ่านนโยบายกระตุ้นต่าง ๆ)


การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ นับตั้งแต่ต้นปี ถึงสิ้นเดือนก.ย. 2020

6. ณ ระดับปัจจุบัน PE Ratio ของ NASDAQ อยู่ที่ 26.44x ซึ่งก็ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 1 ปี ที่เราเห็น P/E ของ NASDAQ แพงกว่านี้ ก็มีตอนเดือนก.ย. ปี 2019 ที่อยู่ที่ระดับ 30.88x แต่ก็ลดลงมาเหลือต่ำกว่า 22.80x ได้ในสิ้นเดือนต.ค. 2019 หลังบริษัททยอยประกาศงบออกมาดีกว่าคาด เมื่อ Earnings ดีขึ้น และ Price อยู่เท่าเดิม PE ก็ลดลงโดยปริยาย


ราคาดัชนี NASDAQ เปรียบเทียบกับ PE Ratio นับตั้งแต่ปี 2008

7. ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าเราพิจารณาแค่ PE Ratio หรือ ระดับราคาเพียงอย่างเดียว แล้วตัดสินว่า อะไรถูก อะไรแพง ก็คงจะเป็นการตัดสินที่ไม่ถูกต้องในโลกของการลงทุนยุคนี้สักเท่าไหร่ เพราะ นักวิเคราะห์ให้น้ำหนักกับกำไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากกว่าในอดีต และหุ้นเทคฯ ยัง Deliver กำไรได้อย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้

8. ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ด้านดีด้านเดียว ข้อมูลจาก ตลาด Futures ที่สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์สุดท้ายของเดือนก.ย. ที่ผ่านมา ชี้ชัดว่า นักลงทุนรายย่อยในสหรัฐฯ เปิดสัญญา Short ดัชนี Nasdaq 100 มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2006


ข้อมูล Net Position ของ NASDAQ 100 Mini Futures

แต่ถ้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนักลงทุนเปิด Short Position เยอะ ๆ ในปี 2016 ก็ต้องตอบว่า ตอนนั้น NASDAQ กลับมา All Time High อีกรอบ แต่แรงซื้อยังมากกว่าแรงขาย เลยทำให้ขา Short ต้องมอบตัวหลังจากนั้นไม่นาน และส่งผลให้ดัชนี NASDAQ ทะยานขึ้นหลังจากนั้นถึงสิ้นปีร่วม ๆ +30% ทีเดียว

9. ในด้าน Valuation คาดการณ์ EPS ของหุ้นราย Sector พบว่า หุ้นกลุ่ม Information Technology ถูกปรับเพิ่มประมาณการมากที่สุดเป็นอันดับ 3 เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น หากนับตั้งแต่สิ้นไตรมาส 2/2020 โดยถูกปรับเพิ่ม EPS Growth ถึง 6.6% เป็นรองก็แค่กลุ่ม Consumer Discretionary และ Materials ซึ่ง 2 Sector หลังนี้ ถูกปรับลดประมาณการ EPS หนักมากในไตรมาส 2/2020 มาก่อน

10. มุมมอง Technical Analysis – จุดสูงสุดเดิมของ NASDAQ ทำราคาปิดไว้ที่ 12,056 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ แต่ถึงแม้จะผ่านไปแล้ว หากดูจาก Daily Chart จะพบว่า Indicator อย่าง RSI และ MACD ไม่ทำจุดสุงสุดใหม่ตามดัชนีได้แน่ ๆ บ่งชี้ว่า การปรับตัวขึ้นรอบนี้ อ่อนกำลังลงเมื่อเทียบกับรอบก่อนหน้า


กราฟราคาดัชนี NASDAQ รายวัน

ใครมีของอยู่ ถือต่อไปก่อนได้ แต่ส่วนใครคิดจะเข้าลงทุนในตอนนี้ไม้ใหญ่ๆ แนะนำว่า หาจุด Stop Loss ดี ๆ เพราะตลาดขึ้นมาเยอะแล้ว รับรู้ข่าวดีเข้าไปในราคาเยอะแล้ว จนกว่าจะมีปัจจัยกระตุ้นเป็นเรื่องใหม่ ๆ การขึ้นรอบใหม่รอบใหญ่ถึงจะมีกำลังอีกครั้ง

แหล่งที่มาข้อมูล :-
https://www.investing.com/indices/major-indices
https://www.worldometers.info/coronavirus/?utm_campaign=homeAdvegas1?
https://www.macrotrends.net/stocks/charts/NDAQ/nasdaq/pe-ratio
https://www.ft.com/content/183ca929-3cbe-4705-a92a-d65a806741b5
https://www.bbc.com/news/election-us-2020-53657174
https://www.zerohedge.com/markets/unprecedented-reversal-nasdaq-shorts-hit-second-highest-ever
https://www.tradingview.com/chart/c8MwA5Rw/

Mr.Messenger รายงาน

TSF2024