บทความนี้ เป็นบทความต่อเนื่องจากบทความเรื่อง “เลือก LTF อย่างไร ในสายตาของ FINNOMENA Gurus” นะครับ
ตอนก่อนหน้านี้ คุณเอ กับ คุณเฟิร์น บอกแนวคิด และวิธีการเลือก LTF กับชาวฟินโนมีน่าไปแล้ว มาวันนี้ ผมขอไปถามกูรูที่เหลือบางคนแบบตรงๆเลยว่า เขาเหล่านั้น เลือก LTF กองไหน? และเพราะอะไร?
ไปที่หมอนัทของเรา หมอนัทบอกว่า วิธีที่ง่ายแสนง่ายในการซื้อ LTF อย่างถูกต้อง ก็คือการซื้อแบบถัวเฉลี่ยไปเรื่อย ๆ ทุกเดือนครับ เช่น ถ้าปีนี้เราคำนวนคราว ๆ แล้วว่าจะต้องซื้อ LTF ทั้งหมดประมาณ 120,000 บาท ก็ซื้อ LTF ทุกเดือนเดือนละ 10,000 บาท ก็น่าจะทำให้ความผันผวนจากราคา NAV ที่ปรับตัวขึ้น-ลง นั้น ลดลงและได้ราคา NAV เฉลี่ยที่เหมาะสมในการลงทุนระยะยาว ๆ อีกด้วย
ส่วนหมอนัทเลือกกองทุนไหนนั้น หมอนัทบอกว่า ให้เลือกกองทุนที่ทำผลตอบแทนได้ดีที่สุดในระยะ 3-5 ปี มาเปรียบเทียบกัน เนื่องจากสถิติแล้วกองทุนที่ดี ที่เก่ง ในระยะยาว 3-5 ปีขึ้นไป ก็มักจะทำผลตอบแทนได้สม่ำเสมอ มากกว่ากองทุนที่ทำผลตอบแทนได้สูง ๆ เพียงหนึ่งปี หรือ สองปีครับ และกองทุนที่ทำผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว ๆ 3-5 ปีนี้ก็มีอยู่ไม่กี่กองทุนครับ วันนี้หมอนัทขอเล่าถึงกองทุนที่ดูแล้วทำผลตอบแทนได้ดี และน่าสนใจที่จะลงทุนเรามาดูกันครับ ว่ามีกองทุนไหนบ้าง
ตารางผลตอบแทนของกองทุน LTF (คิดแบบ IRR) จากการทำ DCA หรือ ทยอยลงทุนทุกเดือน ข้อมูลถึง ณ วันที่ 11/11/58
กองทุน B-LTF นับเป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังในรอบ 5 ปีที่ผ่านมามานั้น ทำได้ค่อนข้างดี เพราะด้วยนโยบายการเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี บวกกับการที่กองทุนมีอัตราการเปลี่ยนแปลงหุ้นในพอร์ตที่ไม่สูง จึงทำให้กองทุนสร้างผลตอบแทนระยะยาวได้ดีในขณะที่ความผันผวนนั้นก็ค่อนข้างต่ำ
โดยส่วนตัวคิดว่าด้วยข้อจำกัดด้าน ขนาดของกองทุนอาจจะทำให้กองทุนนั้นสามารถลงทุน ในหุ้นของที่จำกัดวงมากขึ้น อาจจะต้องลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่มากกว่า บริษัทขนาดกลาง-เล็กที่มีการเติบโตสูง จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กองทุนมี ผลตอบแทนย้อนหลังรอบ 3 ปี ที่ลดลงมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบการลงทุนสไตล์หุ้นพื้นฐานดีราคาไม่แพง ความผันผวนต่ำละก็ ผมคิดว่ากองทุน B-LTF นั้นเป็นตัวเลือกอันดับแรกครับ
กองทุน CG-LTF กองทุนนี้มีนโยบายในการเลือกหุ้นที่จะลงทุนในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานและธรรมภิบาลที่ดี มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ แต่กองทุน CG-LTF นั้นค่อนข้างจะมีการซื้อขายเปลี่ยนแปลงหุ้นค่อนข้างบ่อย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ที่ผ่านมานั้นกองทุน CG-LFT มีความผันผวนค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับกองทุน LTF ตัวอื่น ๆ แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่ดีมาก
ดังนั้น ผมคิดว่าใครก็ตามที่สนใจกองทุน LTF เพื่อใช้เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษี และยังอยากได้พอร์ตแบบค่อนข้างปรับตัวเร็ว และมีการทำ Market timing หน่อยๆ และรับความผันผวนระหว่างที่ลงทุนได้สูง เพื่อผลตอบแทนที่ดีมาก ผมคิดว่า CG-LTF น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมครับ
กองทุน P-LTF เป็นอีกหนึ่งกองทุนจาก บลจ. Phillip ที่ถือว่าทำผลงานได้ดีแบบน่าตกใจ โดยปัจจุบันกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดค่อนข้างใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มที่จะโตได้ในระยะยาว
และด้วยขนาดกองทุนที่เล็กกว่าจึงไม่มีข้อจำกัดที่ต้องเลือกหุ้นขนาดใหญ่เท่านั้น ซึ่งข้อได้เปรียบนี้อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กองทุน P-LTF สามารถทำผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ 5 ปีผ่านมา และเมื่อเลือกหุ้นที่จะลงทุนได้แล้ว กองทุน LTF กองทุนนี้จะเน้นถือหุ้นระยะยาว แต่หุ้นบางส่วนก็จะมีการปรับกลยุทธ์ที่เป็นการลงทุนตามธีมของตลาดหุ้นด้วยในบางครั้ง และถ้าตลาดมีความผันผวนมาก ๆ กองทุนนี้ก็จะปรับตัวไปเลือกหุ้นพื้นฐานดี เพื่อให้ความผันผวนไม่เยอะตามตลาดหุ้นครับ
ทั้งนี้ที่ผ่านมานั้นกองทุน P-LTF จะเน้น Overweight การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive stocks จึงทำให้ที่ผ่านมากองทุนมีความผันผวนค่อนข้างต่ำ ซึ่งทำให้ได้ผลตอบแทนที่น่าประทับใจครับ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า กองทุน LTF ที่ถูกกล่าวกันว่าให้ผลตอบแทนดีทั้งระยะสั้น และยาว เห็นจะหนีไม่พ้นกองทุน P-LTF กองทุนนี้ แถมเมื่อทำ DCA เปรียบเทียบกัน กองทุนนี้ก็ทำได้ดีอีกด้วย น่าจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการซื้อกองทุนอย่างสม่ำเสมอครับ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมค่อนข้างชอบกองทุนที่ไม่ค่อยผันผวนเท่าไหร่นัก ถือแล้วสบายใจ ดังนั้นมุมมองของผมเอง ถ้าเป็นนักลงทุนใหม่ ๆ รับความผันผวนได้ไม่มาก และได้ผลตอบแทนที่ดี ก็อาจจะเลือกกองทุน PLTF เป็นอันดับ 1 หรือใครจะชอบความสะดวกในการซื้อ ก็คงต้องพิจารณาซื้อผ่านธนาคาร ซึ่ง BLTF ก็น่าจะตอบโจทย์ และถ้าใครรับความผันผวนได้มาก ๆ แล้วอยากได้ผลตอบแทนที่ดีละก็คงต้องเลือก CG-LTF ครับ
ถึงตา FundTalk บ้างนะครับ
1. ดูผลตอบแทนระยะยาว
ยาวในที่นี้ เอา 3 ปี 5 ปี เลยนะครับ ส่วนตัวแล้ว ผมมีความเชื่อว่า ยิ่งกองทุนเปิดมานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีอดีตให้เราลองศึกษามากเท่านั้น ว่าแล้ว เราก็เรียงอันดับกองทุน LTF ที่ผลตอบแทนดีที่สุดในรอบ 5 ปี LTF ในตลาดมีทั้งหมด 53 กองทุน เราจะเลือกแค่ 20 กองแรกที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปีดีที่สุดมาวิเคราะห์ต่อ
2. ดูผลตอบแทนระยะสั้น
3 เดือน 6 เดือน 1 ปี ดูใกล้ๆ ซึ่งหากดูตอนนี้ จะเห็นว่า ยากมากครับ ที่กองทุนไทยซักกองจะให้ผลตอบแทนเป็นบวก เพราะหุ้นไทย เข้าสู้รอบการปรับฐานมาได้ปีกว่าๆและไม่สามารถทำ New High สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ แต่ไม่เป็นไร เราก็ลองเรียงดูผลตอบแทนของกองทุนที่ติดลบในช่วงระยะสั้นดู เราจะเห็นภาพชัดขึ้นเมื่อรวมกับที่เราเรียงผลตอบแทนระยะยาวในข้อ 1
3. ดูผลตอบแทนเปรียบเทียบความเสี่ยง
ในที่นี้ ที่นิยมใช้กันก็คือ Sharpe Ratio นั้นเองครับ โดยค่า Sharpe Ratio นี้ ยิ่งมากยิ่งแปลว่า ผลตอบแทนคุ้มกับความเสี่ยง ดังนั้น เวลาดูว่ากองไหนดีกว่ากองไหน ก็ให้ดูกองทุนที่ค่า Sharpe Ratio สูงกว่า โดยส่วนตัว ผมแนะนำให้ดูค่า Sharpe Ratio ที่ระยะยาวหน่อย 3 ปี และ 5 ปี ครับ
4. เข้าไปดูนโยบายการลงทุน
กองทุนที่ติดใน List หลังจากที่เราเปรียบเทียบทั้ง 3 ข้อข้างต้น คือ ผลตอบแทนระยะยาว ระยะสั้น และดู Sharpe Ratio แล้ว เราก็เลือกกองทุนที่เราคิดว่าน่าสนใจออกมาซัก 5 กอง มาศึกษาต่อว่า นโยบายการลงทุนเป็นอย่างไร ลงทุนในหุ้นประเภทไหน ค่าธรรมเนียมแพงหรือเปล่า เพื่อดูว่ามันเหมาะกับเราที่จะฝากผีฝากไข้ในระยะยาวได้จริงๆหรือเปล่า
คุณสามารถติดตาม FINNOMENA ผ่านทาง Line และ Facebook ตามลิงค์ด้านล่าง
โดย Scan QR Code
หรือกดปุ่ม