สร้างระบบการลงทุนด้วยตนเอง เริ่มต้นจากอะไร

ตลาดหุ้นปีนี้ ทำนักลงทุนหลายคนเริ่มไม่มั่นใจกับวิธีการลงทุนของตัวเองว่าจะประสบความสำเร็จในระยะยาวอย่างที่ตั้งใจไว้จริงหรือเปล่า

ใครที่เพิ่งเริ่มเข้ามาลงทุนในปีนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่า การทำกำไรในตลาดหุ้น มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และดูไกลจากความสามารถของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ

ต้องระวังนะครับ สิ่งที่อันตรายที่สุดในโลกการลงทุนก็คือ ความคิดหรือความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการลงทุน

เพราะความคิดหรือความเชื่อผิดๆ อาจทำให้คุณได้กำไรในระยะสั้น แต่ในระยะยาว มันอาจจะทำลายพอร์ตการลงทุนทั้งพอร์ต

แต่คุณผู้อ่านก็อาจจะแย้งผมกลับว่า ความเชื่อที่ถูก เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่ามันถูกจริงๆ และสิ่งที่นักลงทุนในอดีตเคยทำได้ ก็ใช่ว่าจะการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้ซักหน่อย ซึ่งก็จริงครับ ผมไม่เถียงเลย

แต่ชีวิตเรา ต้องมีหลักการอะไรซักอย่างยึดไว้ ถ้าไม่ยึดอะไร หรือ ยึดไว้ทุกอย่าง ก็จะทำให้ชีวิตสับสน และไม่ได้เริ่มต้นซักที

ดังนั้น ถ้าจะลงทุนจริงๆ จังๆ ผมแนะนำว่า เลือกเอาซักทางครับ โดยกลับมาย้อนตรวจสอบกับความคิดของตัวเองว่า ถูกจริต และเหมาะกับตัวเรามากแค่ไหน

คนเราจะเปล่งประกายได้ ก็มีแต่อาศัยความถนัดของตัวเอง และพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป

การจะเลือกวิธีการลงทุนที่ถูกจริตกับเรา ผมแนะนำว่า ควรพิจารณาจากปัจจัย 4 ด้านด้วยกันครับ

เวลาในชีวิตประจำวัน

คุณพร้อมจะแบ่งเวลาในชีวิตประจำวันมาเพื่อให้กับการลงทุนมากน้อยแค่ไหน ถ้าคำตอบคือ พร้อมจะให้เวลามาก ก็ขอให้รู้ว่า โอกาสประสบความสำเร็จมีมากกว่าครึ่งหนึ่งไปแล้วครับ แต่ใครที่ให้คำตอบกับตัวเองว่า ต้องใช้เวลากับสิ่งอื่นในชีวิตมากกว่า ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ไปครับ รออ่านต่อจนจบนะครับ

เวลาที่เหลือเพื่อไปถึงเป้าการลงทุน

ข้อที่สองก็ยังเป็นเรื่องของเวลาอยู่ดี แต่เป็นเวลาในมุมมองของระยะเวลาการลงทุนที่ตัวคุณเองคาดหวัง ถ้าคุณคิดสร้างผลตอบแทนสูงๆแบบโตทุกปี บวกให้ได้ทุกปี ก็แปลว่า คุณต้องหาวิธีการลงทุนที่คุมความเสี่ยง คุมความผันผวนให้ดีระหว่างทาง ซึ่งอาจจะเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ต้องมีการเทรดเข้าเทรดออกบ่อยๆ เพื่อมีการตัดขาดทุน หรือล็อคกำลังตลอดเวลา ตรงกันข้าม ถ้าคุณคาดหวังผลตอบแทนในระยะเวลาที่ยาวขึ้น เช่น 5 ปี 10 ปี ข้างหน้า ก็แปลว่า คุณมีเวลาสำหรับการลองผิดลองถูกได้มากขึ้น ก็สามารถรับความเสี่ยงได้สูงขึ้น สามารถไปเลือกวิธีการลงทุนที่รับความผันผวนจากราคาได้

ความทนทานต่อการเคลื่อนไหวของราคา

อันนี้หมายถึง ถ้าเปิดดูรายงานสรุปสิ้นเดือนแล้ว พบว่า ขาดทุนที่เกิดขึ้น มันทำให้เรากระสับกระส่าย กระวนกระวาย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ถ้าเจอแบบนี้ ตีความได้เลยว่า เรากำลังมาผิดทาง ไม่เพราะคุณไม่เข้าใจธรรมชาติของสิ่งที่ลงทุน ก็อาจเป็นเพราะคุณลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเกินกว่าที่คุณสามารถยอมรับได้ ต้องทำความเข้าใจกับตัวเองนะครับ เพราะเมื่อเราเจอจุดนี้ (และยังไงก็ต้องเจอซักวันไม่ช้าก็เร็ว) มันคือจุดชี้เป็นชี้ตาย หรือจุดเปลี่ยนของการลงทุนของนักลงทุนหลายคนทีเดียว ใครแก้ถูกทาง ก็จะสามารถปรับวิธีการลงทุนให้เป็นแนวทางของตัวเองมากขึ้น เป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย

ข้อมูลแบบไหนที่คุณเชื่อถือ

นักลงทุนแต่ละคน ใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่แตกต่างกัน และตื้น ลึก หนา บาง แตกต่างกัน แต่สิ่งที่ต้องระวังก่อนเลยก็คือ ข้อมูลที่น้อยเกินไป โอกาสพลาดก็มี หรือ ถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่ต้องการข้อมูลจำนวนมาก ก็ต้องสัมพันธ์กับเวลาในชีวิตประจำวันของคุณ ซึ่งก็คือต้องสละเวลามาให้กับการหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย อีกประเด็นก็คือ ระหว่าง ข้อมูลภาพกว้างๆ ภาพใหญ่ๆ กับ ข้อมูลในรายละเอียดปลีกย่อยของแต่ละบริษัท คุณถนัด และมั่นใจในการเอาข้อมูลไหนไปประกอบการตัดสินใจมากกว่ากัน มันอาจผสมๆกันนะครับ แต่สุดท้าย ลองนึกดีๆว่า ทุกครั้งที่เราจะลงทุน เราใช้ข้อมูลแบบไหนมากกว่า ปัจจัยนี้ ก็มีผลกับการออกแบบวิธีการลงทุนเยอะทีเดียว

นักลงทุนหลายท่าน เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นก็นานหลายปี แต่ยังไม่เคยได้ลองตรวจสอบ ทำความเข้าใจตัวเองเลยว่า จริงๆแล้ว เราเป็นนักลงทุนประเภทไหน สิ่งใดที่เรายึดถือเป็นหลักการ

ถ้าปีนี้ พอร์ตการลงทุนของเราสะดุดล้มลง ก็ขอให้เราลองกลับมาทำความเข้าใจตัวเองให้มากขึ้นให้ได้นะครับ ไม่แน่ สิ่งที่เราพยายามแก้ พยายามหา จากเครื่องมือช่วยการลงทุนจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นบริการต่างๆ เทคโนโลยีล้ำสมัย มันก็อาจจะไม่ตอบโจทย์อะไรเรา เท่ากับ เรารู้จักตัวเองให้ดีขึ้น

ตอนหน้า พาไปรู้จักระบบการลงทุนซึ่งเหมาะกับนักลงทุนแต่ละประเภทกันครับ

ที่มาบทความ: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645991

สร้างระบบการลงทุนด้วยตนเอง เริ่มต้นจากอะไร

TSF2024