ธนาคาร Credit Suisse เป็นธนาคารระดับโลกที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1856 และตั้งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซูริก และมีสำนักงานอยู่ในศูนย์การเงินหลักทุกแห่งทั่วโลก
Credit Suisse (CS) ถือเป็น 1 ใน 9 ธนาคารระดับโลก “Bulge Bracket” ซึ่งหมายถึงธนาคารขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลมาก ๆ ต่อระบบการเงินโลก ประกอบไปด้วย
- Bank of America
- Barclays
- Citigroup
- Credit Suisse
- Deutsche Bank
- Goldman Sachs
- JPMorgan Chase
- Morgan Stanley
- UBS
โดยนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ที่ออกสู่ตลาด มักจะมาจากไม่เจ้าใดเจ้าหนึ่งใน 9 ธนาคารนี้เป็นอันดับแรก ก่อนกระจายไปขายกันทั้งโลกในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะเป็น mortgage-backed securities (MBS) ช่วงปี 1980s, credit default swaps ในปี 1990s, cllaoteralized debt obligations (CDO) นับตั้งแต่ปี 2000
รวมถึงการทำ carbon emission trading และ insurance-linked products ที่เสนอขายกันอย่างแพร่หลายในกลุ่มลูกค้า High Net Worth ในปัจจุบัน
และที่สำคัญธนาคาร 9 แห่งนี้ ถือเป็น primary dealers สำหรับ US treasury ซึ่งมีปริมาณการเทรดเยอะที่สุดเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลแห่งอื่น ๆ บนโลก นั่นยิ่งทำให้อิทธิพลของ 9 ธนาคารนี้ต่อระบบการเงินโลกสูงทีเดียว
10 ปีที่ผ่านมา Net Income ของ Credit Suisse เป็นตามนี้
2012 $1,440 Million
2013 $2,511 Million
2014 $2,052 Million
2015 -$3,064 Million
2016 -$2,751 Million
2017 -$999 Million
2018 $2,069 Million
2019 $3,441 Million
2020 $2,847 Million
2021 -$1,805 Million
2022 -$7,642 Million
ซึ่งหากเอาผลการดำเนินงาน 10 ปีมารวมกัน จะพบว่า Credit Suisse มีผลขาดทุน -$1,901 Million ถือว่าน่าเป็นห่วงทีเดียว
ในฝั่งของราคาหุ้นก็เป็นขาลงมาอย่างยาวนาน จากจุดสูงสุดเมื่อเดือนเม.ย. 2007 ที่ $77 ล่าสุดตอนนี้เทรดอยู่ที่ $2.07 หรือ ปรับฐานลงมา -97% ขณะที่ Market Cap เคยทำจุดสุงสุดในปี 2006 ที่ราวๆ $89 billion มาวันนี้ เหลือแค่ $7.9 billion
การขาดทุนของ Credit Suisse ที่ทำให้ตลาดวิตกกังวลครั้งแรกคือในปี 2015 ต่อเนื่องมาปี 2016 สาเหตุมาจากการตัดหนี้สูญของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ที่เป็นผลพ่วงมาจากหลังวิกฤต subprime ปี 2008 และ euro debt crisis ในปี 2009 รวมถึง การซื้อขายที่ผิดพลาดของโต๊ะเทรดและต้องรับรู้ผลขาดทุนมโหฬาร
ธนาคารก็พยายามปรับโครงสร้างภายใน และเปลี่ยนผู้บริหารมาเรื่อย ๆ ซึ่งเหมือนผลประกอบการของบริษัทจะดีขึ้นหลังจากนั้นแต่จนกระทั่งปี 2021….
Credit Suisse ก็ตกเป็นข่าวร่วมกับธนาคารยักษ์ใหญ่ ๆ หลายๆแห่ง กับกรณี Archegos Capital จากการไปร่วมปล่อยกู้ Margin Loan เพื่อให้ Hedge Fund รายนี้ไปลงทุน
เพราะหุ้นที่ Archegos เข้าลงทุนกลับร่วงลงรุนแรง ทำให้สถาบันการเงินเหล่านี้ต้องเรียก Archegos ให้หาหลักประกันมาวางเพิ่ม (Margin Call) เมื่อ Archegos หาหลักประกันเพิ่มให้ไม่ได้ ก็ต้องสั่งบังคับขาย (Force Sell) และนำมาซึ่งการขาดทุนของ 2 ธนาคารยักษ์ใหญ่ เจ้าหนึ่งคือ Nomura และอีกเจ้าคือ Credit Suisse
เฉพาะการบังคับขายขาดทุนหุ้นในพอร์ตของ Archegos ตอนนั้น CS เจอขาดทุนไป 5 พันล้านดอลล่าร์ ขณะที่ Nomura โดนไปเกือบ ๆ 3 พันล้านดอลลาร์
และถ้ารวมทุกธนาคารรวมกันที่เสียหายจากเหตุการณ์นี้ ก็มากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ทีเดียว
แล้วปี 2022 ทำไม Credit Suisse ยังขาดทุน?
คำตอบคือ ตลาดทุนเข้าสู่การปรับฐานทั้งปี ดูได้จากดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะเดียวกัน ฝั่งตลาดตราสารหนี้ก็มีปัญหาจากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของเฟดและ ECB เพื่อสู้กับเงินเฟ้อ ทำให้รายได้จาก wealth management กับเทรดบอนด์หายไป
ทำไมตลาดมาให้ความสนใจกับ Credit Suisse ตอนนี้?
เพราะ CDS ซึ่งเป็นตราสารอนุพันธ์ที่ประกันการผิดนัดชำระหนี้ที่เจ้าหนี้ของ Credit Suisse ราคาพุ่งทำ All Time High ซึ่งมันแปลว่า นักลงทุนมองว่า ธนาคารมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้และล้มละลายมาก ๆ ให้โอกาสล้มสูงถึง 47% ทีเดียว
ซึ่งด้วยความที่เป็นธนาคารขนาดใหญ่ และมีปัญหามาก่อน จึงทำให้ถูกนักลงทุนโฟกัสว่า เหตุการณ์ที่เกิดกับ SVB จะลุกลามเป็นโดมิโนมาที่ธนาคารฝั่งยุโรปหรือไม่
ตอนนี้เราเห็นเม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลิดภัยต่อเนื่อง ตัวแรกคือ ทอง ซึ่งทดสอบ $1,930 อยู่ตอนนี้
ฝั่งตลาดตราสารหนี้ มองภาย US Treasury ก็พบว่า ทั้งพันธบัตรอายุ 2 ปี และ 10 ปี มีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่องจน yield ปรับลดลงเหลือ 3.87% และ 3.45% ตามลำดับ
ส่วน Dollar Index ก็เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ทำให้ทะลุเหนือ 104 จุดอีกรอบ
ปัญหาสภาพคล่อง จาก SVB, Signature Bank ลามมาที่ CS ณ ตอนนี้ ถ้าจะถามว่า เราอยู่ในวิกฤตแล้วหรือยัง?
ความเห็นส่วนตัว ผมมองว่า เราอยู่ในวิกฤตแล้วครับ!!
แต่… จะออกจากวิกฤตเร็วช้า ตลาดหุ้นจะลงนานไหม ต้องไปดู action จาก Policy Maker ครับว่าตลาดพอใจ และ “เอาอยู่” จริงหรือเปล่า
ซึ่งตอนนี้ตลาดคิดแล้วว่า มีโอกาสมากกว่า 60% ทีเดียว ที่เฟดจะพิจารณาไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 22 มี.ค.
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตาม
แหล่งที่มาข้อมูล :-
https://www.macrotrends.net/stocks/charts/CS/credit-suisse-group/net-income
https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-04-27/nomura-ubs-take-global-banks-archegos-hit-to-over-10-billion?sref=e4t2werz#xj4y7vzkg
https://www.cnbc.com/2023/03/15/stocks-making-the-biggest-moves-premarket-cs-len-pacw.html
https://www.cnbc.com/2023/03/15/gold-in-tight-range-with-focus-on-feds-rate-hike-moves.html
Mr.Messenger รายงาน