คิดว่า จะพยายามมา Review กองทุนดีๆระยะสั้นทุกๆไตรมาส ให้ได้ดูเผื่อเป็น Case Study กันนะครับ
บอกไว้ก่อนว่า ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันผลตอบแทนในอนาคต และนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลมากกว่าที่ผมเขียนให้ดูนะครับ
สรุปภาพรวมตลาดกองทุนในไทยไตรมาส 1 ปีนี้ มีกองทุนไม่ต่ำกว่า 20 กองที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ไม่ต่ำกว่า 10% ในระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่า กองทุนทั้งหมดเป็นกองทุนหุ้น ส่วนกองทุนหุ้นตัวไหนที่ได้ผลตอบแทนดีที่สุด 5 กองแรกของอุตสาหกรรมก็ตามไปดูกันเลย
อันดับ 5 กองทุนเปิดกรุงศรียุโรปอิควิตี้เฮดจ์ (KF-HEUROPE)
ผลตอบแทน 18.28%
กองทุนนี้ ไปลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปผ่านกองทุนแม่ที่ชื่อ Allianz Europe Equity Growth Fund ซึ่งแน่นอนว่า ผลตอบแทนที่ดีนั้น มาจาก Macro View หลัง ECB ประกาศอัดฉีด QE เป็นครั้งแรก ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าสภาพคล่องส่วนเกินในระบบการเงินนั้น จะทำให้มีเม็ดเงินบางส่วนไหลไปลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปซึ่ง Valuation และระดับราคาหุ้นยังถูกกว่าภูมิภาคอื่นๆ แต่การไปลงทุนในประเทศที่มีนโยบาย QE นั้น มีความเสี่ยงเรื่องค่าเงินที่มีโอกาสอ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งทางกองทุน KF-HEUROPE ก็ขจัดปัญหาด้วยการป้องกันความเสี่ยงจาก FX แบบ 100% (Fully Hedge) ครับผม
อันดับ 4 กองทุนเปิด ทิสโก้ เยอรมัน อิควิตี้ (TISCOGY)
ผลตอบแทน 18.72%
กองทุน TISCOGY ถือเป็น Passive Management Portfolio เน้นให้ผลการดำเนินล้อตามดัชนีชี้วัด ซึ่งก็คือ ดัชนี DAX ซึ่งเป็นตลาดหุ้นเยอรมัน ด้วยการไปลงทุนในกองแม่ที่ชื่อว่า db x-trackers DAX UCITS ซึ่งเป็น ETF Fund ผลตอบแทนที่สูงของกองนี้ มาจาก Macro View เช่นเดียวกับกองทุน KF-HEUROPE ของ บลจ.กรุงศรี แต่ที่เฉียนกันหลักทศนิยม นั้นเป็นเพราะว่า ตลาดหุ้นเยอรมัน ได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงิน EUR มากกว่า เพราะธุรกิจในเยอรมันพึ่งพาการส่งออกในสัดส่วนที่สูง ซึ่งต่างจากกองทุน KF-HEUROPE ที่กองทุนหลักกระจายความเสี่ยงลงทุนในหลายประเทศกว่า ใครมองว่า การมี QE ของยุโรป จะยังทำให้ภาพรวมการลงทุนในภูมิภาคนี้น่าสนใจตลอดทั้งปี นี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวครับ
อันดับ 3 กองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์ (CHINA)
ผลตอบแทน 19.44%
กองทุนนี้เป็น ETF ที่สามารถซื้อขายในตลาดรองผ่านระบบ Streaming ได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ โดยพิมพ์ชื่อย่อว่า “CHINA” ออกโดย บลจ.กรุงไทย โดยกองทุนจะไปลงทุนในกองแม่ที่ชื่อ W.I.S.E. – CSI 300 China และกองแม่ก็มีนโยบายการลงทุนก็คือ พยายามจะเกาะผลตอบแทนของดัชนี CSI 300 โดยจะลงทุนใน A Shares Access Products (AXPs) นั้นเอง ดังนั้น การเคลื่อนไหวของ “CHINA” จะวิ่งตามดัชนี A-Share ที่อยู่ในจีน Mainland สาเหตุที่กองทุนนี้ผลตอบแทนวิ่งขึ้นมาดีเป็นอันดับสองก็มาจากภาพ Macro View เช่นเดียวกัน โดย NAV มาดีดแรงจิงๆก็ช่วงต้นเดือน มี.ค. ที่ PBoC ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนคาดว่าจะมีนโยบายผ่อนคลายออกมาอีกเป็นชุดๆเพื่อคอยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทำท่าทางจะ Soft Landing รวมถึงการที่ทางการจีนทยอยทำ QE แบบเงียบๆ ก็ทำให้นักงทุนเชื่อมั่นว่า จะสามารถยันให้ GDP Growth ของจีนยืนอยู่บนเป้าที่ 7.0% ได้ ดังนั้นแรงซื้อของนักลงทุนก็ไล่ให้ราคาวิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่ปลายปีที่แล้วก็วิ่งมาไม่น้อยเลย จริงๆผมเขียนเรื่องจีนมาตั้งแต่ปลายปี และชอบจีนมาตั้งแต่เดือน ต.ค. นะครับ กลับไปอ่านวิเคราะห์แบบเจาะลึกได้ที่ 4 เหตุผล ที่ Mr.Messenger กัดฟันลงทุนใน “จีน”
อันดับ 2 กองทุนเปิดไทยทวีทุน (TTPF)
ผลตอบแทน 20.89%
ถือเป็นกองทุนหุ้นไทยกองเดียวเลยที่ติด TOP10 ในไตรมาสที่หนึ่งนะครับ เชื่อว่า ทุกคนไม่เคยได้ยินชื่อกองทุนนี้มาก่อน ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่แปลกเพราะกองทุนนี้เป็นกองทุนที่เปิดให้ซื้อขายเป็นรอบๆ ไม่ใช่ซื้อขายได้ทุกวันเหมือนกองทุนรวมทั่วไป ส่วนที่ผลตอบแทนโดดเด่นเนี่ย เพราะถือหุ้นโหดมากครับ พอร์ตการลงทุน ณ สิ้นเดือน ก.พ. มีหุ้นแค่ตัวเดียวคือ IRPC แต่ถือในสัดส่วนที่สูงถึง 47.1% นอกนั้นเป็นพันธบัตรและเงินฝาก ลองหลับตานึกภาพสิครับ IRPC ต้นปีเทรดอยู่ที่ราคา 3 บาท มาวันนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 4.46 บาท เท่ากับวิ่งมา 48.6% ทีเดียว แล้วถืออยู่เกือบครึ่ง เลยดันผลตอบแทนขึ้นมาทะลุ 20% ไม่ยากเลย จะเรียกว่าเก่งก็เก่งครับ จะเรียกว่าฟลุ๊ค ก็เหมือนจะใช่ (แต่เชื่อว่า Fund Manager คงมั่นใจละ ไม่งั้นคงไม่ซัดเต็มข้อขนาดนี้) อ้อ กองนี้ เป็นกองกรุงไทยเช่นกันครับ
อันดับ 1 กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โคเรีย สปอท ซีรี่ส์ 1 (KR-S1)
ผลตอบแทน 20.91%
เรียกว่าเฉือนอันดับสองแค่ปลายจมูกจริงๆ กองทุนนี้เป็นของ บลจ. MFC ถือเป็นกองทุนประเภท Trigger Fund ที่ลงทุนในหุ้นในประเทศเกาหลีใต้ โดยไม่อ้างอิงดัชนีตัวใด เรียกว่าไปหาหุ้นด้วยตัวเองว่างั้นเถอะ โดยใช้ Benchmark ก็คือ Korea Composite …แต่ช้าก่อนครับ กองทุนนี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือน ต.ค. ปี 2555 และจริงๆ กำหนดอายุกองทุนแค่ 8 เดือนครับ … แต่นี่ผ่านมา 2ปีกว่า กองทุนก็ยังเปิดอยู่ นั้นแสดงว่า “ไม่สามารถไปถึงเป้าที่ตั้งไว้ 10% ได้ แย่กว่านั้นคือ ตลาดหุ้น KOSPI ร่วงรูดกราวเพราะการอ่อนค่าของค่าเงินเยน ทำให้สินค้าญี่ปุ่นซึ่งเป็นคู่แข่งสินค้าเกาหลี ดูถูกลงในสายตาของลูกค้าทันที แล้วลองถามตัวเองสิครับ ถ้าสินค้าประเภทเดียวกัน ราคาเท่ากัน คุณจะเลือก Made in Korea หรือ Made in Japan แน่นอนว่า หุ้นส่งออกของเกาหลีจึงมีปัญหาในช่วงที่ญี่ปุ่นออกมาตรการ Abenomics ออกมา ส่วนการวิ่งได้แรงในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ก็มาจากความหวังเรื่องเงินทุนไหลออกที่หยุดลง และค่าเงินวอนเริ่มคงที่ ประกอบกับคู้ค้ารายใหญ่อย่างจีน กำลังจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอีก สิ่งเหล่านี้เลยทำให้ตลาดหุ้นเกาหลีวิ่งดีอย่างที่เราเห็น
เป็นไงกันบ้างครับ กับ The Best 5 Mutual Fund in 1Q2015
ไตรมาส 2 นี้ คุณว่า กองทุนไทยจะแทรกตัวขึ้นมาได้มากขึ้นไหม? หรือว่าตลาดหุ้นต่างประเทศจะยังวิ่งต่อไปด้วยมาตรการ QE อย่างที่เห็นกัน? ไปวิเคราะห์กันต่อครับ ยิ่งศึกษาเยอะ ยิ่งรู้เยอะ ยิ่งรู้เยอะ ยิ่งเห็นโอกาส และเมื่อคว้าโอกาสไว้ ก็เท่ากับกำไรที่จะได้กลับมา … แต่มันต้องเริ่มที่ “วิเคราะห์และศึกษาให้เยอะ” ก่อนเป็นอันดับแรก ไม่อย่างงั้น อย่าอื่นมันไม่ตามมาง่ายๆหรอก อย่าขี้เกียจเชียว
ที่มาบางส่วน : www.wealthmagik.com