คนเรามักชอบอ่านอะไรที่กระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือทำอะไรซักอย่างให้ดีขึ้น แต่พอลุกขึ้นมาเปลี่ยน คนส่วนใหญ่ก็พบว่า ไม่สามารถทำมันต่อเนื่องได้ในระยะยาว
สาเหตุที่ทำมันต่อเนื่องไม่ได้ในระยะยาว ก็พบว่า ส่วนใหญ่ ไม่มีแผนที่ชัดเจนว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไร และไม่ได้สัญญากับตัวเองเป็นจริงเป็นจัง ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ไอ้ที่คิดจะเปลี่ยน แล้วเปลี่ยนจริงๆ คือจิตใจเราเองที่ลังเลได้ตลอดเวลา
ผมไปเจอ Infographic ที่น่าสนใจ ชื่อว่า 10 Daily Habits of Most Successful Entrepreneurs ทำไว้ น่าสนใจ และพบว่า เอามาใช้ได้จริง ทั้งในแง่ของการเป็นผู้ประกอบการประกอบธุรกิจส่วนตัว ร่วมถึงการเป็นนักลงทุนอิสระ ที่ไม่ได้มีเจ้านายมาสั่งการให้ทำงานประจำทุกๆวัน มีอะไรบ้าง ก็ตามนี้ครับ
ที่มา : http://www.lovethispic.com/image/181529/10-daily-habits-of-the-most-successful-entrepreneurs
1.) Create Routine
สร้างกิจวัตรประจำวัน สิ่งใดที่เราทำบ่อยๆ มันจะกลายเป็นกิจวัตร และเมื่อเป็นกิจวัตรนานๆ ก็จะกลายเป็นนิสัย ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดของการจะประสบความสำเร็จก็คือ สร้างนิสัยที่ถูกต้องนั่นเอง หลายคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนแล้วอยากกระโดดออกมาทำอาชีพอิสระ หรือทำธุรกิจส่วนตัว มักจะมีเหตุผลว่า อยากบริหารเวลาได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่โดยกำหนดโดยเจ้านายว่าจะต้องเข้างานเช้าๆ เลิกดึกๆ แต่จริงๆแล้ว ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ กลับต้องการวินัย และไม่ได้มีอิสระมากกว่าพนักงานประจำเลยในช่วงต้นๆของการประกอบกิจการ เพราะต้องคอยแก้ปัญหา ปรับจูนธุรกิจให้เข้าที่อยู่ตลอดเวลา และแน่นอนว่า เมื่อขยายกิจการใหญ่ขึ้น ก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้พนักงานทำเป็นตัวอย่าง
2.) Keep The Morning for Toughest Projects
งานยากๆ เอามาทำตอนเช้า สาเหตุก็เพราะ สมองเราปลอดโปร่ง และโล่งจากความคิดมากที่่สุดในช่วงที่เราตื่นนอนตอนเช้า อีกเรื่องก็คือ เมื่อเราเริ่มทำงานในแต่ละวันงานส่วนใหญ่ระหว่างวัน (ไม่ว่าจะพนักงานประจำ หรือผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัวก็เถอะ) มักจะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้องค์กรเดินต่อไปได้ ถ้าเราเอาโปรเจคที่สำคัญๆมาทำในช่วงเวลาแบบนี้ สมาธิที่จะเอามาคิดสิ่งดีๆจะถูกดึงให้ไปทำเรื่องอื่นกลางทาง ดังนั้น เริ่มวันด้วยการเคลียร์สมอง แล้วเอาของยากๆ ของที่สำคัญมาทำตั้งแต่เช้าจะดีที่สุด
3.) Workout & Mediate
ออกกำลังกาย และทำสมาธิ อันนี้คงไม่ต้องอธิบายมาก เพราะเมื่อกายแข็งแรง อุปสรรคก็ลดลงไปมากกว่าครึ่ง และมันคือการแบ่งเวลาของเราออกมาไม่ให้หมกหมุ่นกับสิ่งที่อยุ่ตรงหน้า ซึ่งอาจนำมาซึ่งความเครียด ส่วนการทำสมาธินี้ มันคือการเคลียร์สมองให้โล่ง คุณจะพบว่า ไม่น่าเชื่อเลยที่ไอเดียดีๆ บางที่มันเกิดจากตอนที่เรากำลังอาบน้ำ, วิ่งออกกำลังกาย หรือ การทำใจให้สบายและปล่อยวางลงบ้าง
4.) Give a Head Start to Tomorrow Today
ใช้หัวคิดของเรา เริ่มต้นวางแผนและทำงานของวันพรุ่งนี้ไปล่วงหน้า เปรียบไปมันก็คือ การวางแผนล่วงหน้า และเราจะได้รู้ว่า พรุ่งนี้ เราควรทำอะไร และให้ความสำคัญกับสิ่งไหนในวันถัดไป เมื่อเราได้คิดก่อน ก็จะมีโฟกัส ไอ้ตัวนี้ละครับ ที่ทำให้ทุกๆวันของเรามีประสิทธิภาพสูงสุด
5.) Schedule Time for Revenue Generating Activities
จริงๆ ก็ต่อเนื่องจากข้อ 4 นั่นก็คือ ตอนที่คิดวางแผนทำงานเนี่ย เราจะต้องแบ่งและให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างจริงจัง ไม่มีบริษัทไหนที่ประสบความสำเร็จจากการที่ผู้บริหารนั่งประชุมกันทั้งวันโดยไม่มีข้อสรุป หรือ ถึงแม้มีแผนการอันสวยหรู แต่ขาดคนลงมือทำ มันก็เท่านั้น และแน่นอนว่า เราไม่ควรให้คนอื่นมาทำงานที่สำคัญที่สุดอันนี้ นอกจากตัวเราเอง
6.) Track your Progress
การทำธุรกิจ เราต้องมีเช็คพ้อยท์ตลอด ว่าเดินไปไกลหรือยัง ยังอยู่ในร่องในรอยหรือเปล่า ตรวจสอบความคืบหน้า เพื่อรู้ว่าช่วงใดควรเร่ง ช่วงใดควรผ่อน ถ้ามันแต่เดินไปข้างหน้า แต่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่จุดไหนของแผนที่ คุณว่ามีโอกาสเดินออกนอกเส้นทางไหมละ?
7.) Refresh Yourself with Quality Family Time
การให้เวลากับครอบครัว และรักษาสมดุลทั้งสองฝั่ง เป็นสิ่งสำคัญ คุณอาจจะบอกว่า ที่ทำงานหนักวันนี้ ก็เพื่อคนที่เรารักในอนาคต แต่ลองกลับไปดูข้อ 1 ครับ สิ่งใดที่เราทำจนเป็นนิสัย มันแก้ไม่ได้หรอก ถ้าคุณทำงานหนักไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจครอบครัว ก็เท่ากับคุณกำลังทำลายสมดุลชีวิตทางอ้อมด้วย แล้วถึงวันที่บริษัทประสบความสำเร็จจริง แต่ไม่มีคนที่อยู่ข้างๆ มันจะมีความหมายอะไรกับคุณละ
8.) Encourage Team to Provide Solution Not Problem
คนที่มีปัจจัยพร้อมที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพการงานตัวเอง จะคิดสองชั้นเสมอ ตอนแรก เขาจะเห็นปัญหานั้นก่อน และเขาจะคิดทันทีว่า จะแก้ปัญหานั้นยังไงโดยไม่โวยวายหรือโอดครวญว่าจะกำแพง เจอตอ อาจจะไปต่อไม่ได้ ดังนั้น เราควรสร้างองค์กร สร้างทีมที่ทุกคนคิดไปถึงวิธีแก้ปัญหา เพราะถึงแม้ว่าวิธีนั้นจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่มันคือการกระตุ้นให้เกิดความคิดเชิงบวก และฝึกสกิลให้ทีมของคุณทำงานอย่างีประสิทธิภาพมากขึ้น
9.) Segregate Each Day for Separate Business Activities
กลับมาที่เรื่อง “โฟกัส” อีกรอบ เราควรแบ่งประเภทของงานออกมาให้ได้ และใช้เวลาในแต่ละวันกับแต่ละประเภทงาน เพื่อป้องกันการคลุกฝุ่น และใช้เวลาในแต่ละวันให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เช่น ทุกๆวันจันทร์เริ่มต้นสัปดาห์ เราอาจเอาช่วงเช้ามาเช็คพ้อยท์ วางแผนงาน และประชุมกำหนดทิศทาง แล้วเคลียร์งานที่ค้างจากสัปดาห์ก่อน แล้ววันอื่นค่อยไปโฟกัสที่การสร้างรายได้ให้บริษัท พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ วันสุดท้ายของสัปดาห์ ก็มาเคลียร์บัญชีการเงิน ดูงบภายใน เป็นต้น
10.) Continue Learning
โลกธุรกิจในปัจจุบัน มันพัฒนาและมีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ และก็หมายถึงโอกาสที่มีอยู่อย่างไม่รุ้จบเช่นกัน ถึงเราจะเจอสูตรสำเร็จในการลงทุนวันนี้ ก็ใช่ว่า มันจะพาเราไปไกลในอีก 10 ปีข้างหน้า เพราะยังมีคู่แข่งอีกมากมายที่อิจฉาความสำเร็จของเรา และพร้อมเข้ามาขอส่วนแบ่งด้วยเช่นกัน ดังนั้น หัวใจความสำเร็จในระยะยาวก็คือ การไม่หยุดที่จะเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
ทั้ง 10 ข้อนี้ ผมมองว่า สามารถปรับใช้เป็นแนวทางในการลงทุนด้วยเช่นเดียวกันครับ ทั้งเรื่องการสร้างวินัย การทำใจให้สบาย ไม่เครียด ไม่กดดัน การแบ่งเวลาให้มีประสิทธิภาพ โฟกัสกับสิ่งที่สำคัญ และสร้างสมดุลให้กับชีวิต
จริงๆมันก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้วละครับ ถือว่าบทความนี้พาทุกท่านกลับมาเตือนความจำแล้วกันครับ