เมื่อช่วงปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ที่ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลงมาบริเวณ $44-$46 ผมให้มุมมองไปว่า ราคาของน้ำมันตอนนั้น ชนเส้น Uptrend Line ระยะยาว ปลพมีโอกาสดีดกลับในระยะสั้น การคาดการณ์ในครั้งนั้นแม่นเกินไป เพราะ มันเด้งระยะสั้นจริงๆครับ ราคาดีดกลับได้ต้นเดือน ก.พ. ที่ $54 แค่นั้น แล้วหลังจากนั้นก็แกว่งตัวแบบ Sideway ลงมาต่อเนื่อง ซึ่ง ณ ราคาปัจจุบันตอนนี้ ก็หลุด Uptrend Line ที่ผมให้ไว้ไปเรียบร้อยแล้ว
ขอคุยถึงมุมมองแบ่งออกเป็น 2 มุมมอง ในแง่ของ Fundamental ของราคาน้ำมันดิบ แง่หนึ่ง และในแง่ของกราฟทางเทคนิคอีกแง่หนึ่งนะครับ
ในแง่ของ Story ความดราม่าของราคาน้ำมันนั้น ไปอ่านเรื่องยาวๆได้ที่ Pantip นะครับ ผมเคยเขียนแบบจุใจไว้แล้วปลายปีก่อน
$$… วิกฤตน้ำมันครั้งนี้ จะเหมือนตอนรัสเซียผิดนัดชำระหนี้ปี 1998 หรือเปล่า? …$$
แต่ถ้าถามว่า ทำไมราคาน้ำมันส่งสัญญาณอยากดีดขึ้นในช่วงปลายเดือน ม.ค. เหตุมันมาจาก 2 เรื่องคือ พวกกองทุน Hedge Fund กลับเข้าเก็งกำไรระยะสั้นหลังราคาน้ำมันลงมาคิดจากจุดสูงสุดก็เกิน 50% ไปแล้ว
โดยตอนนั้น Hedge Fund ทั้งหลาย ก็ไปเก็งกันว่า จะมีบริษัทผู้ผลิตน้ำมัน Shale Oil และ Shale Gas ในสหรัฐฯที่ปิดตัวลง ทำให้ Production ลดลงส่งผลถึง Supply ในระยะสั้น ซึ่งก็มีเค้าของความจริงอยู่ส่วนหนึ่งที่ Hedge Fund คิดอย่างนั้น
ปัญหาคือ มันไม่ง่ายหรอกครับ ที่จะให้บริษัท Oil Production ปิดตัวลง แน่นอนว่า บริษัทยักษ์ย่อมทำทุกวิถีทางให้ตัวเองอยู่รอด เช่น บริษัทผู้ให้บริการน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯอย่าง Schlumberger ก็ตัดสินใจลดคนงาน 9,000 ต่ำแหน่ง เพื่อลดต้นทุน และชะลอโครงการลงทุนในอนาคต ซึ่งคาดการณ์กันว่า จากแผนการปรับตัวครั้งนี้ Schlumberger จะยังอยู่รอดได้ที่ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยราวๆ $40 ได้ถึง 12 เดือน ซึ่งก็หมายความว่า บริษัททุนหนา และสายป่านยาวหลายๆบริษัทจะเลือกใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสู้กับ OPEC ไปอีกซักระยะ
ดังนั้นรายงานจาก IEA ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เราจึงเห็นตัวเลข Production น้ำมันดิบในสหรัฐฯไม่ได้ลดลงอย่างที่หลายคนคาดการณ์ รวมถึงสต๊อคน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง ก็แปลว่า Demand การใช้น้ำมันไม่ไดเร่งตัวเร็วกว่ากำลังการผลิตแต่อย่างใด ผลที่ตามมาก็คือ Hedge Fund เริ่มหมดความอดทน และกังวลว่า ราคาน้ำมันดิบจะลงไปอย่างที่ Goldman Sachs คาดการณ์ว่าจุดหลุด $40 ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกลดพอร์ตออกไปก่อน
ความหวังในตอนแรก ลึกๆทุกคนก็หวังพึ่งจีน เพราะจีนเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากสหรัฐฯ โดยรายงานจากจีนพบว่า เดือน ธ.ค. 2014 และ ม.ค. 2015 ที่ผ่านมา จีนนำเข้าน้ำมัน 7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากฝั่งนี้ โชคร้ายที่ทางการจีนกลับประกาศเป้า GDP Growth ปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ 7% ทำให้หลายคนเลยมองว่า ตัวเลขนำเข้านี้ อาจจะมาแค่ช่วงไตรมาส 1 หลังจากนั้น อาจจะปรับตัวลดลงหากเศรษฐกิจจีนมีปัญหา
งั้นไปที่ซาอุฯหน่อย ซาอุฯจะยอมขายน้ำมันราคาต่ำขนาดนี้ไปเรื่อยๆทั้งๆที่เศรษฐกิจพึ่งพาการส่งออกน้ำมันหรือเปล่า?
ประเด็นคือ ซาอุฯคงคิดอยู่แล้ว ว่าจะมีวันนี้ เลยวางแผนยาวเป็น 10 ปี โดยการนำเงินทุนสำรองไปลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบอื่น รวมถึงหุ้นในต่างประเทศ และรวมถึงตุนค่าเงิน USD ไว้ด้วย ประมานการณ์กันว่า คลังของซาอุฯ มีทุนสำรองอยู่ $241 billion ขณะที่แบงก์ชาติเค้า มีอีก $732 billion เหลือๆในมือ อีกทั้งค่าเงิน USD อยู่ในแนวโน้มแข็งค่า ถึงขาดทุนจากราคาน้ำมัน แต่ Total Asset ในคลังและแบงก์ชาติก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ดังนั้นเกมส์นี้ ถือว่า ซาอุฯ สู้เต็มที่ครับ ใครที่อยากเห็นราคาน้ำมันขึ้นแรงๆเร็วๆ คงต้องหวังว่า ประเทศในกลุ่ม OPEC เล็กๆอย่าง เวเนซูเอล่า ที่ขาดทุนการค้าจากราคาน้ำมันมโหฬาร เขาจะสามารถคุยกับซาอุฯ ได้ว่า ช่วยลดกำลังการผลิตหน่อยเหอะ ผมจะตายอยู่แล้นนนน (ซึ่งคงไม่เร็วหรอก)
สรุป ในแง่ของเกมส์ระดับชาติ ผมเองก็เชื่อเหมือนคนอื่นว่า หมดยุคราคาน้ำมันเกิน $100 ไปแล้วครับ
คราวนี้ มาดูมุมมองทางเทคนิคกันบ้าง ตอนนี้หลุด Uptrend Line อย่างที่บอกไปแล้วนะครับ เพราะฉะนั้น ต้องลดพอร์ต และ Cut Loss ตามระบบไปก่อน #ผมนี่ร้องไห้หนักมากกกก
แต่สำหรับคนที่ดูกราฟรายวัน ท่านก็จะเห็นอย่างที่ผมเห็นก็คือ การทำ Lower Low รอบนี้ Indicator อย่าง RSI และ MACD ไม่ได้ทำ Lower Low ด้วย ซึ่งภาพแบบนี้ เหมือนจะเป็นการก่อตัวของ Bullish Divergence
ใช้ราคาน้ำมันนี้เป็นกรณีศึกษารูปร่างของ Bullish Divergence กันเลยดีกว่านะครับ
รูปแบบนี้ ถือว่าน่าสนใจในการเข้าเก็งกำไร แต่อย่างที่เล่า Story ยาวๆไปว่า เหมือนตลาดมันขาดปัจจัยระยะสั้นจริงๆ ก็ทำให้ภาพของ Bullish Divergence รอบนี้ ไม่ชัดเจน
ซึ่งนักเทรดทั้งหลาย ต้องแยกเรื่องนี้ให้ออกครับ ระหว่างข่าว กับ รูปแบบการก่อตัว เพราะบางทีมันก็ไม่จำเป็นต้องไปในทางเดียวกัน ดังนั้น ในมุมมองทางเทคนิค ผมขอรอเงื่อนไขที่สุกงอมมากกว่านี้อีกสองอย่างคือ ราคา NYMEX Crude Oil ควรขึ้นไปเหนือ $45 ได้ และอีกอย่างคือ MACD ควรให้สัญญาณ Buy Signal ตามมา ไม่งั้น ก็แปลว่า อย่าเพิ่งมีในพอร์ต
สรุปคือ ใครถามผมว่า ราคาน้ำมันช่วงนี้น่าสนหรือยัง ผมตอบทั้งสองมุมให้แล้วนะครับว่า ผมเคยสน และจะสนถ้ามันดีดขึ้นไปแพงกว่านี้ตามเงื่อนไขที่บอก แต่ตอนนี้ ขอขาย Cut Loss มานั่งเลียแผลตัวเองก่อนนะ ^^”