จากที่เฟดปรับมุมมองและประมาณการณ์ทางเศรษฐกิจไปในการประชุมครั้งก่อนนะครับ ผมขออนุญาตทวนกันอีกรอบ
- GDP Growth ในระยะยาวจากเดิม 2-2.3% เหลือ 1.8-2.2%
- ปรับประมาณการณ์ core PCE inflation rate สำหรับปี 2016 เหลือ 1.7% และสำหรับปี 2017 เป็น 2.0%
- ปรับประมาณการณ์ Unemployment Rate ปี 2016 และปี 2017 เหลือ 4.8% จากเดิม 5.0%
- Fed Funds projection สิ้นปี 2015 ลดลงมา 20bps เหลือ 0.40% และปรับของปี 2016 ลงไป 20bps เช่นกันเหลือ 1.4% ขณะที่ปี 2017 ปรับลดลง 30bps เหลือ 2.6%
ทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมานั้นแสดงให้เห็นถึงความกังวลของเฟดเองที่มีต่อเศรษฐกิจโลก ณ ตอนนี้ ถึงแม้ว่า ถ้ามองจากตัวเลขเศรษฐกิจพื้นฐานของสหรัฐฯเองแล้ว หลายๆตัวก็ผ่าน Checklist และหาเหตุผลขึ้นดอกเบี้ยได้เหมือนกัน ไม่งั้นโพลคงไม่สำรวจออกมาว่า มีคนคิดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกิน 30% หรอกนะครับ
พอแกะ FOMC Statement ออกมาได้ เราก็จะพบว่า สิ่งที่เฟดกังวลนั้น กำลังรอเราอยู่ข้างหน้า นั้นก็คือ ตัวเลขเศรษฐกิจเพื่อยืนยันว่า เฟดคิดถูกหรือเปล่า
สัปดาห์นี้
สหรัฐฯ : ประกาศตัวเลข Markit PMI, Initial Jobless Claims และ GDP 2Q2015 รอบที่ 3
ยูโรโซน : ประกาศตัวเลข Consumer Confidence, PMI ของเยอรมันและฝรั่งเศส
ญี่ปุ่น : มีตัวเลข CPI
เอเชีย : จีนประกาศ Manufacturing PMI, มาเลเซีย และสิงคโปร์ ประกาศ CPI ในขณะที่ ฟิลิปปินส์กับไต้หวันมีประชุมธนาคารกลาง
ซึ่ง Highlights น่าจะไปอยู่ที่วันพุธ (ตัวเลข PMI ทั้งสหรัฐฯ, เยอรมัน และฝรั่งเศส) และถ้าออกมาแย่และก็ โลกคงจะยังผันผวนและหาทางขึ้นลำบากแล้วละครับสำหรับปีนี้
การตอบรับของตลาด ต่อ การประชุมเฟด เปลี่ยนไป
ถ้าลองนึกดูนะครับ ในช่วงนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถปรับตัวขึ้นมาได้ต่อเนื่อง ทั้งๆที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้ามากๆ สาเหตุก็มาจาก วิธีคิดของนักลงทุนที่ว่า ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ก็แสดงว่ายังมี QE ต่อ … และการมี QE จะกดให้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ดังนั้น ก็ควรเอาเงินไปเสี่ยงก่อน ไม่ต้องรีบขาย มันเลยกลายเป็นว่า ยิ่งศก.แย่ ตลาดยิ่งบวกดี
แต่มา ณ วันนี้ ตลาดจะเริ่มตอบรับกับการประชุมเฟดที่เปลี่ยนไป เพราะตลาดคาดหวังไปแล้วว่า เวลานี้ คือเวลาที่เฟดควรจะขึ้นดอกเบี้ย(บ้าง) หลังตรึงในระดับต่ำแบบนี้มานานถึง 6 ปี และเฟดเองก็แสดงเจตนาชัดเจนตั้งแต่ปีที่แล้วว่า ยุติ QE และพยายามหาจังหวะดีๆในการขึ้นดอกเบี้ย ดังนั้น ตลาดจึงเข้าใจว่า เศรษฐกิจไม่ดีขึ้น ก็จะไม่มี QE แล้วนะ แล้วถ้าเศรษฐกิจมันยังไม่ดีขึ้น เฟดจะใช้เครื่องมืออะไรกระตุ้นละ ในเมื่อปากบอกไปแล้วว่ายุติ QE? เมื่อคิดได้เช่นนี้ มุมมองของเฟดต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จึงไม่สามารถทำให้ตลาดหุ้นบวกได้ยาวๆ เหมือนวันเก่าๆที่เราเก็บกำไรกันมา
ผู้คนเริ่มพูดถึง QE4 แล้วนะ
หนึ่งในนั้นคือ เรย์ ดาลิโอ (Ray Dalio) ผู้ก่อตั้งเฮดฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ชื่อ บริดจ์วอเตอร์ (Bridgewater) เขาทำนายไว้ว่า โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะกลับมาใช้มาตรการ QE นั้นมีค่อนข้างสูงมาก หากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนรอบนี้ส่งผลเป็นวงกว้าง
Bridgewater’s Ray Dalio clarifies prediction that Fed will roll out new QE
และนักเศรษศาสตร์หลายชีวิตก็บอกว่า ตลาดประเมินปัญหาเรื่องเศรษฐกิจจีนชะลอตัวนี้ต่ำเกินความเป็นจริง ก็ยิ่งทำให้ฝั่งที่มีมุมมองแย่ต่อตลาด ยิ่งเชื่อว่า QE อาจถูกหยิบมาใช้ และเฟดอาจจะไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยปีนี้
จุดเปลี่ยนที่ต้องเจอ ก่อนจะสาย
ช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ เราต้องเห็นพัฒนาการเชิงบวกในหลายๆทางด้วยกันครับ ถึงจะทำให้บรรยากาศการลงทุนในภาพรวมดีขึ้น
- เศรษฐกิจสหรัฐฯ – ต้องแสดงให้เห็นว่า ทนทานกับการที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่าได้ และการบริโภคภายในประเทศซึ่งเป็นพระเอกในยุคนี้ ยังต้องขยายตัวได้ต่อเนื่อง ห้ามเกิดอาการช็อค
- เศรษฐกิจยูโรโซน – ดูจะได้รับประโยชน์จากการที่ราคา Commodity ตกต่ำ และถ้าเทียบเป็นรายภูมิภาคแล้ว ยุโรปถือว่ามีความเสี่ยงน้อยจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวกว่าที่สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ละตินอเมริกา หรือในเอเชียเจอ ดูได้จากตัวเลขส่งออกของเยอรมันที่ยังแข็งแกร่ง หวังว่า PMI ที่จะออกมาสัปดาห์นี้ จะดีด้วยเช่นกัน
- เศรษฐกิจเอเชีย – ควรเห็นตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้นในไตรมาส 3 ไม่ก็ ต้องเห็นการ Downgrade EPS ลดลง กำไรต้องเริ่มนิ่ง หรืออย่างสุดท้าย ขอเห็น policy announcements เจ๋งๆ ไม่เอาแบบเด้งรับข่าววันเดียวอย่างหุ้นญี่ปุ่น +7% แล้วกลับมายืนที่เดิมนะครับ
กลับมาที่มุมมองการลงทุน
เชื่อว่า ตลาดจะรอทิศทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนว่าจะเลือกทางไหน โดยแกว่งไปมาทำให้เหล่า Trend Following โดนกินคำเล็กคำน้อยตอดไปเรื่อยๆซักระยะ
ระยะยาว ถ้าเศรษฐกิจมันแย่จริงๆ เด๋วคงพูดถึง QE4 มากขึ้น เมื่อนั้น โลกกลับอาจกลับไปตอนรับด้วยมุมมองเดิมๆคือ QE = Buy Stock
ถ้าเศรษฐกิจไตรมาส 3 ดูไม่แย่เท่าที่นักวิเคราะห์คาด แล้วเฟดขึ้นดอกเบี้ยได้สมที่หวังจริงๆ ตลาดอาจปรับฐานเล็กน้อย แต่ตรงนั้นก็ยังเป็นโอกาสให้ซื้อหุ้นอยู่ดี
Mr.Messenger