Key Takeaways
- Durable Goods Orders มีแนวโน้มลดลงจาก 0.7% เป็น 0.3%
- Core PCE มีแนวโน้มลดลงจาก 0.2% เป็น 0.1%
- Personal Income มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 0.3% เป็น 0.4%
WEEKLY TONE : MONITOR WEEK
ในฝั่งของตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้จะมีตัวเลขที่น่าสนใจ คือ Core PCE ที่มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากสภาวะแนวโน้มของเงินเฟ้อที่เริ่มลดลง และ Core PCE ที่ลดลงมาเรื่อย ๆ นั้น มองถึงการวางนโยบายการเงินและการคลังเริ่มกลับมาสอดคล้องกันทำให้ช่วยลดความร้อนแรงของระบบเศรษฐกิจที่ขยายตัวจนมากเกินไปจากการอัดฉีดเงินในระบบในช่วงปี 2024 ซึ่งจากการคาดการณ์หากเงินเฟ้อลดลงจริงและตามเป้าที่วางไว้ของ FED เราอาจจะได้เห็นการลดลงของ อัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 4 แต่อาจจะต้องพิจารณาเรื่องของราคาของอสังหาริมทรัพย์และราคาของพลังงานเข้ามาร่วมด้วย ในฝั่งของ Personal Income นั้นจะเติบโตเพิ่มขึ้นในสัดส่วนประมาณ 0.2%-0.4% ดังนั้นอาจจะไม่ส่งผลกระทบหรือมีปัจจัยต่อเศรษฐกิจมากขนาดนั้น
Important Economic Data this week
1. Durable Goods Orders
Durable Goods Orders คือยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน เป็นดัชนีชี้วัดถึงกิจกรรมการผลิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะเป็นตัววัดปริมาณของการสั่งสินค้า การส่งสินค้าโดยจะเป็นตัววัดถึงภาคการผลิตซึ่งหากว่าเศรษฐกิจมีปัญหาจะส่งผลให้ปริมาณการสั่งสินค้าลดลง
คาดการณ์จาก Trading Economics : Durable Goods Orders มีแนวโน้มลดลงจาก 0.7% เป็น 0.3%
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/durable-goods-orders
ส่งผลอย่างไรต่อตลาด
จากตัวเลขคาดการณ์ที่ลดลงจากการสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ลดลง แสดงถึงการหดตัวของกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยโดยอาจจะมาจากหลายปัจจัย เช่น การเริ่มคงที่ของปัจจัยการผลิตทำให้สัดส่วนการสั่งซื้อสินค้าคงทนนั้นลดลงโดยอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
2. Core PCE Price MoM
United States Core PCE Price Index (Personal Consumption Expenditures Price Index) คือดัชนีราคาที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงในระดับราคาของสินค้าและบริการที่บรรจุในการบริโภคของประชากรในสหรัฐอเมริกา โดยไม่รวมราคาของอสังหาริมทรัพย์ และค่าประกันสุขภาพ และราคาของสินค้า และบริการที่เป็นผลมาจากราคาของพลังงาน และอาหารที่มีความผันผวนมาก
คาดการณ์จาก Trading Economics : Core PCE มีแนวโน้มลดลงจาก 0.2% เป็น 0.1%
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/durable-goods-orders
ตีความอย่างไรต่อตลาด
เนื่องจากสภาวะแนวโน้มของเงินเฟ้อที่เริ่มลดลงและ Core PCE ที่ลดลงมาเรื่อยๆ มองถึงการวางนโยบายการเงินและการคลังเริ่มกลับมาสอดคล้องกันทำให้ช่วยลดความร้อนแรงของระบบเศรษฐกิจที่ขยายตัวจนมากเกินไปจากการอัดฉีดเงินในระบบในช่วงปี 2024 ซึ่งจากการคาดการณ์หากเงินเฟ้อลดลงจริงและตามเป้าที่วางไว้ของ FED เราอาจจะได้เห็นการลดลงของ อัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 4 แต่อาจจะต้องพิจารณาเรื่องของราคาของอสังหาริมทรัพย์และราคาของพลังงานเข้ามาร่วมด้วย
3. Personal Income MoM
Personal Income MoM หมายถึง อัตราการเปลี่ยนแปลงของรายได้ส่วนบุคคลต่อเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจที่วัดการเปลี่ยนแปลงของรายได้ของบุคคลในแต่ละเดือนเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ข้อมูลนี้มักถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์และประเมินสภาวะของเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงในรายได้ส่วนบุคคลส่วนใหญ่จะส่งผลต่อการบริโภคและกำลังซื้อของบุคคล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ
คาดการณ์จาก Trading Economics : Personal Income มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 0.3% เป็น 0.4%
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/personal-income
ตีความอย่างไรต่อตลาด
จากตัวเลขคาดการณ์แสดงถึงรายได้ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นซึ่งอาจจะมาจากหลากหลายปัจจัยทั้งอัตราส่วนตัวเลขการว่างงาน หรือรายได้จากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ในส่วนของรายได้ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น แต่โดยรวมจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่แล้ว Personal Income นั้นจะเติบโตเพิ่มขึ้นในสัดส่วนประมาณ 0.2% – 0.4% ดังนั้นอาจจะไม่ส่งผลกระทบหรือมีปัจจัยต่อเศรษฐกิจมากขนาดนั้น
CRYPTOCURRENCY EVENT THIS WEEK
Credit from LayerGG
Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
24 มิถุนายน
- $MTL – snapshot
25 มิถุนายน
- $SD – เบิร์นเหรียญ
26 มิถุนายน
- $THETA – เปิดตัว Edge Node Client
- $FLUX – เปิดตัว Fluxedge Alpha
27 มิถุนายน
- การโต้วาทีครั้งแรกของ Biden และ Trump
28 มิถุนายน
- $VET – เปิดตัว mainnet
Weekly Crypto Must Watch
Source : https://www.coinglass.com/FundingRateHeatMap
ในส่วนของ Funding rate สำหรับอาทิตย์นี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ปกติแสดงถึงการเก็งกำไรในตลาดบนสัญญาอนุพันธ์ที่คงตัว และเมื่อดูควบคู่กับปริมาณการเทรดสัญญา Future ที่ลดลงกว่า 50% นั้น แสดงถึงตลาดที่มีความต้องการในการเก็งกำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
Source : https://www.coinglass.com/BitcoinOpenInterest
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลออกจาก Spot Bitcoin ETFs เกือบทุกวัน รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 544.1 ล้านเหรียญ ซึ่งแรงเทขายส่วนใหญ่มาจาก FBTC และ GBTC เป็นหลัก ประกอบกับแรงซื้อจาก IBIT เพียงเล็กน้อย ทำให้ราคา Bitcoin ตกลงมาอยู่ในช่วง $62,000 – $63,000
Bitcoin ETF Flow Analysis
ในฝั่งของ Open Interest ปริมาณเงินมีแนวโน้มลดลงจากต้นเดือนมิถุนายน แต่ภาพโดยรวมยังคงตัวอยู่ในระดับสูง แสดงถึงความสนใจของตลาดในระดับที่สูง แต่มีความคลุมเครือในระยะสั้น อาจจะมีการ sideways อยู่ในระดับนี้ จนกว่าจะมีปัจจัยบวกมาส่งเสริม
Source : https://farside.co.uk/?p=997
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลออกจาก Spot Bitcoin ETFs เกือบทุกวัน รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 544.1 ล้านเหรียญ ซึ่งแรงเทขายส่วนใหญ่มาจาก FBTC และ GBTC เป็นหลัก ประกอบกับแรงซื้อจาก IBIT เพียงเล็กน้อย ทำให้ราคา Bitcoin ตกลงมาอยู่ในช่วง $62,000 – $63,000
Market Cycle Update
Source : https://insights.glassnode.com/the-week-onchain-week-25-2024/
ถึงแม้ตลาดช่วงนี้จะมีภาวะซึมลงเล็กน้อย แต่เมื่อมองในภาพใหญ่ จะสังเกตได้ว่าตลาดยังคงอยู่ในสภาวะกระทิง โดยในปัจจุบัน นักลงทุนที่ถือ Bitcoin มากกว่า 80% ยังคงมีกำไรโดยเฉลี่ยถึง 120% ซึ่งถือว่าตลาดยังคงอยู่ในสภาวะขาขึ้น
Source : https://panteracapital.com/blockchain-letter/newsflash-crypto-owners-vote/
แม้ว่าตัวชี้วัดหลายอย่างจะแสดงให้เห็นว่า ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีขึ้นมาค่อนข้างเยอะแล้ว แต่เมื่อดูข้อมูลในอดีตของจำนวนกระเป๋าที่มีการถือ Bitcoin นานกว่า 1 ปี จากกราฟข้างต้นจะสังเกตได้ว่า เมื่อจำนวนกระเป๋าดังกล่าวทำจุดพีคแล้วค่อย ๆ ลดลง จะเป็นสัญญาณของการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของราคา Bitcoin และเป็นจุดเริ่มต้นของ Bull run อย่างแท้จริง ซึ่งตัวเลขนี้มีโอกาสที่จะเจอจุดพีคแล้วเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2023 จากสัญญาณที่เริ่มมีการปรับตัวลดลง
การที่จำนวนกระเป๋าที่ถือ Bitcoin นานกว่า 1 ปี มีจำนวนลดลงนั้น เกิดจากการขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนดังกล่าว และทำให้เกิดการกระจายไปยังนักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้ามาในตลาด ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาในระยะสั้น แต่เมื่อตลาดเจอจุดสมดุลใหม่ (Equilibrium) จะทำให้แรงขายลดลงได้
Source : https://panteracapital.com/blockchain-letter/newsflash-crypto-owners-vote/
จากสถิติข้างต้น แสดงถึง Upside ของตลาดที่ยังสามารถเกิดได้ เพียงแต่นักลงทุนควรระมัดระวังแรงขายในระยะสั้นเพื่อล็อกกำไรของนักลงทุนบางกลุ่ม
WEEKLY TECHNICAL ANALYSIS
by Cryptomind Advisory
BTC/USDT
$BTC มีการหลุดแนวรับ $67,000 ทำให้ Momentum เป็นขาลงและทำ Lower High Lower Low อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งใน RSI ที่ยังไม่มีสัญญาณกลับตัวทำให้ช่วงข้างหน้าราคาอาจทำรูปแบบ Sideway Down ไปอีกระยะหนึ่ง แนวรับที่สำคัญแนวถัดไปคือบริเวณ $60,500 – $61,500 ที่คาดว่าจะมีการพักตัวของราคาเกิดขึ้น ซึ่งหากรับอยู่ก็อาจทำให้ราคาของ $BTC นั้น Sideway ออกไปในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า แต่หากไม่สามารถยืนราคาได้ก็อาจจะลงไปถึง $56,000 ได้เลยเช่นกัน
แนวต้าน: $67,000 | $73,000 | $76,500
แนวรับ: $61,500 | $56,500 | $52,500
ETH/USDT
$ETH ได้มีการ Sideway Down ลงมาจนถึงบริเวณแนวรับ $3,350 โดยในระยะสั้นแล้วหากสามารถยืนราคาอยู่บริเวณนี้ได้ ก็ยังมีโอกาสกลับตัวเพื่อขึ้นต่อได้ อย่างไรก็ตามใน RSI ยังไม่ได้มีสัญญาณกลับตัวเกิดขึ้นชัดเจนทำให้แนวโน้มยังคงเป็นขาลงอยู่ในช่วงสัปดาห์นี้ ในกรณีที่ราคามีการปิดต่ำกว่าแนวรับ $3,350 จะทำให้ Momentum ขาลงรุนแรงขึ้นและอาจมีโอกาสที่ราคาจะลงไปทดสอบแนวรับบริเวณ $2,870 ได้
แนวต้าน: $3,700 | $4,070 | $4,450
แนวรับ: $3,350 | $2,870 | $2,400
ASSET ALLOCATION
by Cryptomind Advisory
“มีความเป็นไปได้” ของการลดดอกเบี้ยของ FED อาจจะเลื่อนออกไปถึงเดือนกันยายน และ Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% และการมาของ Ethereum spot ETF และมุมมองเชิงบวกมากๆต่อตลาดคริปโทในสหรัฐในเชิงการเมืองที่อาจจะเห็นภาพชัดเจนในไตรมาสที่ 4 และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต และเพิ่มสัดส่วนของ Ethereum ในพอร์ตเพิ่มขึ้น บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
BITCOIN 60%
SELECTIVE ALTCOINS (ETH, LAYER 2 ,LSD) 20%
STABLECOIN 20%
Merkle Capital
ที่มา: https://merkle.capital/articles/Merkle-Weekly-Snapshot-24th-28th-June-2024
คำเตือน
สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ | ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต | ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อเสนอการลงทุนหรือการจัดการใด ๆ ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล | เนื้อหาข้างต้นเป็นการรวบรวมเนื้อหาโดยใช้ข้อมูลในอดีตอาจมีการคลาดเคลื่อนได้ นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล