
หมายเหตุ: บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
MACROECONOMICS
Key Takeaways
- Durable Goods Orders MoM มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
- Core PCE Price Index MoM มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
- Personal Income MoM มีแนวโน้มที่จะลดลง
- Personal Spending MoM มีแนวโน้มที่จะลดลง
WEEKLY TONE: MONITOR WEEK
ในสัปดาห์นี้ ตัวชี้วัดส่วนใหญ่แสดงให้เห็นถึงการที่เศรษฐกิจของฝั่งสหรัฐฯ กำลังหดตัวลงอย่างชัดเจน การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงนี้ ควรต้องให้ความสำคัญกับการเฝ้าดูตลาดเป็นหลัก และยังไม่ควรทำธุรกรรมในสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Mid-Cap ถึง Small-Cap แต่สินทรัพย์ดิจิทัลที่ยังสามารถลงทุนได้ตามจังหวะก็คือ Bitcoin และเหรียญที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรง
Important Economic Data this week
1. Unemployment Claims
United States Core PCE Price Index (Personal Consumption Expenditures Price Index) คือดัชนีราคาที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงในระดับราคาของสินค้าและบริการที่บรรจุในการบริโภคของประชากรในสหรัฐอเมริกา โดยไม่รวมราคาของอสังหาริมทรัพย์ และค่าประกันสุขภาพ และราคาของสินค้า และบริการที่เป็นผลมาจากราคาของพลังงาน และอาหารที่มีความผันผวนมาก
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Core PCE Price Index MoM มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 0.2% เป็น 0.4%
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/core-pce-price-index-mom
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของ Core PCE Price Index บ่งบอกถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังกดไม่ลง และยังต้องคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ ในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอาจมีการ Risk Off ในระยะสั้น
2. Personal Income MoM
Personal Income คือ ดัชนีรายได้ส่วนบุคคล จะมีการสววัดค่าเปลี่ยนแปลงในมูลค่าทั้งหมดของรายได้จากทุกแหล่งรายได้ โดยที่จะเทียบเดือนต่อเดือน
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Personal Income MoM มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 0.4% เป็น 0.3%
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/personal-income
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การคาดการณ์การลดลงของ Personal Income แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่กำลังหดตัวในระยะสั้น การลดตัวลงของ Personal Income อาจแสดงให้เห็นถึงรายได้ในระยะสั้นของกิจการในกลุ่มบริษัทที่ลดลงได้อีกด้วย และนักลงทุนอาจมองเห็นถึงสินทรัพย์เสี่ยงที่กำลังหดตัวลง
3. Personal Spending MoM
Personal Spending คือ ดัชนีรายจ่ายส่วนบุคคล จะมีการวัดค่าเปลี่ยนแปลงในมูลค่าทั้งหมดของรายจ่ายจากทุกแหล่งรายได้ โดยที่จะเทียบเดือนต่อเดือน
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Personal Spending MoM มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 0.7% เป็น 0.3%
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/personal-spending
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การคาดการณ์การลดตัวลงของ Personal Spending แสดงให้เห็นถึงผู้บริโภคที่มีการใช้จ่ายน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งมาจากการที่ได้รับรายได้น้อยลง ในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยที่นักลงทุนต่างมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าในระยะสั้น
CRYPTOCURRENCY EVENT THIS WEEK
Credit from LayerGG
Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
26 กุมภาพันธ์
- NVDA Earning call
28 กุมภาพันธ์
- $OP – ปลดล็อกเหรียญ 1.93% ของอุปทานหมุนเวียน
Weekly Crypto Must Watch
Source : https://www.coinglass.com/FundingRateHeatMap
ในส่วนของ Funding Rate สำหรับอาทิตย์นี้มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับที่ปกติ เนื่องจากมีการเปิดสถานะ Long มากกว่า Short แต่ไม่ได้มีความร้อนแรงมากจนเกินไป
Source : https://www.coinglass.com/BitcoinOpenInterest
ในฝั่งของ Bitcoin Open Interest อยู่ในแนวโน้มขาลง แสดงให้เห็นถึงการลดความเสี่ยงของนักลงทุนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ อาจจะมาจากเหตุผลเรื่องความไม่แน่นอนทาง Macroeonomics และกระแสเงินจากสินทรัพย์เสี่ยงไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นจีน
Source : https://farside.co.uk/?p=997
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสเงินไหลออกสุทธิที่ 552.5 ล้านเหรียญ นับว่าเป็นสองสัปดาห์ที่มี outflow มากกว่า 1,000 ล้านเหรียญ เนื่องจากนักลงทุนยังคง Risk off ต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพราะด้าน Macro ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อความไม่แน่นอนของตลาด
Source : https://farside.co.uk/?p=1518
ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิที่ 1.6 ล้าน เหรียญซึ่ง ETH แทบไม่มีการไหลเข้าของเงินทุน เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความไม่แน่นอนต่อตลาด
Market Rally Stalls as Momentum Fades
ตลาด Bitcoin พยายามจะปรับตัวขึ้นเหนือจุด All-Time High อีกครั้ง แต่ไม่สามารถรักษาโมเมนตัมไว้ได้ ส่งผลให้ตลาดเข้าสู่ช่วงการชะลอตัวและปรับฐานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ขณะเดียวกัน โมเมนตัมของสินทรัพย์หลักอื่น ๆ ก็อ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว เช่น
- Bitcoin: +48.4% (พ.ย. 2024) → -5.9% (ก.พ. 2025)
- Ethereum: +60.3% (ธ.ค. 2024) → -16.9% (ก.พ. 2025)
- Solana: +53.2% (พ.ย. 2024) → -33.1% (ก.พ. 2025)
- ดัชนี Memecoins: +90.2% (ธ.ค. 2024) → -37.4% (ก.พ. 2025)
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา Memecoins และ เหรียญ Solana มีแนวโน้มแข็งต่อตลาดใน cycle ล่าสุด แต่เมื่อตลาดเข้าสู่ช่วงขาลงก็มีการปรับตัวที่รุนแรง ในขณะที่ Ethereum ยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีผลการดำเนินงานค่อนค้างที่จะอ่อนแอตลอด แม้ว่าจะสามารถทำได้ดีกว่า Solana ในสัปดาห์นี้ แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะมีความหวังในช่วงนี้
การชะลอตัวของตลาดในช่วงล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากที่สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นได้มีการปรับตัวขึ้นอย่างมากเป็นเวลานาน หากพิจารณาผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2023 เราจะเห็นได้ถึงความแตกต่างในการเคลื่อนไหวของแต่ละสินทรัพย์นี้
- Bitcoin ซื้อขายอยู่ในช่วงราคาที่สูงกว่าช่วงเดือนเมษายน 2023 ประมาณ 3.4 เท่า ทำให้กลายเป็นสินทรัพย์ สำหรับผลตอบแทน
- Ethereum มีการเคลื่อนไหวที่อ่อนแอกว่าสินทรัพย์ดิจิทัลตัวอื่นในตลาด โดยอยู่ในช่วง 1.3 เท่า ถึง 2.0 เท่า เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2023
- Solana ที่เคยทำผลตอบแทนสูงสุดที่ 11.8 เท่า ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2025 แต่หลังจากนั้นราคาก็ได้ปรับลดลงอย่างรวดเร็วสู่ระดับประมาณ 7.6 เท่า จากการล่าสุด
- ดัชนี Memecoins มีการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงกลางปี 2024 ซึ่งเป็นช่วงที่ Solana มีผลตอบแทนที่โดดเด่น โดยขึ้นไปสูงสุดที่ 5.2 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2023 อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สินทรัพย์นี้ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด ทำให้ผลตอบแทนรวมของกลุ่ม Memecoins ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น
แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นว่า สินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง (high-beta) ของ Solana ซึ่งสามารถทำกำไรได้สูงในช่วงตลาดขาขึ้น แต่ก็เผชิญการปรับฐานรุนแรงเมื่ออยู่ในตลาดขาลง ในขณะเดียวกัน Bitcoin ยังคงรักษาเสถียรภาพของผลตอบแทน และเป็นสินทรัพย์อ้างอิงของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ด้าน Memecoins ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนควรทำความเข้าใจคือ การขายทำกำไรเมื่อเราพอใจกับกำไรที่ได้ในช่วงตลาดขาขึ้นเพราะสิ่งนี้สามารถช่วยจิตใจได้ดีที่สุดเมื่อตลาดกลับมาสู่ขาลง และการที่มี BTC ไว้ในพอร์ตการลงทุนยังช่วยบริหารความเสี่ยงอย่างแน่นอน
WEEKLY TECHNICAL ANALYSIS
by Cryptomind Advisory
BTC/USDT
$BTC ยังอยู่ในรูปแบบการ Sideway Down ต่อในสัปดาห์นี้ สำหรับการเหวี่ยงของราคามีการลดน้อยลงเรื่อย ๆ ในระยะข้างหน้ามีโอกาสที่เราจะเห็นการเคลื่อนตัวของราคาที่รุนแรงมากขึ้น สำหรับการกรอบการเคลื่อนที่นั้นยังเป็นกรอบเดิมที่ราคา $92,000 – $108,000 หากมีการ Breakout จากกรอบนี้มีโอกาสเกิดการเคลื่อนตัวของราคาที่รุนแรงได้
แนวต้าน : $100,000 | $108,000 | $120,000
แนวรับ : $92,000 | $87,000 | $83,000
ETH/USDT
$ETH ตอนนี้ Sideway Up ระยะสั้นอยู่บริเวณกล่องแนวรับราคา $2,700 ในระยะสั้นต้องระมัดระวังราคาเหวี่ยงหลุดจากแนวรับ $2,600 ซึ่งอาจจะทำให้ราคามีการเคลื่อนตัวลงต่อรุนแรงได้ อย่างไรก็ตามหากราคายังสามารถยืนอยู่เหนือแนวรับได้ ก็ยังมีโอกาสกลับตัวต่อในบริเวณนี้ ซึ่งอาจสอดคล้องกับการ Breakout จากเส้นกดตัวของ RSI ด้วย
แนวต้าน : $2,870 | $3,400 | $3,700
แนวรับ : $2,600 | $2,400 | $2,150
ASSET ALLOCATION
by Cryptomind Advisory
Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้และสถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังไม่สู้ดีนัก จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดี และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
BITCOIN 50%
SELECTIVE LARGE MARKET CAP 30%
STABLECOINS 20%
Merkle Capital
ที่มา: https://merkle.capital/articles/Merkle-Weekly-Snapshot-24-28-February-2025
คำเตือน
สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ | ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต | ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อเสนอการลงทุนหรือการจัดการใด ๆ ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล | เนื้อหาข้างต้นเป็นการรวบรวมเนื้อหาโดยใช้ข้อมูลในอดีตอาจมีการคลาดเคลื่อนได้ นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล