ปีนี้ หากไม่นับ โดนัลด์ ทรัมป์ และ ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ปัจจัยหนึ่งที่น่าจะส่งผลต่อตลาดมากที่สุด คือคำถามที่ว่า ใครจะมารับไม้ต่อในตำแหน่งประธานธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบี ต่อจากนายมาริโอ ดรากี หลังจากเดือนตุลาคม ปีนี้?
โดยคำตอบนี้ ถือว่ามีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นเศรษฐกิจภูมิภาคที่มีจีดีพีใหญ่ที่สุดของโลก หากนโยบายการเงินขับเคลื่อนไปได้ดี ก็ถือว่าจะได้เปรียบเศรษฐกิจของภูมิภาคอื่น และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลก แต่ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น เราก็ต้องเตรียมรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
มาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)
ณ วันนี้ มี Long-list ที่เป็นไปได้อยู่ 6 ท่าน แต่หากจะคัดให้เหลือ Top 3 ก็จะมีตัวเต็งที่มาจากฝรั่งเศสถึง 2 ท่าน โดยสาเหตุที่หลายฝ่ายมองว่า ตำแหน่งประธานธนาคารกลางยุโรปจะเป็นของฝรั่งเศส เนื่องจากในรอบนี้ เยอรมันขอเป็นผู้นำในการเลือกประธานท่านใหม่ของคณะกรรมการยุโรปที่กำลังจะเลือกตั้งในเดือน พ.ค.นี้ จึงน่าจะเป็นคิวของฝรั่งเศสในการเป็นโต้โผในการคัดเลือกประธานธนาคารกลางยุโรปท่านใหม่ ซึ่งคาดจะมีการเลือกสรรกันจนเสร็จสิ้นประมาณเดือนมิ.ย.นี้
โดยผู้ที่มีโอกาสก้าวเข้ามาในตำแหน่งต่อจากนายดรากิ ไม่น่าจะหลุดจาก 6 ท่านเหล่านี้ แต่ด้วยเหตุผลทางการเมืองและประเด็นล่าสุดที่เกิดขึ้นต่อตัวเต็งบางท่าน ผมมองว่า ตัวเต็งที่มีโอกาสมากจะมี 3 ท่าน
โดย Long list ที่ว่าได้แก่ 1.ฟรังซัวร์ วิเลรอย เด เกาฮาว 2.เบอนัว คูรี 3.เออคี ลิคาเนน 4.เจนส วิดเมนส์ 5.คลาส น๊อต และท้ายสุด อาร์โด ฮานซั่น โดยผมขอไล่จากเต็งท้ายสุดจนถึงเต็งหนึ่ง ดังนี้
เต็งท้ายสุด อาร์โด ฮานซั่น ผู้ว่าการธนาคารของเอสโทเนีย
ที่เคยเป็นเต็งต้นๆ เมื่อกลางปีที่แล้ว โดยหากพิจารณาจากคุณสมบัติแล้ว เขามีความพร้อมในหลายด้าน จบจากฮาร์วาร์ด อายุย่างเข้า 60 ปี ที่ถือว่าเป็นวัยที่พร้อมมากในตำแหน่งธนาคารกลางยุโรป ซึ่งต้องมีประสบการณ์มากเข้าไว้แต่ก็ต้องไม่แก่เกินไป รวมถึงการบริหารเศรษฐกิจของเขาที่เอสโทเนียก็สามารถทำได้ค่อนข้างดี
ทว่าเมื่อธนาคารดานสเก้ ซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้สินเชื่อรายใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก สาขาในเอสโทเนีย เกิดปัญหาขึ้นมาแบบที่แบงก์ชาติของเอสโทเนียก็ไม่สามารถปฏิเสธความผิดพลาดได้ หากว่ามองในแง่ภาพลักษณ์ นายฮานซั่น ก็หลุดมาที่เต็งสุดท้ายในทันที ทว่าด้วยความพร้อมที่กล่าวข้างต้น ก็ยังขีดเขาออกจากเส้นทางนี้ไม่ได้เช่นกัน
เต็ง 5. คลาส น๊อต ผู้ว่าการธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์
ถือว่าค่อนข้างหนุ่มในการที่จะกำลังก้าวมาเป็นประธานคณะกรรมการเสถียรภาพทางการเงินที่เป็นหน่วยงานใน BIS ของยุโรป ในปี 2021 ต่อจาก นายเรนเดล ควาเรส หนึ่งในคณะกรรมการเฟด ด้วยความโดดเด่นที่เพิ่งได้วางตัวในตำแหน่งดังกล่าว นายน๊อตเลยขึ้นมาหนึ่งในตัวเต็งห่างๆ ของการเป็นประธานธนาคารกลางยุโรปคนใหม่ แบบที่ถือว่าค่อนข้างเป็นคนนอก เนื่องจากไม่ได้ดำรงตำแหน่งเป็น 1 ใน 25 กรรมการของคณะกรรมการอีซีบี ในชุดนี้
เต็ง 4.เจนส์ วิดเมนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางเยอรมัน
อดีตเต็งจ๋าตลอดเมื่อปีก่อนๆ ทว่าการที่รัฐบาลเยอรมัน เริ่มไม่ค่อยชื่นชอบกับความแข็งกร้าวต่อนายดรากิ ของวิดส์แมน ในช่วงหลังเลยไม่หนุนชื่อเขาเป็นประธานอีซีบีแบบเต็มตัวเหมือนที่เคยวางแผนไว้ อย่างไรก็ดี ด้วยความที่นายวิดส์แมน เป็นเยอรมัน ก็ยังถือว่าสามารถมีเซอร์ไพร์สได้ตอนท้ายเกม หากชาติต่างๆ ไม่สามารถคุยกันไม่ลงตัวในนาทีสุดท้าย
โดยทั้งสามท่านข้างต้น ไม่ชอบเงินเฟ้ออย่างแรง จึงถือว่าเป็นขา Hawkish ตัวจริง
แล้วก็มาถึง 3 ท่าน ที่มีโอกาสมากที่สุด ได้แก่
เต็ง 3.เออคี ลิคาเนน
ด้วยความที่เป็นกรรมการนโยบายของธนาคารกลางยุโรปที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดในชุดนี้ ประกอบกับเพิ่งลงจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางฟินแลนด์ อีกทั้งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังของฟินแลนด์ ลิคาเนน จึงถูกจับตาว่ามีโอกาสสูงด้วยประสบการณ์อันยาวนาน
เต็ง 2.เบอนัว คูรี คือผู้ที่เคียงข้างในการตอบปัญหาของผู้สื่อข่าวอย่างมั่นใจเคียงข้างนายดรากิ
หลังการประชุมนโยบายการเงินในตอนนี้ นายคูรี ถือว่ามีศักยภาพที่สุดในการสืบสานตำแหน่งประธานธนาคารกลางยุโรปต่อจากนายดรากิ โดยนโยบายของเขาใกล้เคียงกับนายดรากิเป็นอย่างมาก ทว่าการที่วาระ 8 ปีในคณะกรรมการธนาคารกลางยุโรปจะหมดลงในปี 2020 ซึ่งต้องมีการแก้เกณฑ์ของอีซีบีในการเปิดทางให้เขาสามารถก้าวขึ้นรับตำแหน่งต่อจากนายดรากิ ทว่าสิ่งนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
เต็ง 1.ฟรังซัวร์ วิเลรอย เด เกาฮาว ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศส
หากฝรั่งเศสได้มีโอกาสเป็นโต้โผในการตั้งประธานธนาคารกลางยุโรปจริงๆ นายเกาฮาวคือผู้ที่น่าจะได้รับตำแหน่งโดยตำแหน่งปัจจุบัน ถือว่าเขามีแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินที่เป็นกลาง อย่างไรก็ดี เขามีโอกาสที่จะตอบโต้กับรัฐบาลอิตาลีอย่างถึงพริกถึงขิงอยู่สูงมาก
ทั้งหมดคือ ความเป็นไปได้ทั้งหมดของผู้ที่จะมารับไม้ต่อในตำแหน่งประธานอีซีบี ต่อจากนายดรากิ หลังจากเดือน ต.ค.นี้
ที่มาบทความ: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646622