หากไม่นับเจเน็ต เยลเลนและแกรี คอห์น ที่เป็นที่จับตาของตลาดมาพักใหญ่ว่าจะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดในวาระต่อไป
เต็งหนึ่งและเต็งสองคนใหม่ที่เพิ่งเข้าสัมภาษณ์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อสัปดาห์ก่อน คือ นายเควิน มาร์ช และ นายเจโรม เพาเวลล์ ตามลำดับ บทความนี้ จะพาท่านมารู้จักตัวเต็งทั้งคู่นี้ว่ามีสไตล์และแนวคิดเป็นอย่างไร
เควิน มาร์ช
เริ่มจากนายมาร์ช ก่อนอื่นผมขอมองย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ตอนที่นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ หมดวาระจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ สาขานิวยอร์ก เพื่อเข้ามาเป็นรมต. คลัง ผู้ที่มีโอกาสจะมาแทนตำแหน่งที่ว่างลงว่ากันว่าน่าจะเป็นนายมาร์ช ทว่านายวิลเลียม ดัดลีย์ อดีตผู้บริหารของโกลด์แมน ซัคส์ ก็ได้เข้ามาเสียบแทน ทว่านายมาร์ชก็ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกกรรมการของเฟดในเวลาต่อมาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี
ถามว่าทำไมนายมาร์ชถึงขึ้นมาเต็งหนึ่งประธานเฟด ณ นาทีนี้ได้ คำตอบแบบชาวบ้านคือ “เมียให้มา“ โดยนางเจน ลอว์เดอร์ ภรรยาของนายมาร์ช เป็นทายาทสายตรงของเอสเต ลอว์เดอร์ มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจความงามระดับโลก ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในการสนับสนุนทางการเงินของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ Predictit เว็บไซต์ที่เปิดรับพนันในหัวข้อต่างๆ ให้นายมาร์ชเป็นเต็งหนึ่งในขณะนี้ นอกจากนี้ นายเบน เบอร์นันเก้ อดีตประธานเฟด เคยกล่าวชมนายมาร์ชว่าเป็นหนึ่งในทีมงานที่เขาชื่นชมในความทุ่มเทและสามารถเชื่อใจได้ว่าจะให้สิ่งที่เป็นประโยชน์กับเฟด
หากพิจารณาในมิติของนโยบายการเงิน จากบทความและความเห็นต่อสาธารณชนในระยะหลัง นายมาร์ชน่าจะจัดได้ว่าเป็นแนว Hawkish โดยหากได้เข้ามาเป็นประธานเฟดจริงๆ น่าจะมีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่านางเยลเลน น่าสังเกตว่าในช่วงกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา นายมาร์ชขยันในการทำงานวิจัยด้านนโยบายมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษาด้านโครงสร้างองค์กรให้กับธนาคารกลางอังกฤษ หรือทำวิจัยร่วมกับนักเศรษฐศาสตร์ระดับรางวัลโนเบลมากหน้าหลายตา รวมถึงทำวิจัยให้กับ Hoover Institution และมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด คงไม่แปลกใจว่าการหาเสียงกับทางพรรครีพับลิกันสำหรับตำแหน่งประธานเฟดคงจะมีอย่างเต็มที่เช่นกัน
หากพิจารณาในมิติของนโยบายการเงิน จากบทความและความเห็นต่อสาธารณชนในระยะหลัง นายมาร์ชน่าจะจัดได้ว่าเป็นแนว Hawkish โดยหากได้เข้ามาเป็นประธานเฟดจริงๆ น่าจะมีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่านางเยลเลน น่าสังเกตว่าในช่วงกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา นายมาร์ชขยันในการทำงานวิจัยด้านนโยบายมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษาด้านโครงสร้างองค์กรให้กับธนาคารกลางอังกฤษ หรือทำวิจัยร่วมกับนักเศรษฐศาสตร์ระดับรางวัลโนเบลมากหน้าหลายตา รวมถึงทำวิจัยให้กับ Hoover Institution และมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด คงไม่แปลกใจว่าการหาเสียงกับทางพรรครีพับลิกันสำหรับตำแหน่งประธานเฟดคงจะมีอย่างเต็มที่เช่นกัน
น่าสังเกตว่านายมาร์ชมีจุดที่หลายท่าน มองว่าน่าจะเป็นเครื่องหมายคำถามคือนายมาร์ชไม่ได้จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์โดยตรง จะทำให้ความรู้ไม่แน่นพอหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ ทำให้เมื่อตอนต้นปี ความเห็นของนายมาร์ชที่เขียนผ่านบทความในวอลล์สตรีท เจอร์นัล ร่วมกับนายไมเคิล สเปนซ์ ถูกนายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อดีตรมว.คลังประเมินว่ามีความไม่สมเหตุสมผลในการวิเคราะห์หากพิจารณาจากมิติของเศรษฐศาสตร์
โดยส่วนตัว ผมคิดว่านายมาร์ชมีโอกาสที่จะขึ้นมาเป็นประธานเฟดคนใหม่สูงเพราะเขาเป็นคนเดียวในกลุ่มตัวเก็งที่ไม่เคยมีความเห็นที่ค้านกับแนวทางของนายทรัมป์แม้แต่เรื่องเดียว รวมถึงถือว่าค่อนข้างหนุ่มหากก้าวมาเป็นประธานเฟดคนใหม่
เจโรม เพาเวลล์
มาถึงเต็ง 2 นายพาวเวลล์ อดีตผู้ดูแลด้านการคลังให้กับอดีตประธานาธิบดี จอร์จ บุช ถือว่าทำงานร่วมกับพรรครีพับลิกันมาอย่างยาวนาน ในตอนนี้ ก็ยังทำงานเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการเฟด เขาเคยเป็นนักกฎหมายให้กับบริษัทเฮดจ์ฟันด์ชั้นนำ มีความโดดเด่นจากงานด้านการกำกับเสถียรภาพทางการเงินให้กับเฟดมาหลายปี
ผมมองว่านายพาวเวลล์มีโอกาสน้อยกว่านายมาร์ชตรงที่เขาไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นในด้านนโยบายการเงินมากนักนับแต่ไหนแต่ไร ผนวกกับที่ภาพลักษณ์ของเขาที่ไม่ได้มาจากสายเศรษฐศาสตร์ ทำให้นายทรัมป์คงจะคิดหนักว่านายพาวเวลล์จะมีกึ๋นพอหรือไม่สำหรับการตัดสินใจขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ยในการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศโดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤติ
อย่างไรก็ดี นายพาวเวลล์ก็มีจุดเด่นตรงมากประสบการณ์ผ่านการทำงานกับอดีตประธานาธิบดีมาแล้ว รวมถึงมีความนิ่งในการหาเสียงสำหรับชิงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าตาอยู่อย่างเขาจะคว้าพุงไปกินเหมือนกับตอนที่นายดัดลีย์กับตำแหน่งประธานเฟด สาขานิวยอร์ก เมื่อเกือบสี่ปีก่อน
ในความเห็นเชิงนโยบายแล้ว ผมมองว่านายเพาเวลล์ถือว่าคล้ายคลึงกับนางเยลเลนมาก ทว่าน่าจะฟังซิกสัญญาณจากนายทรัมป์มากกว่านางเยลเลน
ผมมองว่าประธานเฟดคนต่อไปในวันที่ 4 ก.พ. 2018 มีเหลืออยู่แค่ 4 คนที่เป็นไปได้ เจเน็ต เยลเลน แกรี คอห์น เควิน มาร์ช และ เจโรม พาวเวลล์ โดยนายคอห์นและนายมาร์ชมีโอกาสมากที่สุดครับ