invest-man-coke

James Quincey CEO ใหม่ของบริษัท Coca-Cola ได้ให้สัมภาษณ์ว่า โค้กกำลังถูก disrupt จากเทคโนโลยีดิจิตอลด้วยเช่นกัน ทำไมบริษัทเครื่องดื่มโค้กที่คนน่าจะดื่มกันทุกวัน ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องออนไลน์ แต่ความจริงแล้วกลับตรงกันข้าม

คุณ Quincey บอกว่า ผู้บริโภคกำลังซื้อของจากออนไลน์มากขึ้น แล้วให้ร้านค้าไปส่งสินค้าถึงที่บ้านสิ่งนี้เป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่จากเดิมจะไปห้างเพื่อชอปปิ้ง และระหว่างนั้นก็ซื้อเครื่องดื่มโค้ก จากตู้หยอดเหรียญ หรือ ร้านอาหารในห้าง กลายเป็นว่าตอนนี้ห้างไม่มีคนเดิน และทำให้โค้กไม่ได้ถูกขายในห้างหรือร้านค้าเหล่านั้น

สรุปง่ายๆคือ “เทคโนโลยีดิจิตอลกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมของคน”

โค้กเป็นสินค้าพลอยได้ที่เวลาคนไปชอปปิ้งนอกบ้านแล้วจะซื้อโค้กดื่มกัน
แต่ตอนนี้พอคนไม่ออกนอกบ้าน โค้กก็ถูกกระทบไปด้วย

เรามาดูยอดขายของบริษัท Coca-Cola ย้อนหลังกัน

ปี 2009 บริษัทมีรายได้ 30,990 ล้านเหรียญ
ปี 2010 บริษัทมีรายได้ 35,119 ล้านเหรียญ
ปี 2011 บริษัทมีรายได้ 46,542 ล้านเหรียญ
ปี 2012 บริษัทมีรายได้ 48,017 ล้านเหรียญ
ปี 2013 บริษัทมีรายได้ 46,854 ล้านเหรียญ
ปี 2014 บริษัทมีรายได้ 45,998 ล้านเหรียญ
ปี 2015 บริษัทมีรายได้ 44,294 ล้านเหรียญ
ปี 2016 บริษัทมีรายได้ 41,863 ล้านเหรียญ
ปี 2017 ไตรมาสแรก บริษัทมีรายได้ลดลง -11% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

จะเห็นได้ว่ายอดขายของบริษัทโค้กมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นปีที่สื่อสังคมออนไลน์ ธุรกิจอีคอมเมิรซเริ่มเป็นที่นิยมไปทั่วโลก

หุ้น Coca-Cola ลดลงในปีที่แล้ว 4.9% ทั้งๆที่ตลาดหุ้นโดยรวมเพิ่มขึ้นถึง 15% ทำให้คุณ Quincey ต้องประกาศควบคุมค่าใช้จ่าย ลดต้นทุน ลดคนงาน outsource บางตำแหน่งงาน และขายธุรกิจบรรจุขวดออกไป

ที่น่าสนใจคือ คุณ Quincey ไม่ได้พูดเกี่ยวกับเทรนด์รักษาสุขภาพเลย อาจเป็นเพราะสินค้าของบริษัท ก็มีเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำตาลด้วยเช่นกัน สิ่งที่คุณ Quincey เน้นจะเป็นเรื่องพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไป

ตอนนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนไปอีกเรื่องหนึ่งก็คือการทานอาหารนอกบ้าน ยอดขายในร้านอาหารกำลังลดลง เพราะคนเปลี่ยนจากไปทานที่ร้านมาเป็นสั่งอาหารให้ไปส่งที่บ้าน

โดยตัวร้านอาหารไม่ได้กระทบอะไร เพราะถึงแม้คนจะไม่กินในร้าน แต่ก็มีคนสั่งอาหารจากที่ร้านไปส่งถึงบ้านแทน ยอดขายสำหรับร้านอาหารจึงเท่าเดิม

แต่สินค้าที่โดนกระทบคือ โค้ก เพราะเมื่อก่อนร้านอาหารจะขายโค้กได้เมื่อคนสั่งอาหารแล้วหิวน้ำ แต่ปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้นึกถึงว่าจะต้องสั่งโค้กพร้อมกับสั่งอาหารมาที่บ้าน และขนาดของบรรจุภัณฑ์ก็ไม่เข้ากับการขนส่งโดยมอเตอร์ไซค์

เรื่องราวนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจแตกต่างจากเรื่องราวของประเทศไทยไปบ้าง สำหรับคนไทย ผมคิดว่าคนยังมีพฤติกรรมไปเดินห้างกันอยู่ แต่เมื่อดูจากรอบตัวเราแล้ว เทรนด์การสั่งอาหารออนไลน์มากินที่บ้านก็เริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้นเช่นกัน จากบริการของแอพต่างๆทั้ง LineMan UberEat FoodPanda

ไม่แน่ว่ายอดขายของโค้กประเทศไทยก็อาจจะเริ่มได้รับผลกระทบแล้วก็เป็นได้

เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีว่า เราอย่าชะล่าใจว่าสินค้าของเราเป็นสินค้าที่ไม่เกี่ยวกับเรื่อง DIGITAL สุดท้ายมันจะค่อยๆคืบคลานเข้ามาหาเรา กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็สายไปเสียแล้ว..

ที่มาบทความ : http://longtunman.com/765