อนาคตการฟื้นตัวของตลาดน้ำมันนั้นอาจแบ่งได้เป็น 3 ระยะสำคัญ
1) ระยะหนีตายถังน้ำมันล้น
2) ระยะระบายน้ำมันออกจากถัง
3) ระยะที่โอเปกอาจกลับมารุ่งเรือง
นี่เป็นเพียงมุมมองวิเคราะห์ส่วนตัวนะครับ ไม่ได้เป็นการชี้นำในการลงทุนทั้งสิ้นแต่อย่างใด วันนี้เราอยากจะมาวิเคราะห์ทิศทางของตลาดน้ำมันในระยะยาว ๆ กันบ้าง หลังจากที่เราได้วิเคราะห์ในระยะสั้นไปแล้วในบทความก่อน ท่านใดยังไม่ได้อ่านเชิญลองอ่านได้ที่นี่เลยครับ วิเคราะห์ทิศทางราคาน้ำมัน: ถังน้ำมันทั่วโลกจะเต็มหรือไม่? เมื่อไร?
เราลองมาดูรายละเอียดของในแต่ละระยะกันเลยครับ
1. ระยะหนีตายถังน้ำมันล้น (May-June 2020)
นี่คือช่วงเวลาที่สั้นที่สุดแต่จะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ตลาดน้ำมันกำลังหนีตายจากถังน้ำมันทั่วโลกที่จะล้น ทางเราได้วิเคราะห์อย่างละเอียดในบทความก่อนแล้วว่าการใช้น้ำมันและการผลิตน้ำมันจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างเพื่อไม่ให้ถังเต็มและเพื่อที่จะซื้อเวลาไม่ให้ถังน้ำมันทั่วโลกนั้นล้น
จากรายงานต่าง ๆ ที่เราได้รับเข้ามานั้นดูเหมือนตลาดกำลังทำได้ดีในระยะแรกแล้ว ทางด้านการใช้น้ำมันสัญญาณจากสหรัฐฯ เริ่มดีขึ้นแล้ว คนเริ่มกลับมาขับรถกันมากขึ้นหลังจากเริ่มมีการเปิดเมืองในบางรัฐ และการบินในภูมิภาคต่าง ๆ ก็จะเริ่มกลับมากันอีกครั้ง
ทางด้านการผลิตน้ำมันนั้นเราได้รับรายงานว่าผู้ผลิตในโอเปกกำลังทยอยลดกำลังการผลิตกันแล้ว และอีกรายงานที่สำคัญที่ได้รับคือการผลิตเชลล์ออยล์ของสหรัฐฯ นั้นกำลังจะโดนปิดเพิ่มไปอย่างน้อยอีก 0.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วง 2 เดือนข้างหน้านี้ หลังจากที่ได้โดนปิดไปประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันแล้วตั้งแต่ราคาปรับตัวลดลงครั้งใหญ่ ทางบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Exxon, Chevron และ Conoco Phillips นั้นได้ยืนยันการลดกำลังการผลิตเพราะราคาไม่คุ้มต่อต้นทุนการผลิตแล้ว
โดยตัวเลขการผลิตของสหรัฐฯ นั้นอาจจะลดลงได้อย่างต่อเนื่องเพราะทางรัฐบาลทรัมป์นั้นได้ให้คำสัญญาไว้กับทางซาอุฯ รัสเซีย และโอเปกว่าจะช่วยร่วมลดกำลังการผลิตด้วยที่ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ในภาพรวมของตลาดในระยะแรกนั้น หากไม่เกิดการระบาดของไวรัสอีกรอบ (Wave 2) ทำให้ทางเราเชื่อว่า ตลาดจะสามารถหนีตายจากสภาวะน้ำมันล้นถังได้แล้ว หากต้องประมาณราคาน้ำมันดิบ Brent ในระยะนี้ก็คือระดับราคาที่ 20-30 เหรียญ แต่แน่นอนว่าราคาจะมีความผันผวนสูงตามข่าวและการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างๆ
2. ระยะระบายน้ำมันออกจากถัง (Q3’20 – Q2’21)
ระยะนี้นั้นจะเป็นระยะที่ยาวนานที่สุด และถึงแม้การใช้น้ำมันจะเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว อย่าได้คาดหวังว่าราคาน้ำมันในช่วงนี้จะทะยานสูงกลับไปในระดับเดียวกับปีที่แล้วได้ เพราะ 2 เหตุผลหลัก ๆ คือ
1) เรายังมีน้ำมันดิบสำรองในถังอยู่เยอะมาก และ
2) กำลังการผลิตทั่วโลกนั้นต่ำ อาจจะมีหลาย ๆ ฝ่ายกลับมาเปิดก๊อกการผลิตเพิ่มขึ้นได้ระหว่างทางนี้
ประกอบกับเรายังต้องใช้น้ำมันที่ยังลอยลำเรืออยู่ที่กว่า 250 ล้านบาร์เรล และนี่ยังไม่รวมการผลิตของลิเบียที่โดนปิดเพราะปัญหาการเมืองในประเทศ และที่อิหร่าน + เวเนซุเอลาที่โดนสหรัฐฯ คว่ำบาตรอยู่ด้วย ที่อาจกลับมาได้ตลอดเวลา
ระยะที่น้ำมันกำลังระบายออกจากถังนี้ เราอาจไม่เห็นราคาดีดขึ้นแรง ๆ แต่ราคาก็ไม่ควรปรับตัวลดลงไปต่ำกว่าต้นทุนการผลิตในที่ต่าง ๆเพราะการใช้น้ำมันจะมีเพียงพอที่จะซื้อน้ำมันจากหลุมต่าง ๆ เหล่านี้
ทางเรามองว่าในระยะที่ 2 นี้ราคาน้ำมัน Brent น่าจะปรับตัวอยู่ในกรอบที่ 30-50 เหรียญได้ โดยจะปรับตัวขึ้นลงตามสภาพตลาดน้ำมันในระยะสั้นเลยว่ามีปัจจัยใด ๆ เข้ามากระทบบ้าง
3. ระยะที่โอเปกอาจกลับมารุ่งเรือง (Q3’21-Q4’21)
ยังอีกนานเลยนะครับสำหรับระยะนี้ แต่ช่วงนี้นั้นจะเป็นช่วงเวลาที่กลุ่มโอเปกที่ยอมพยายามทุ่มเททุก ๆ แรงกายและทรัพย์ในการรวบรวมกลุ่มพันธมิตรให้กลับมาลดกำลังกันอย่างเป็นปึกแผ่นอีกครั้งอาจได้กลับมารุ่งเรือง โดยหากทุกฝ่ายทำได้ดีในระยะที่ 2 และสต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกลดกลับลงไปถึงระดับเฉลี่ยปกติเราถึงจะเรียกได้เต็มปากว่าตลาดกลับมาสมดุลอีกครั้ง
และหากเมื่อตลาดกลับมาสมดุลอีกครั้ง ทางโอเปกและพันธมิตรจะมีสิทธิเลือกว่าจะทำอย่างไรต่อไป หากทางกลุ่มพร้อมที่จะลดกำลังการผลิตกันเรื่อย ๆ ต่อไป เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบ Brent อาจจะเห็นดีดกลับขึ้นไปเกืน 60 เหรียญอีกแน่ ๆ แต่ถ้ากลับมาแตกแถวและทะเลาะกันราคาก็อาจจะอยู่ในกรอบล่าง
ทางเราอยากจะมองภาพกว้าง ๆ ไว้ก่อนและให้กรอบราคาที่ 50-70 เหรียญ (ระดับราคาเฉลี่ยเมื่อปี 2019) แต่ราคานั้นจะอยู่บนกรอบล่างหรือบนนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยระยะสั้นในช่วงนั้นเลย หากจะเกิดสงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีนอีกครั้ง (อย่างที่ทรัมป์ขู่ไว้) หรือการผลิตจากลิเบีย เวเนซุเอลา และ อิหร่านกลับมา หรือทางโอเปก+รัสเซียเร่งแย่งกันผลิตเอง ราคาอาจจะอยู่ติดกรอบแนวล่างได้ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตอีกครั้งในช่วงนี้ เราก็อาจเห็นราคาดีดทะลุ 70 เหรียญในระยะสั้นก็เป็นไปได้ครับ
และนี่ก็คือมุมมองวิเคราะห์ส่วนตัวของตลาดน้ำมันในระยะยาวนะครับ ไม่ได้เป็นการชี้นำในการลงทุนทั้งสิ้นแต่อย่างใดครับ
KP
ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/108586193028066/posts/539258973294117/