High-RIsk-Saran-02

ใครที่เริ่มศึกษาการลงทุน น่าจะเคยได้ยินหรือเห็นประโยคนี้กันมาทุกคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราต่างก็ได้ยินชื่อเสียงของเซียนหลายๆคนที่ต่างประสบความสำเร็จจำนวนมากมาย พร้อมกับผลตอบแทนที่ชนะค่าเฉลี่ยของตลาดมาได้อย่างยาวนาน ทำไมถึงเป็นเช่นได้น่าคิดนะครับ

เพื่อที่จะการตอบคำถามข้างต้น ขอเริ่มต้นโดยยกตัวอย่างภาพนี้ก่อนครับ ใครที่เคยเรียนหลักสูตรด้านการเงินมาก่อนน่าจะเข้าใจภาพนี้ดี

001

ที่มาภาพ: http://toushi.com.hk/risk-of-investment/risk-return-trade-off/

จากกราฟด้านบน สื่อได้ว่าถ้าคุณไม่อยากเสี่ยงก็ควรนำเงินไปฝากธนาคารแลกกับผลตอบแทนที่น้อยสุดๆ หรือเพิ่มความเสี่ยงขึ้นอีกขั้นก็ไปซื้อตราสารหนี้ระยะสั้นพร้อมได้ผลตอบแทนดีขึ้นอีกนิด ถ้ามากกว่านี้ก็เป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้ ส่วนใครที่อยากได้ผลตอบแทนเยอะๆก็ต้องรับความเสี่ยงมากขึ้นอย่าง การไปซื้อหุ้นหรือซื้อตราสารอนุพันธ์ไปเลย

ประเด็นสำคัญที่อยากเสริมคือ

ประเด็นแรก กราฟเส้นตรงของผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับนั้นมันเป็นตัวเลขของค่าเฉลี่ย ฉะนั้นการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละครั้งนั้นไม่จำเป็นต้องเท่ากับค่าเฉลี่ยเสมอไป เพียงแต่ในระยะยาวหรือลงทุนไปหลายๆครั้งแล้ว ผลลัพท์ที่ได้มันจะวิ่งเข้าสู่เส้นค่าเฉลี่ยเสมอ

ประเด็นที่ 2 ความเข้าใจในเรื่องของความเสี่ยงหรือ Risk นั้น จริงๆแล้ว “ความเสี่ยง” ที่เกิดขึ้นในแต่ละสินทรัพย์จะมีมากหรือน้อยมันขึ้นอยู่กับที่ลักษณะการกระจายตัวของผลลัพท์ที่มีโอกาสเกิดขึ้น ยิ่งโอกาสของผลตอบแทนที่ได้รับแกว่งตัวผันผวนมากๆเมื่อเปรียบเทียบกับเส้นค่าเฉลี่ยแล้ว ความเสี่ยงก็ยิ่งมีมากตามไปด้วย เพื่อทำความเข้าใจได้มากขึ้นลองดูตัวอย่างภาพด้านล่างกันครับ

002

ที่มาภาพ: http://www.barrons.com/articles/howard-marks-investing-in-an-unknowable-future-1433802168

จากภาพเป็นการแสดงความน่าจะเป็นของผลตอบแทนที่ได้รับในแต่ละสินทรัพย์ ซึ่งมีลักษณะการกระจายตัวเป็นแบบ Normal Distribution (โอกาสได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าหรือมากกว่าค่าเฉลี่ยมีเท่ากัน) ซึ่งในแต่ละกราฟจะแสดงถึงความน่าจะเป็นของผลตอบแทนที่ได้รับจากสินทรัพย์แต่ละชนิด จุดที่ตัดกับเส้นตรงคือผลตอบแทนเฉลี่ยของสินทรัพย์ที่เลือกลงทุน ความกว้างของฐานระฆังคือขอบเขตความผันผวนของผลตอบแทนที่คาดหวัง และความสูงของระฆังสื่อได้ถึงโอกาสความน่าจะเป็นที่ได้รับผลตอนแทนนั้นๆในแต่ละช่วง

ในรูปจะเห็นว่า สินทรัพย์ไหนที่มีความเสี่ยงต่ำ (กราฟระฆังด้านซ้ายสุด) การแกว่งตัวของผลตอบแทนจะมีน้อยมาก (ระฆังทรงสูง, ฐานแคบๆ) ยิ่งผันผวนน้อยทำให้โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนเท่ากับค่าเฉลี่ยก็ยิ่งมีสูง (อย่างเช่นการไปฝากเงินกับธนาคารหรือซื้อพันธบัตรรัฐบาล) ในทางกลับกันกรณีการลงทุนในหุ้นหรือตราสารอนุพันธ์เปรียบได้กับกราฟระฆังที่มีฐานกว้างมากๆอย่างกราฟระฆังด้านขวาสุด ที่มีฐานกว้างมากจนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยมากๆได้ หรือสามารถทำให้เกิดการขาดทุนได้เลยเช่นกัน

จากตรงนี้น่าจะเห็นได้ว่าการเลือกลงทุนเฉพาะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนที่ได้ก็ยิ่งเข้าใกล้กับเส้นค่าเฉลี่ย โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยจึงแทบจะไม่มี จริงๆแล้วนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้นั้นมาจากการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงที่สูงก็จริงแต่พวกเขารู้จักบริหารความเสี่ยงควบคู่กันไปด้วย โดยพยายามเลือกลงทุนเฉพาะโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเท่านั้น ถ้าหากพวกเขาพิจารณาแล้วคิดว่าโอกาสของผลตอบแทนที่จะได้รับมีสิทธิต่ำกว่าค่าเฉลื่ยก็พร้อมที่จะหลีกเลี่ยงเข้าไปลงทุน และทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุดลักษณะผลตอบแทนของพอร์ตพวกเขาจึงเป็นแบบ Low Risk High Return

ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในการลงทุนให้ประสบความสำเร็จก็คือ ต้องศึกษาหลักการและแนวความคิดที่ถูกต้อง พร้อมกับยึดมั่นในแนวทางการลงทุนที่ถูกกับจริตของตัวเองให้ได้เสียก่อน เพื่อผลลัพท์ที่ดีขึ้นในระยะยาว แน่นอนว่าในช่วงแรกที่เริ่มศึกษามันอาจดูเป็นเรื่องยาก แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ยากเกินไปที่จะเรียนรู้ อย่างแนวคิดนี้ส่วนหนึ่งผมก็ได้มาจากการอ่านหนังสือ แก่นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า : The Most Important Thing Illuminated เขียนโดย Howard Marks (โฮเวิร์ด มาร์ค) มีแปลเป็นภาษาไทยแล้วโดยคุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข ใครสนใจแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า แนะนำให้ซื้อมาอ่านกันครับ

ขอโชคดีและมีความสุขในการลงทุนครับทุกๆท่าน