จะเป็นนักลงทุนมันต้องหูตาว่องไว อ่านข่าวสารต้องมีสัญชาติญาณนักสืบ ได้กลิ่นผิดปกติต้องอุทานในใจว่า “มันต้องมีอะไร” อุทานดังไม่ได้เดี๋ยวเจ้ามือรู้ เรามาดู 10 สัญญาณที่ว่ากันเลยครับว่ามีอะไรบ้าง
1. เปลี่ยนผู้ถือหุ้น
อ่านจากข่าวประจำวันของตลาดหลักทรัพย์ จะมี รายงาน 59-2 รายการการซื้อขายของผู้บริหารทุกวัน และรายงาน 246-2 สำหรับคนที่ซื้อขายผ่านทุก 5% นักลงทุนที่สายตาว่องไวต้องเข้าไปดูว่าคนที่ขายออกและซื้อเข้าเป็นใคร เอาไปค้น google ให้หมดเราอาจได้เห็นความเชื่อมโยงผู้ถือหุ้นคนนี้กับหุ้นตัวอื่นๆ เพื่อสามารถนำภาพมาปะติดปะต่อได้
ภาพ : การค้นหารายงานแบบ 246-2
ที่มา : http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin2/find246.php
2. เปลี่ยนกรรมการ
ต่อเนื่องจากข้อ 1 ถ้าผู้ถือหุ้นชุดเดิมออกไปแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจการบริหาร ก็มักจะนำกรรมการที่ไว้ใจเข้ามาด้วย เป็นสัญญาณที่เราต้องตามต่อว่าจะเป็นยังไง
3. ซื้อสินทรัพย์
ถ้าบริษัทที่มีการลงทุนใหม่ๆ แบบทางลัดโดยการเข้าไปซื้อกิจการ ถ้าเป็นสินทรัพย์ที่มีสัดส่วนค่อนข้างสูง จะต้องมีการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติ
เทคนิคอยู่ที่ใกล้ๆวันประชุมจะมี รายงานที่ปรึกษาการเงินอิสระ ออกมาเป็น PDF ให้โหลดในหน้าข่าวของตลาดหลักทรัพย์หน้าที่นักลงทุนควรเข้าไปโหลดอ่าน
เทคนิคคือเข้าไปดูตรงที่เขาประมาณการรายได้และกำไร เข้าไปอ่านสมมติฐานการคำนวณว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ วันเข้าประชุมควรเข้าไปถามด้วยว่าสมมติฐานนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรน่าเชื่อถือหรือไม่
อนาคตถ้ามันไม่ค่อยเป็นไปตามแผนก็เอารายงานชุดนั้นละไปถามผู้บริหารในที่ประชุมว่าทำไมมันห่างจากแผนขนานนั้น
นอกจากนั้นยังต้องพิจารณาร่วมด้วยว่า สินทรัพย์ที่ซื้อมานั้นสอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจหรือไม่ เป็นการขยายตัวในแนวดิ่ง หรือขยายตัวในแนวข้าง ซื้อกิจการมาแล้วมีปัญญาบริหารให้มันมีกำไรเติบโตได้หรือไม่
การดูผลว่าสินทรัพย์ที่ซื้อเข้ามาดีหรือไม่ให้ดูว่า ROA ยังเท่าเดิมหรือไม่ ถ้าซื้อมาแล้ว ROA รวมๆ ลดลงแสดงว่าไม่ค่อยดีเท่าไร สินทรัพย์ที่ซื้อเพิ่มเข้ามาทำกำไรได้น้อยลง
4. การขายสินทรัพย์
ถ้าสินทรัพย์ที่มีมันไม่ทำกำไร อยู่ไปก็รกงบ สมควรเอาออกซะอย่างน้อย ROA ROE ก็จะดีขึ้น ถ้าสินทรัพย์ที่เหลือของบริษัทยังสามารถทำกำไรได้แสดงว่าหุ้นตัวนี้กำลังจะ Turnaround
5. การเรียกประชุมผู้ถือหุ้น
บริษัทที่เรียกประชุมผู้ถือหุ้นมันต้องมีประเด็นอะไร วันไหนว่างๆก็เข้าไปดูปฏิทินหลักทรัพย์ว่าบริษัทไหนมีการประกาศเครื่องหมาย XM บ้าง แล้วเข้าไปดูว่าประชุมเรื่องอะไร เช่น เพิ่มทุน ต้องไปดูว่าจะเพิ่มทุนไปทำอะไร กิจการจะดีขึ้นในระยะยาวหรือไม่
6. รายได้เพิ่ม
บริษัทที่รายได้เพิ่มถ้าไปอ่านในคำอธิบายผลประกอบการว่าเป็นผลมาจาก กลยุทธ์ธุรกิจที่ถูกที่ ถูกเวลา อุตสาหกรรมกำลังเติบโต แม้ตอนนี้ยังไม่มีกำไร แต่ถ้ารายได้เริ่มถึงจุดคุ้มทุนเมื่อไรกำไรจะโตมาก
โดยเฉพาะบริษัทที่ลงทุนสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนมากๆ ช่วงแรกๆจะกำไรไม่ค่อยดีเพราะต้นทุนคงที่เยอะแต่ลูกค้ายังไม่ติด ถ้าวางกลยุทธ์ถูกทาง ลูกค้าจะไหลมาเทมา รายได้จะเพิ่มขึ้น อัตราหมุนเวียนสินทรัพย์ (Asset Turnover ) จะมากขึ้น
7. อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่ม
อัตรากำไรขึ้นต้นเพิ่มขึ้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้ามีเพิ่มขึ้นได้แสดงว่ามันต้องมีอะไร ต้องไปดูสาเหตุว่ามาจากอะไร เช่น รอบวงจรของสินค้าที่ขายเป็นขายขึ้น มีการลดต้นทุนการผลิตได้อย่างเป็นรูปธรรม หรือบริษัทขยับไปขายสินค้าที่มีกำไรมากขึ้น
8. กำไรสุทธิเพิ่ม
กำไรเพิ่มอาจเป็นสัญญาณที่ช้ากว่าข้อ 7 แต่ค่อนข้างชัวร์ เราบอกว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่ถ้าแสกนมาดีๆ หุ้นหลายตัวก็มีกำไรเติบโตได้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ถ้าสังเกตุตลาดหุ้นลงๆมา หุ้นที่กำไรยังเติบโตได้ราคาจะไม่ลดลงมาก ชนะตลาดได้สบายๆ เยี่ยมจริง
แต่ต้องระวังหุ้นที่กำไรเพิ่มจากกำไรพิเศษที่มาครั้งเดียว เช่น กำไรจากการขายสินทรัพย์ กำไรจากการเอาสินทรัพย์ไปขายเข้ากองทุน REIT กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ เดี๋ยวนี้นักลงทุนฉลาดขึ้นหุ้นที่กำไรกระโดดจากกำไรพิเศษไม่ค่อยเล่นกัน แถมราคาลงอีกด้วยออกไม่ทันซวยกันทีเดียว
9. ขาดทุนหนักๆ
คนเราถ้าเจ็บหนักๆ แล้วมันไม่ตายเวลาฟื้นขึ้นมาจะสตรองมาก ถ้าขาดทุนเพราะธุรกิจแข่งขันไม่ได้ก็อย่างไปยุ่งกับมัน แต่ถ้าขาดทุนเพราะกรรมเก่า เช่น ตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์ที่ไม่สร้างรายได้แล้ว ขาดทุนเพราะรายจ่ายที่มาครั้งเดียว เช่น กังวลเศรษฐกิจไม่ดีก็ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มไว้หน่อย รายจ่ายพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายทางบัญชี ไม่ค่อยกระทบกับเงินสด
จุดสังเกตคือ ถ้างบขายทุนเยอะๆ แล้วกระแสเงินสดจากการดำเนินงานยังเป็นบวกได้แสดงว่ามันต้องมีอะไร เข้าไปดูว่าขาดทุนจากอะไร มีอะไรเหลืออยู่บ้าง และสิ่งที่เหลือทำกำไรได้หรือไม่ มีความสามารถในการเติบโตได้หรือเปล่า
10. หมายเหตุประกอบงบการเงิน
เป็นอะไรที่คนไม่ค่อยอ่านกัน เพราะมันยาวและตัวเลขเยอะๆ แต่ถ้าอ่านดีๆมันจะขยายความรายการในงบได้เยอะเลย เช่นลูกหนี้การค้า เขาก็จะแยกตามอายุลูกหนี้ให้ สินค้าคงเหลือก็จะแยกเป็น วัตถุดิบ งานระหว่างทำ สินค้าสำเร็จรูป ธุรกิจมีหลายกลุ่มก็จะแยกออกเป็นผลประกอบการจำแนกตามส่วนงานให้ อีกหัวข้อที่คนยังไม่รู้คือเหตุการณ์วันที่หลังงบการเงิน ถ้างบออกแล้วมีเหตุการณ์สำคัญก็จะบอกไว้ เช่นหลักปิดงบ 1 เดือน เอาเงินไปวางมัดจำซื้อที่ก็จะรายงานไว้ในหัวข้อนี้ด้วย
หวังว่าทริคเล็กๆนี้คงช่วยให้นักลงทุนหูตาว่องไวมากขึ้น ถ้าเจอหุ้นอะไรเด็ดๆ ก็แจ้งผมได้นะครับ 🙂
ที่มาบทความ : http://www.investidea.in.th/2016/02/10.html