หากเราลองมองในภาพใหญ่ของตลาดการเงินขึ้นมาหน่อย เงินตราทั่วโลก พื้นฐานมันไม่มีอะไร ค่อยรองรับอยู่ หรือบางคนก็บอกว่ารองรับด้วยเศรษฐกิจประเทศนั้น ความจริงแล้วเมื่อแต่ละประเทศใช้เงินที่ไม่มีอะไรรองรับเหมือน ๆ กัน ดังนั้นมันไม่ได้มีค่าในตัวมันเอง แต่มีค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ในเชิงเปรียบเทียบต่างหาก ส่วนการมีค่าในประเทศเกิดจากแบงก์ชาติแต่ละประเทศ บังคับให้ใช้เงินของตัวเองในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น ห้ามใช้อย่างอื่นแลกเปลี่ยน สิ่งที่ผมอยากจะสื่อก็คือ เงินตราเป็นสิ่งมายา ความจริงแล้วในระยะยาว มันจะเสื่อมค่าตลอดด้วยธรรมชาติของมัน แต่ละสกุลเงินเสื่อมค่าเร็วไม่เท่ากัน โดยประเทศไหนเศรษฐกิจอ่อนแอกว่า ค่าเงินก็จะเสื่อมเร็วกว่า เพราะพอเศรษฐกิจอ่อนแอ แบงก์ชาติจะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งมันคือการเพิ่มเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ เช่น การพิมพ์เงินหรือการลดดอกเบี้ย หรืออาจเป็นนโยบายการคลัง แต่ไม่ว่าจากวิธีไหน ปลายทางคือการเพิ่มเงินเข้าสู่ระบบ ดังนั้นพอระบบรวมมีเงินมากขึ้น เงินมันก็เสื่อมหรือที่เรียกกันว่าเงินเฟ้อนั่นแหละ
ปัจจุบันเราเห็นค่าเงินทั่วโลกกำลังอ่อนค่ารุนแรงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หรือก็คือเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบสกุลเงินอื่น ๆ มันเลยทำให้ค่าเงินบางประเทศอ่อนถึงขั้นพังไปเลยก็มี คืออ่อนจนเสียความเชื่อมั่นในระยะยาวแล้ว คนในประเทศหนีตายจากค่าเงินตัวเอง เช่น ลาว ศรีลังกา เป็นต้น ขนาดมหาอำนาจเก่าอย่างอังกฤษค่าเงินยังเสื่อมรุนแรงเช่นกัน พอค่าเงินประเทศนั้น ๆ เสื่อมค่าลงสิ่งที่จะตามมาก็คือข้าวของในประเทศนั้นจะแพงขึ้นตามการเสื่อมของสกุลเงิน ก็คือปัญหาเงินเฟ้อที่เราเห็นกันทุกวันนี้ แล้วในช่วงเวลาที่เงินเสื่อมแบบนี้ การเข้าซื้อทรัพย์สินมันก็ต้องดีสิ เพราะได้หนีออกจากค่าเงินที่กำลังเสื่อม แต่ด้วยความที่เศรษฐกิจมันไม่ดี สินทรัพย์ต่าง ๆ มันเลยโดนเทขายเช่นกัน เช่น พอคนไม่มีเงิน ก็จำเป็นต้องขายทรัพย์สินมาใช้หนี้ อะไรทำนองนี้ เป็นตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ
ลองมาดูกันว่าราคาหุ้นตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง ลดราคากันขนาดไหน
จากรูปแสดงดัชนี FTSE หรือตลาดหุ้นของอังกฤษจะเห็นว่าร่วงลงมาจากยอดนับจากเดือน ก.พ. 2022 ประมาณ 10% ในรูปของปอนด์
ในขณะที่หุ้นร่วง 10% ในสกุลปอนด์ แถมปอนด์ก็อ่อนไป 21% ดังนั้นจริง ๆ แล้วหุ้นอังกฤษในรูปของดอลลาร์จะร่วงลงมาถึง 29%
จากรูปแสดงดัชนี SET index หรือตลาดหุ้นของไทยจะเห็นว่าร่วงลงมาจากยอดนับจากเดือน ก.พ. 2022 ประมาณ 8% เท่านั้น ในรูปของบาท
ในขณะที่หุ้นร่วง 8% ในสกุลบาท แถมบาทก็อ่อนไป 28% ดังนั้นจริง ๆ แล้วหุ้นไทยในรูปของดอลลาร์จะร่วงลงมาถึง 44%
เราจะเห็นว่าจากตัวอย่างหุ้นที่เอามาให้ดูเป็นลักษณะเหมือนของลดราคาเกินกว่า 30% ในรูปของดอลลาร์ ทองคำก็ร่วงลงมาเยอะพอสมควรในรูปของดอลลาร์ แน่นอนว่าของถูกขนาดนี้ไม่ใช่เวลามาขายแล้ว น่าจะเป็นช่วงเวลาของการเก็บของมากกว่า เพราะเมื่อไหร่ที่ดอลลาร์เริ่มกลับตัว เงินจะแห่กันไหลมาเก็งกำไรสินทรัพย์ที่ลดราคาพวกนี้อย่างแน่นอน