สืบเนื่องจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกมาพูดว่า เฟดไม่มีนโยบายที่จะแบนสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหลาย ทำให้สกิลเงินดิจิทัลหลัก ๆ อย่างเช่น บิทคอยน์ดีดกลับขึ้นมาอีกครั้งหลังเจอกระแสการแบนจากทางฝั่งจีนไป เมื่อโลกเริ่มเข้าสู่ยุคแห่งสินทรัพย์ดิจิทัล แล้วทองคำยังน่าลงทุนอยู่ไหมวันนี้อินเตอร์โกลด์จะมาเล่าให้ฟัง…
เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรที่มาแรงกว่ากระแสคริปโทเคอร์เรนซี อีกแล้ว มีประเทศและแบงค์ใหญ่หลายที่เริ่มนำ บิทคอยน์ มาเป็นทุนสำรองและล่าสุดประเทศ เอลซัลวาดอร์ ก็ได้ประกาศให้ บิทคอยน์ เป็นสกุลเงินหลักของประเทศในการชำระหนี้และทำธุระกรรมต่าง ๆ ทางการเงินได้แล้ว เป็นที่น่าจับตาว่าหลังจากนี้โลกการเงินจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางไหน
อย่างที่เราทราบกันอยู่ว่าการเงินโลกในปัจจุบัน กำลังปั่นป่วน จากการใช้นโยบายการเงินแบบขยายตัว(QE) ในกลุ่มประเทศมหาอำนาจ ทำให้เงินที่เราถืออยู่ทุก ๆ วันมีมูลค่าน้อยลง และอาจจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังซบเซา ตั้งแต่ก่อนโควิด-19 จนมาถึงยุคโควิด-19 ระบาด ส่วนตัวแอดยังมองไม่ออกว่าหากไม่ทำ QE หรืออัดฉีดเงินเข้ามาในระบบมาก ๆ เศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติ หรือเริ่มฟื้นตัวได้อย่างไร โดยหากเป็นสถานการณ์เดิมๆเช่นนี้ ทองคำถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะมาก ๆในการที่จะป้องกันหรือคงมูลค่าเงินที่เราถืออยู่ได้
แต่ตั้งแต่ต้นปี 2564 มาจนถึงปัจจุบัน ราคาทองคำกลับย่ำอยู่กับที่ แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย เรียกว่าเป็นปีที่ ทองคำ underperform ที่สุดนับตั้งแต่การปรับตัวขึ้นครั้งใหญ่ในช่วงปี 2018-2020 ถามว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อบิทคอยน์ได้ถูกพูดถึงว่าเป็นทองคำดิจิทัล หรือสิ่งที่จะมาแทนที่ทองคำได้ ส่วนตัวแอดมองว่า ในอนาคตอันใกล้บิทคอยน์หรือพวกคริปโทเคอร์เรนซี น่าจะมีบทบาทที่มากขึ้นกว่าเดิม และอาจจะโตขึ้นได้เรื่อย ๆ เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราอยู่ในสมมุติฐานที่ว่า เงินในมือเรามีโอกาสด้อยค่าลงเรื่อยๆแล้วละก็นักลงทุนหรือคนที่ต้องการรักษาความมั่งคั่งของตัวเองไว้ ก็ต้องหาแหล่งพักเงินที่มีคุณภาพและได้รับการเชื่อถือมานานก่อน ทำให้ยังไงทองคำ ก็น่าจะยังเป็นเบอร์ 1 ในวงการนี้และแอดก็ยังมองว่าทองคำและบิทคอยน์มีโอกาสที่ไปด้วยกันได้ แต่ทางฝั่งคริปโทเคอร์เรนซี อาจต้องใช้เวลาพิสูจน์สักหน่อย เนื่องจากบิทคอยน์หรือพวกเหรียญคริบโตในปัจจุบันยังถูกจัดอยู่ในหมวดสินทรัพย์เสี่ยงและยังถือว่าเป็นตลาดที่ใหม่อยู่ นั้นหมายความว่ายังมีอุปสรรคและความเสี่ยงที่เราอาจจะยังไม่เห็นอีกเยอะ เพราะทองคำหรือตลาดหุ้นในยามก่อน ๆ ต่างก็ผ่านสมรภูมิวิกฤตต่าง ๆ มาอย่างโชกโชน ทำให้ตลาดเหล่านี้มีความแข็งแกร่งหรือมีโครงสร้างที่แน่นกว่า ตลาดคริบโตมากนัก อย่างไรก็ตามขอเพียงระยะเวลาหรือบททดสอบ ที่นานพอให้พิสูจน์ว่า ตลาดคริปโต สามารถผ่านอะไรหนัก ๆ ไปได้ โดยเฉพาะตลาดการเงินหลังโควิด-19 ที่ยังไม่รู้ว่าจะพบเจออะไรใหม่ ๆ อีกไหม หากตลาดคริบโตรอดและผู้คนต่างยอมรับมากขึ้น ในไม่ช้า คริปโตก็อาจจะกลายเป็นสกุลเงินทางเลือก หรือแหล่งสะสมความมั่งคั่งได้เช่นกัน
ถึงตอนนี้หากนักลงทุนยังกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะลงทุนในตลาดคริบโต และอาจจะไม่อยากเก็บเงินในรูปของเงินบาทบวกกับไม่พร้อมเสี่ยงกับตลาดหุ้น ทองคำก็ยังคงเป็นคำตอบ ที่กลาง ๆ และเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะเข้าใจง่าย แต่อย่างน้อยแอดว่าลองศีกษาตลาดคริบโตสักหน่อยก็ไม่เสียหลาย เพราะเป็นเรื่องใหม่และก็อาจจะเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนหลาย ๆ ท่านที่สามารถรับความเสี่ยงได้ จากในปัจจุบันตลาดการเงินการลงทุน มีความยากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การแสวงหากำไรเป็นกอบเป็นกำในตลาดยุคปัจจุบัน เริ่มไม่ง่ายเหมือนในสมัยก่อน ที่สามารถซื้อหุ้นพื้นฐานแล้วได้หลายเด้งชิล ๆ