Cut loss เป็นสิ่งควรทำหรือไม่?
นี้ดูจะเป็นปัญหาโลกแตกของคนที่อยู่ในตลาดหุ้น
หลายคนซื้อหุ้นแล้วผิดทางก็ cut loss แล้วหลังจาก cut loss หุ้นก็ลงต่อไปแรงมา
เขาก็จะบอกว่า “การ cut loss เป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
แต่หลายคนซื้อแล้วพอหุ้นตกก็ cut loss ไปปรากฏว่า หลังจากนั้น หุ้นขึ้นไปเยอะมาก
มุมมองของคนนี้จะรู้สึกว่า “การ cut loss เป็นสิ่งที่ไม่ดี”
ในมุมมองของผมการ cut loss นั้น “ไม่มีถูกหรือผิด”
แต่มันขึ้นอยู่กับมูลค่ามูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นและเที่ยวบินในการวิเคราะห์ของนักลงทุนแต่ละบุคคลเอง
เช่น บางคนซื้อหุ้น B โดยประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 15 บาท เขาซื้อตอนราคาอยู่ที่ 10บาท ถ้าหุ้นลงไปเหลือ 7.5 เขาคิดว่าราคาที่ควรจะเป็นสูงกว่าราคาในปัจจุบันถึง 100% เขาจะขายทำไม ถ้าสุดท้ายเขาคิดถูกราคาหุ้นก็ขึ้นไปที่ 15 บาท … ประเด็นคือเขาต้องมั่นใจว่าเขามองไม่ผิด ตัววัดว่าเขาจะคิดถูกหรือผิดก็คือ “กำไรของบริษัทเป็นไปตามที่เขาคาดหรือไม่” เช่น ถ้าเขาคิดว่าหุ้น b จะทำกำไรจาก 1 บาทต่อหุ้นเป็น 1.5 บาทต่อหุ้นและให้ PE เหมาะสมที่ 10 เท่า ถ้าเกิดว่าหุ้น b ทำกำไรโตจาก 1บาทต่อหุ้นเป็น 1.5 ได้จริง แต่ราคาหุ้นกลับลดลงเพราะภาวะตลาดย่ำแย่มาก นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มกลัวว่าจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ อาจทำให้หุ้นบางตัวราคาลดลง แม้ว่ากำไรจะดีขึ้นแต่ในที่สุดแล้วถ้าหุ้นตัวนี้ดีจริงจากราคา หุ้นก็จะกลับมาได้ ดังนั้นคนที่ cut loss ตอนหุ้นลงไปเหลือ 7.5 ก็จะเป็นการขายผิดจังหวะ
แต่ในทางกลับกันถ้าหุ้น b ที่คิดว่ากำไรจาก 1 บาทต่อหุ้นจะเพิ่มเป็น 1.5 แต่ดันไม่เป็นแบบนั้น กำไรดันลดลงไปเหลือเพียง 0.50 สตางค์ แบบนี้ถ้าหุ้นลงไป 7.5 ก็ควร cut loss เพราะถ้าหุ้นตัวนี้มี PE 10 จริง หุ้นก็จะลงไปเหลือเพียง 5 บาทซึ่งที่ 7.5 ก็ยังถือว่าแพงและที่ทุน 10 บาทถือว่าแพงมากๆ จะเห็นได้ว่านักลงทุนแนวพื้นฐานหุ้นควร cut loss ต่อเมื่อผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามคาด
และที่สำคัญ นักลงทุนไม่ควรซื้อหุ้นที่มีราคาตลาดสูงกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น หลายครั้งแม้ผลประกอบการจะเป็นไปตามคาด แต่บางครั้งราคาหุ้นอาจขึ้นไปสะท้อนผลกำไรที่จะประกาศผลออกมาดีแล้ว ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนสูง ต้องดูเป็น case by case แต่ส่วนใหญ่ถ้าหุ้น PE สูงมากๆ เช่นเกิน 20 เท่าก็จะสะท้อนได้พอควรว่าหุ้นมีความคาดหวังสูง และในบางมุมการ cut loss หรือไม่ก็อยู่ที่ตัวธุรกิจที่เราลงทุนด้วย ถ้าเราลงทุนหุ้นค้าปลีก, โรงพยาบาล หุ้นพวกนี้กำไรโตได้เรื่อยๆต่อเนื่องจากการขยายสาขาหรือปรับค่ายาและโลกเราเข้าสู่ยุคที่มีคนสูงอายุเพิ่ม ทำให้สัดส่วนประชากรที่ซื้อยาสูงขึ้น หุ้นเหล่านี้จะมีปัจจัยที่ผลกำไรจะตกลงและไม่กลับมาที่เดิมอีกยาก
ต่างจากหุ้น commodity หลายประเภท เวลากำไรลดหลายครั้งลดจนขาดทุน และแม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัว หุ้นเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถกลับมามีกำไรในระดับสูงได้อีกเลย ผมคิดว่าถ้าหุ้นที่เราถืออยู่เป็นประเภท mega trend ว่าในอนาคตกำไรจะโตต่อเนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปหรือจากเหตุผลอื่นๆ ถ้าเราซื้อในราคาไม่แพง หุ้นเหล่านี้ การ cut loss อาจสร้างความผิดพลาดได้สูงเพราะสุดท้ายราคาหุ้นก็กลับมา
แต่ถ้าเป็นหุ้นเก็งกำไรหวือหวาตามข่าว หุ้นแนวนี้ถ้าไม่ cut loss มีโอกาสเสียหายหนัก
ข้อสรุปของผมคือ การจะ cut loss หรือไม่ขึ้นอยู่กับประเภทของหุ้นและเหตุผลว่าตอนซื้อไปคาดหวังอะไรแล้วผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร
ที่มา : https://hongvalue.wordpress.com/