เมื่อ Social Media นำพาสู่ยุค Social Trading

ประมาณ 1 ทศวรรษแล้วที่พฤติกรรมการอ่านของคนเปลี่ยนแปลงไป เมื่อเรามี Social Media Platform อย่าง facebook twitter หรือ pinterest ซึ่งสร้างพฤติกรรมให้เราสนใจในความเป็นไปของคนรอบ ๆ ตัวเรามากขึ้น การได้เปิดดู news feed ของเพื่อนสนิท กลับเป็นสิ่งที่เราสนใจมากกว่าการอ่านหนังสือ การได้อ่านข่าวที่คนที่เราชื่นชอบหยิบมา tweet ดูจะน่าสนใจกว่าการเปิดเวบสำนักข่าวต่าง ๆ ด้วยตัวเอง

ความเชื่อก็เช่นกัน เราทุกคนมีบุคคลที่เรายกย่อง ชื่นชอบ ในที่นี้ผมขอเรียกว่า Online Influencer และเราก็ติดตามคนเหล่านั้นผ่านทาง Social Media ต่าง ๆ สิ่งที่ Online Influencer เหล่านั้นสื่อสารออกมามักจะมีอิทธิพลต่อเราไม่มากก็น้อย ส่วนตัวผมมองว่าการเกิดขึ้นของ Social Media ทำให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเชื่อ มุมมองของ Online Influencer มากกว่าที่จะเชื่อในสิ่งที่แต่ละ Brand พยายามสื่ออกมาซะอีก

นอกจากอิทธิพลของ Online Influencer แล้ว User Generated Content (UGC) ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนสมัยนี้ใช้เวลากับมันมาก ๆ ตัวอย่างเช่น facebook มีความเป็น UGC คือให้แต่ละคน แต่ละ Page ทำการโพสต์เนื้อหาของตัวเอง หรือเวบ Pantip ก็เป็นเวบบอร์ดที่มีไว้ให้คนไทยตั้งกระทู้ คอมเมนท์เรื่องราวต่าง ๆ กัน ซึ่งทุกวันนี้เราใช้เวลาจำนวนมากในการค้นคว้าสิ่งต่าง ๆ จาก UGC ยกตัวอย่างเช่นจะไปโรงพยาบาลหาหมอ ก็มักจะไปถามไถ่คุยกันในพันทิพย์ว่าโรงพยาบาลนั้น แผนกนั้นดีมั้ย เป็นต้น

สู่ยุค Social Trading

ในโลกของการลงทุน ที่ผ่านมา การตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนมักจะมาจากการอ่านบทวิเคราะห์ของโบรคเกอร์ หรือเป็นการรับคำแนะนำจากมาร์ประจำตัวเป็นหลัก หรือถ้าเป็นกองทุนรวมก็เป็นการรับคำแนะนำจากสาขาของธนาคารที่ไปใช้บริการ ทุกวันนี้การซื้อขายออนไลน์ทั้งหุ้นและกองทุนต่างได้รับความนิยมมากขี้นเรื่อย ๆ การเสพย์ Social Media ต่าง ๆ เช่นห้องไลน์คุยหุ้น facebook page และ group ด้านการลงทุน เริ่มมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ จากเมื่อก่อนที่คอยติดตามว่าแต่ละโบรคเกอร์เชียร์หุ้นอะไร ก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นติดตามกูรูที่เราชื่นชอบว่าแนะนำอะไรไปแทน แม้ในทางกฎหมายสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจไม่ถูกต้องตามกฎหมายนัก แต่ในโลกของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Disruption) บ่อยครั้ง รูปแบบของพฤติกรรมซึ่งนำไปสู่บริการใหม่ ๆ บางทีเกิดขึ้นนำหน้ากฎหมายได้เช่นกัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคงหนี้ไม่พ้นกรณีของ Uber

ตามนิยามของ Wikipedia คำว่า Social Trading หมายถึง กระบวนการที่นักลงทุนตัดสินใจลงทุนโดยอิงจากจาก UGC บนโลกออนไลน์เป็นหลักในการตัดสินใจลงทุน จากเดิมที่การลงทุนของนักลงทุนจะอิงจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคของตัวเองหรือบทวิจัย การตัดสินใจลงทุนก็เปลี่ยนมาเป็นการนำเอาความคิดของคนอื่น หรือข้อสรุปรวมของมวลชน มาประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย

Copy Trade

หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนในปัจจุบันคือ Copy Trade คือการที่เราสามารถเลือกที่จะจัดพอร์ตตามกูรู หรือเพื่อน ๆ บนโลกออนไลน์ที่เราชื่นชอบได้ ตัวอย่างเช่น eToro Pepperstone FXCM ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนใน Managed Account ซึ่งเป็นการมอบอำนาจการตัดสินใจส่งคำสั่งซื้อขายพอร์ตหุ้นของเราให้กับระบบ Social Trading เพื่อจะทำการ Copy Trade ตาม Guru ที่เราต้องการนั่นเอง

Investment UGC และกระบวนการเรียนรู้ของนักลงทุน

มี Social Trading Platform อีกชนิดที่เน้นเรื่อง User Generated Content (UGC) เป็นหลัก คือการที่ให้นักลงทุนรวมตัวกันเป็นสังคมออนไลน์และแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวคิด ไอเดียการลงทุนระหว่างกัน ตัวอย่างเช่น Tradingview ซึ่งกลายเป็นเวบไซต์ Social Trading ที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกไปแล้วในชั่วโมงนี้

ส่วนตัวผมมองว่า Social Trading Platform ชนิดที่นำด้วย Investment UGC นี้จะเป็นตัวส่งเสริมให้นักลงทุนได้เรียนรู้ และเข้าใจการลงทุนที่ดีมาก ๆ กว่าที่เคยมีมา เพราะแท้จริงแล้วการจะประสบความสำเร็จเรื่องการลงทุนไม่ได้อยู่ทีการศึกษาด้วยการอ่านหรือฟังความเห็นของคนอื่นเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การที่นักลงทุนแต่ละคนได้ฝึกฝน ได้ลองวิเคราะห์ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักลงทุนคนอื่น ๆ และนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งทุกวันนี้พฤติกรรมเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว เห็นได้ชัดในห้องไลน์ และกลุ่ม facebook ด้านการเงินการลงทุนต่าง ๆ ที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน และผมเชื่อว่ารูปแบบการลงทุนของคนไทยจะเปลี่ยนไปในทาง Social Trading มากขึ้นเรื่อย ๆ จากนี้ต่อไปครับ

FundTalk รายงาน

TSF2024