Bottom-up SPACE คือแนวคิดการสร้างพื้นที่ด้านการลงทุนด้วยตัวคนเอง โดยเราเชื่อว่า การวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเอง ตัดสินใจซื้อขายด้วยตัวเองเท่านั้นที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จในการลงทุนได้ โครงการนี้มีจุดประสงค์ในเรื่องของการศึกษา เป็นการที่ผู้สนใจในโครงการลองฝึกวิเคราะห์การลงทุนในหุ้น ไม่ได้เป็นการชี้นำ หรือเป็นการกำหนดมุมมองที่มีต่อหุ้น เราเชื่อว่าการเข้าฟังสัมมนา เรียนในห้องเรียนช่วยได้ส่วนหนึ่ง แต่การลงมือทำจริง ฝึกจริง วิเคราะห์จริงเท่านั้น ที่จะช่วยให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการลงทุนได้อย่างแท้จริง สำหรับท่านที่สนใจเพียงค้นหาคำว่า “SPACE by FINNOMENA” ในเฟสบุ๊ค เรากำลังจะเปิดรับ SPACER รุ่นต่อไปเร็ว ๆ นี้ครับ

คุณ Tai TaiSukit ซึ่งเป็นหนึ่งใน SPACER รุ่นแรกได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างกรณีศึกษาคือบริษัทการบินไทยซึ่งหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาขาดทุนถึงปีละนับหมื่นล้านบาท จนหลาย ๆ คนก็มีแอบคิดบ้างเหมือนกันว่าในระยะยาวสายการบินแห่งชาติของเราจะไปรอดหรือไม่ จนล่าสุดผู้นำองค์การได้ประกาศแผนปฏิรูปองค์กร เรามาดูส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์กันครับว่าคุณ Tai TaiSukit เห็นประเด็นอะไรในบริษัทนี้ (ฉบับเต็มดูกันได้ในเฟสบุ๊ค)

1.) ช่วงปีหลังๆ การบินไทยขาดทุนอย่างหนัก

ทั้งที่ แต่ก่อนเคยเอารายได้เข้ารัฐมาก เป็นสายการบินตัว Top ปัญหามาจากหลายๆส่วน หนึ่งในนั้น ก็เพราะ อุตสาหกรรมการบินเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เช่น การเกิดศูนย์กลางการบินในตะวันออกกลาง และการรุกหนักของ Low cost airline

2.) เรื่องประสิทธิภาพ ในการควบคุมต้นทุน

ซึ่งเป็นภาระใหญ่ของปี 2559 โดยตั้ง Bench mark กับสายการบินต่างชาติ เช่นการลดขั้นตอน และเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน ปกติต้นทุนประมาณ 1 แสนล้าน ลดได้ 10-20% ก็จะนำมาซึ่งกำไร

3.) ด้านรายได้ ก็ต้องขายให้เก่งขึ้น

เริ่มจากการวางแผนเส้นทางบน network และระบบ computer ใหม่ จะทำให้ มีประสิทธิภาพสูงขึ้น 2-5% ปกติธุรกิจการบิน margin มีแค่ 3% โดยเฉลี่ย

4.) การพัฒนาบุคคล

คุณจรัมพร ได้มีการจ้าง ทีมผู้บริหารจากภายนอก เช่น ฝั่ง operation ก็จ้างฝรั่งจากสายการบินต่างชาติ CFO ก็จ้างคนจากอุตสาหรกรรม Bank เป้าหมายคือเอาคนเก่งๆ ข้างนอก เข้ามาสอนคนภายใน พัฒนาบุคลากร สู้ต่างชาติได้

5.) เมื่อเทียบจากหลายๆสายการบิน

ผมนั่งอ่านเทียบหลายๆสายการบิน สรุปได้ว่า ตอนนี้ Business class ของ THAI เรากลับมาแล้ว ทั้ง review ไทย และ ต่างชาติ เขียนไปในทิศทางที่ดี และมีคะแนนประเมิณความพึงพอใจที่สูงขึ้นมาก

6.) การขายเครื่องบินที่ปลดประจำการและไม่ได้ใช้งาน

ซึ่งขายไปแล้ว 24 ลำ ทำให้ปัจจุบันการบินไทยมี เครื่องเหลือเพียง 7 ประเภท 11 แบบ ซึ่งถือว่ายังสูงอยู่ แต่ถ้าปีนี้ขายจนหมดจะใกล้กับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมมากขึ้น

7.) ผมไม่ได้มอง THAI เป็น หุ้น Growth stock

แต่ มองเป็นหุ้น Turn around ที่น่าลงทุนในช่วง 1-2 ปีนี้ จากการที่จริงๆ ธุรกิจมี Brand และทรัพยากรที่ดี แต่บริหารผิดพลาด จนราคาหุ้นร่วงลงต่ำลงมา สำหรับความเห็นของผม THAI ภายใต้การบริหารของคุณจรัมพรชุดนี้ เป็นบริษัทที่น่าจะดีต่อไป และกลับมาแข่งขันในตลาดการบินได้อย่างยั่งยืนครับ

คุณ Tai TaiSukit วิเคราะห์ได้อย่างน่าสนใจ โดยสิ่งสำคัญสำหรับการวิเคราะห์หุ้น Turnaround คือ Turning point หรือจุดเปลี่ยนของบริษัทที่จะทำให้พลิกฟื้นจากการขาดทุนได้ สำหรับกรณี THAI ยังมีประเด็นเรื่องของการลงบัญชีที่มีความซักซ้อน รวมถึงผลกระทบของการป้องกันความเสี่ยงอัตราน้ำมัน รวมไปถึงการจะกลับมาแข่งขันได้ในอุตสาหกรรม เพราะยังพิสูจน์ไม่ได้ครับว่าประสิทธิภาพของ THAI นั้นกลับมาสู้กับคู่แข่งได้แล้วอย่างแท้จริง โดยรวมผมมองว่าเป็นการวิเคราะห์ที่ดี และน่าสนใจทีเดียวครับ

FundTalk รายงาน

ที่มาบทความ : http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/638565