เป็นที่น่าคับอกคับใจไม่น้อยที่ประเทศไทยแทบจะไม่มี Brand สินค้าเป็นของตนเอง ตั้งแต่ในยุคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ ไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างขนมขบเคี้ยว หรืออาหาร พอมาถึงยุคดิจิทัล ลองเปิดโทรศัพท์มือถือในมือท่านดูสิครับ แทบจะไม่มีแอพที่เป็นของไทยเลย เวลาเกือบสิบชั่วโมงต่อวันของเราใช้ไปกับ Youtube Facebook LINE Google Shopee Lazada เป็นต้น
ต่างกับหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีสตาร์ทอัพหลายรายที่สร้างผลิตภัณฑ์และบริการในโลกออนไลน์เป็นที่นิยมของคนในประเทศเป็นจำนวนมาก เช่น Wechat, Alibaba ของจีน, Gojek Tokopedia ของอินโดนีเซีย, Grab SEA (Shopee) ของสิงค์โปร์เป็นต้น
มาในวันนี้ LINE ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นแชทยอดนิยมของคนไทย ด้วยผู้ใช้งานประมาณ 44 ล้านคน ซึ่งโดยเฉลี่ยใช้เวลาอยู่กับไลน์ถึงประมาณ 1 ชั่วโมงต่อวัน LINE ได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะร่วมเป็นกำลังสำคัญในการสร้าง Startup Unicorn สัญชาติไทย ซึ่งหมายถึงบริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญขึ้นไปให้ได้เป็นครั้งแรก โดยได้จัดโครงการ LINE ScaleUP เพื่อเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพไทยได้ขยายโปรดักส์ของตนเองสู่แพลตฟอร์ม LINE
โครงการ LINE ScaleUP เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพที่ผ่านเข้าร่วมโครงการสามารถขยายธุรกิจผ่าน feature ที่คนไทยใช้กันทั้งประเทศทั้ง LINE Official Account, LINE MAN, Rabbit LINE PAY, LINE TV, LINE Today และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งแน่นอนจะทำให้บริษัทสตาร์ทอัพไทยมีโอกาสที่จะเข้าถึงฐานลูกค้านับสิบล้านคนทั่วประเทศ
สำหรับโครงการ LINE ScaleUP ปี 2562 นี้มีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 6 บริษัท ได้แก่ FINNOMENA (แนะนำการลงทุนด้วยเทคโนโลยี Robo-advisor), Claimdi (เคลมประกันรถยนต์), Gowabi (จองสปาและร้านเสริมสวย), Choco CRM (ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า), Tellscore (แพลตฟอร์ม Micro-influencer) และ Seekster (หาพนักงานทำความสะอาด และบำรุงรักษาบ้าน คอนโด สำนักงาน)
โครงการ LINE ScaleUP นั้นไม่ได้จัดเป็น Accelerator แต่มีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการ Scale UP แต่ละธุรกิจให้เติบโตโดยอาศัยฐานผู้ใช้งานของไลน์ ซึ่งมีตั้งแต่การจัด Tech Session แบบตัวต่อตัวเพื่อพัฒนา LINE Messaging API และเทคโนโลยีต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มไลน์ ไปจนถึงการ train อย่างเข้มข้นในเรื่องของ User Experience, Unit Economics และการระดมทุน
ภาพที่ 1: UNICORN TRIP IN KOREA (16 – 20 September 2019)
ไฮไลท์ที่สำคัญของโปรแกรมนี้อีกหนึ่งอย่างก็คือ Unicorn Trip ซึ่งนำทีมโดย คุณ Jayden Kang, Chief Strategy Officer & Head of LINE MAN และทีมงานระดับพระกาฬได้แก่ คุณ Kim และคุณนิงค์ จากบริษัทไลน์ (ประเทศไทย) ซึ่งได้พาสตาร์ทอัพทั้ง 6 ทีมบินตรงไปดู Unicorn Startup ที่ประสบความสำเร็จในประเทศเกาหลีเป็นเวลา 5 วันเต็ม ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้มองเห็นกรณีความสำเร็จในการสร้าง Unicorn และนำกลับมาประยุกต์กับธุรกิจของตนเอง
สตาร์ทอัพทั้ง 6 ทีมได้มีโอกาสเยี่ยมชม Office Head Quarter ของ LINE และ NAVER ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของไลน์ โดยเฉพาะ NAVER ซึ่งตั้งอยู่ในอาคาร Green Factory ย่าน Seongnam-si ซึ่งมีพนักงานทำงานอยู่กว่า 3 พันคน ที่ Green Factory นั้นมีการออกแบบพื้นที่ที่เอื้อให้เกิดนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการสร้างพื้นที่เพื่อทำให้พนักงานอยู่อย่างมีความสุขมากที่สุด ซึ่งเมื่อพนักงานมีความสุขก็จะสร้างผลิตภัณฑ์และบริการให้ลูกค้ามีความสุข สร้างรายได้และกำไรให้ผู้ถือหุ้นมีความสุขในที่สุดนั่นเอง
ภาพที่ 2: สมาชิก Unicorn Trip ถ่ายรูปร่วมกับ Brown ขนาดยักษ์ที่บริษัทไลน์ (สำนักงานใหญ่)
ใน Unicorn Trip ครั้งนี้ยังเป็นโอกาสที่สตาร์ทอัพบ้านเราได้ไปพบปะบริษัทยูนิคอร์นที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศเกาหลีอย่าง KRAFTON GAME UNION ซึ่งเป็นสตูดิโอผลิตเกมระดับ 1 ใน 5 ของโลกผู้ผลิตเกมยอดนิยมอย่าง PUBG และอีกหลาย ๆ เกมที่มีความนิยมไปทั่วโลก ซึ่งการวางโครงสร้างองค์กรเพื่อสร้างนวัตกรรมเกมนั้นมีความลึกซึ้งมากทีเดียว มีการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (ลองดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krafton.com)
อีกบริษัทที่เหล่าสตาร์ทอัพไทยได้ไปเยี่ยมชมในครั้งนี้คือ Woowa Brothers (https://www.woowahan.com/) ซึ่งเป็นสตาร์อัพยูนิคอร์นที่ทำธุรกิจส่งอาหารคล้าย ๆ LINE MAN, GRAB FOOD ที่นิยมในบ้านเรา โดย Woowa Brothers นั้นครองตลาดกว่า 2 ใน 3 ของธุรกิจส่งอาหารในเกาหลี โดยบริษัทนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจมากในการทำ Customer Experience ที่สุดยอดครองใจคนทั้งประเทศเกาหลี และสามารถอยู่ได้บนจุดแข็งของตัวเองโดยไม่ต้องมีความเป็น Super App เหมือนกับแอพส่งอาหารของหลายประเทศ
สุดท้ายคือการได้พบปะกับนักลงทุน VC ชั้นนำของเกาหลีใต้ ซึ่งงานนี้ทางทีมงาน LINE ScaleUp ได้จัดให้สตาร์ทอัพไทยได้มีโอกาสได้ pitching ต่อหน้า VC ชั้นนำ สร้าง network และโอกาสในการระดมทุนจากนักลงทุนชั้นนำในระดับภูมิภาค เรียกได้ว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ใน Unicorn Trip ที่ผ่านมา
ผู้เขียนเชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงส่งที่สำคัญที่จะช่วยพัฒนา Startup Ecosystem ของประเทศไทยให้แข็งแรงขึ้น ทำให้บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติไทยมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นแบรนด์ชั้นนำที่คนไทยส่วนใหญ่เลือกใช้ รวมไปถึงการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศให้คนไทยได้ภูมิใจในนวัตกรรมที่เกิดขึ้นโดยบริษัทไทยต่อไป
FundTalk รายงาน
ที่มาบทความ: http://inews.bangkokbiznews.com/read/382991