เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว วงการกองทุนรวมไทยได้เคยสร้างปรากฎการณ์ Kimji Bond Fever โดยมีเม็ดเงินลงทุนในกองทุนตราสารหนี้เกาหลีใต้สูงถึงกว่า 4 แสนล้านบาท กลายเป็นประเทศที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้สูงที่สุดในโลก กลับมาในปีนี้เริ่มจะได้เห็นกันอีกครั้งกับกองทุนที่ลงทุนในประเทศเกาหลีใต้ แต่รอบนี้เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นประเทศเกาหลีใต้ครับ
เกาหลีใต้มีดีอย่างไร
ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่มีประชากรเพียง 50 ล้านคน บนคาบสมุทรเกาหลีที่มีขนาดเล็ก ๆ มีทรัพยากรธรรมชาติไม่มากนักกลับมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 12 ของโลก และมีทุนสำรองระหว่างประเทศใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก จุดแข็งของประเทศเกาหลีใต้อยู่ที่ความเป็นผู้นำด้านด้านเทคโนโลยีที่มีความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก ยกตัวอย่างเช่นตลาด Smartphone ซึ่งปี 2556 ทำยอดขายไปประมาณ 1 พันล้านเครื่องตกเป็นของผู้นำอย่าง Samsung ที่ทำยอดขายได้เกือบ 1 ใน 3 ของตลาด มากกว่าจำนวนขายของ Apple ไปกว่าเท่าตัว เช่นเดียวกับอีกหลายอุตสาหกรรม อย่างเช่นอุตสาหกรรมรถยนต์ของเกาหลีที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนขึ้นมาเป็นอันดับ 5 ของโลก อุตสาหกรรมต่อเรือเพื่อการพาณิชย์ที่เกาหลีใต้ครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 50%
ประเทศแห่งนวัตกรรม
เกาหลีใต้เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศผ่านนวัตกรรมใหม่ภายใต้มาตรการ 3-Year Economic Innovation Plan เน้นการทำวิจัยโดยตั้งเป้างบการทำวิจัยสูงถึง 5% ของขนาดเศรษฐกิจซึ่งหากทำได้จริงจะกลายเป็นประเทศที่มีการลงทุนทางด้านของการวิจัยเพื่อการพัฒนาในสัดส่วนที่สูงที่สุดในโลก ผลลัพธ์ของการทำวิจัยอย่างเข็มข้นจึงนำมาซึ่งความเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจในหลายอุตสาหกรรม นับตั้งแต่เรื่องสินค้าเทคโนโลยีที่ได้กล่าวในข้างต้น ไปจนถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่นอุตสาหกรรมบันเทิงที่ทำรายได้เข้าประเทศถึงกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯต่อปี อุตสาหกรรมการแพทย์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
LINE by NAVER
หลาย ๆ คนอาจเข้าใจว่าบริษัท LINE Corporation เป็นบริษัทญี่ปุ่น เพราะถ้าดูจากสติ๊กเกอร์ LINE ส่วนใหญ่จะเป็นการ์ตูนญี่ปุ่น นี่เป็นอีกตัวอย่างของการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจผ่าน “นวัตกรรม” ครับ แท้ที่จริงแล้วบริษัท LINE มีบริษัทแม่เป็นบริษัทเกาหลีใต้ แต่ผลจากการทำวิจัยพบว่าการทำให้รูปลักษณ์ของโปรแกรมออกมาเป็นหน้าตาแบบญี่ปุ่นจะสามารถจับตลาดได้ดีกว่า ซึ่งผลลัพธ์คือการเติบโตของยอดผู้ใช้งาน LINE ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 300 ล้านคนทั่วโลกในปัจจุบัน และครองส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1 ทั้งนี้ ล่าสุดมูลค่ากิจการของบริษัท Naver Corp ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ LINE Corporation สูงถึงกว่า 8 แสนล้านบาทในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ มากกว่ามูลค่ากิจการของ Whatsapp ที่ทาง Facebook ซื้อไปที่มูลค่าประมาณ 6 แสนล้านบาทในช่วงต้นปี 2556 ที่ผ่านมา
ปัญหาเกาหลีเหนือ/ใต้ที่เริ่มคลี่คลายลง
หลาย ๆ คนอาจเป็นกังวลเรื่องปัญหาเกาหลีเหนือใต้ที่มีมานาน แต่พัฒนาการล่าสุดคือความพยายามของประธานธิบดีพาร์คแห่งประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีความคิดเรื่อง “Reunification” คือการกลับมาเป็นพันธมิตรกันระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งเกาหลีใต้มีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยี เงินทุน ขณะที่เกาหลีเหนือมีจุดแข็งในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ และแรงงานราคาถูก ผู้เขียนมองว่าการกลับมาเป็นพันธมิตรกันโดยสมบูรณ์ระหว่าง 2 ประเทศไม่น่าจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วนัก อย่างไรก็ตามพัฒนาการดังกล่าวน่าจะลดความขัดแย้ง และลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงระหว่าง 2 ประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคตข้างหน้า
ความน่าสนใจของตลาดหุ้นเกาหลีใต้
ปัจจุบันตลาดหุ้นเกาหลีทำการซื้อขายที่ระดับ P/E ประมาณ 9 เท่า ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของกำไรของตลาดหุ้นสูงถึงประมาณ 15 – 20% ทั้งนี้ผู้เขียนมองว่าการลงทุนในประเทศเกาหลีในระยะ 1 ปีข้างหน้าน่าจะเป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนจากการเติบโตที่ดีของกำไรของบริษัทจดทะเบียนฯของเกาหลีใต้ นอกจากนี้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ยังมีโอกาสที่จะทำการซื้อขายในระดับ P/E ที่สูงขึ้นเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะ 1 – 2 ปีถัดจากนี้ ซึ่งหากเราดูตัวอย่างในช่วงปี 2006 – 2007 ที่ผ่านมา ค่า P/E ของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ก็ได้เคยปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 9 เท่าเป็น 15 เท่าเช่นเดียวกับวัฏจักรเศรษฐกิจโลกขาขึ้นในรอบที่แล้ว ทั้งหมดก็เป็นเรื่องราวการกลับมาอีกครั้งของกองทุนกิมจิที่นำมาเล่าในวันนี้ครับ