สวัสดีปีใหม่ครับ หลังจากที่ได้เขียนบทความเรื่อง “ปรับพอร์ตรับการเปลี่ยนขั้ว QE ปีแพะ 2558 (หาอ่านได้ที่ http://fundmanagertalk.com)” ไปในฉบับที่แล้ว วันนี้ผมจะขอเล่าถึงแนวโน้ม และปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ต้องติดตามในปี 2558 หรือที่เรียกกันว่า Investment Theme ครับ
การย้ายความมั่งคั่งจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคน้ำมัน
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงถึงประมาณ 50% ในปี 2557 หากแนวโน้มราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับต่ำแบบนี้ แน่นอนว่าผู้เสียประโยชน์คือผู้ผลิตน้ำมันที่ย่อมมีกำไรน้อยลงอย่างเช่นประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง หรือประเทศรัสเซียที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในปัจจุบัน ขณะที่ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันมาก ๆ ย่อมได้ประโยชน์ เช่นประเทศในเอเชียอย่าง ไทย เกาหลีใต้ อินเดีย ซึ่งผู้เขียนมองว่าอินเดียอยู่ในสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดเพราะนอกจากจะได้ประโยชน์จากการบริโภคน้ำมันที่ราคาถูกลงแล้ว ปัญหาเรื้อรังเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของอินเดียก็ลดลงด้วยทำให้ความผันผวนในตลาดเงินตลาดทุนลดลง หากมองประเด็นในเรื่องของน้ำมันที่มีต่อรายกลุ่มอุตสาหกรรม แน่นอน การที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมาก ๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อกลุ่มพลังงาน ผู้ผลิตน้ำมัน ผู้ขุดเจาะน้ำมัน โดยเฉพาะผู้ผลิตน้ำมันที่ต้นทุนสูง นอกจากนี้การที่ราคาน้ำมัน และราคาโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ยังส่งผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมวัฏจักร (Cyclical) ที่รายได้อิงกับราคาโภคภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ อย่างกลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มสินค้าเกษตร กลุ่มสินแร่ต่าง ๆ ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงจะส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคมีมากขึ้นส่งผลบวกต่อกลุ่มค้าปลีก ต้นทุนการผลิตที่ลดลงในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และรับเหมาก่อสร้างก็ย่อมได้รับอานิสงส์เช่นเดียวกัน ดังนั้นท่านนักลงทุนควรจับตาการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดในการลงทุนปีนี้ หากราคาน้ำมันกลับทิศฟื้นตัวขึ้นแรง ๆ แน่นอนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบไปก่อนหน้านี้น่าจะฟื้นตัวได้แรงเพราะปรับตัวลดลงไปมากแล้ว ในทางกลับกันหากราคาน้ำมันยังลงแรงต่อไปอีก อาจเกิดความเสียหายต่อบางประเทศที่พึ่งพาน้ำมันมาก ๆ อย่างรัสเซีย หรือบริษัทที่ผลิตน้ำมันที่มีต้นทุนสูงอาจประสบปัญหาทางการเงินได้
ความผันผวนในตลาดการเงินโลกจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของอเมริกา
เป็นที่ค่อนข้างชัดเจนสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปัจจุบันตลาดมองว่า FED จะทำการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2558 การขึ้นดอกเบี้ยของอเมริกาขณะที่ดอกเบี้ยยุโรป และญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับต่ำส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ปัจจุบัน FED ได้ให้แนวทางกับนักลงทุนว่าดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ จะทยอยปรับเพิ่มขึ้นจาก 0.125% ในปัจจุบันเป็น 1.125% ในสิ้นปี 2558 และเพิ่มเป็น 2.5% ณ สิ้นปี 2559 โดย FED คาดว่าจะเริ่มปรับเพิ่มดอกเบี้ยประมาณกลางปี 2558 ผู้เขียนมองว่ายิ่งใกล้กลางปี 2558 เท่าไร ความผันผวนในตลาดการลงทุนทั้งค่าเงิน และตลาดหุ้นก็จะยิ่งมีมากขึ้น หากกรณีที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ร้อนแรงกว่าที่คาด หรือเงินเฟ้อเพิ่มสูงกว่าที่คาด อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจเพิ่มมากกว่าที่ FED คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะทำให้ตลาดมีความผันผวนมากขึ้นไปอีก ในอีกกรณี หากเงินเฟ้อยังต่ำต่อเนื่อง และเศรษฐกิจค่อย ๆ ฟื้นตัว ทาง FED ก็จะทยอยปรับเพิ่มดอกเบี้ยไปอย่างที่คาดการณ์ไว้และตลาดลงทุนก็จะผันผวนไม่มากนัก โดยสรุปในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 น่าจะเหมาะกับการจัดพอร์ตแบบสมดุล เช่นการลงทุนใน Balanced fund หรือ Multi-Asset Strategy ยังไม่ควรลงทุนเสี่ยงมากจนเกินไปจนกว่าจะเห็นความชัดเจนในประเด็นเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ว่าจะขึ้นช้าเร็วแค่ไหน
ปีแห่งการปฏิรูปในเอเชีย
จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลี รวมถึงประเทศไทยต่างมีวาระในการปฏิรูปทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่ประเทศจีนที่มีแนวทางในการปรับสมดุลเศรษฐกิจจากการพึ่งพาการลงทุน มาเป็นการพึ่งพากำลังซื้อของคนในประเทศมากขึ้น รวมถึงการเปิดเสรีเงินหยวนและวางเป้าให้เงินหยวนเป็นเงินสกุลหลักอีกสกุลหนึ่งของโลก นอกจากนี้ยังมีนโยบายในการขยายตัวของชุมชนเมืองไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ มากขึ้น (Urbanization) ส่วนในประเทศอินเดีย รัฐบาลใหม่ของนายโมดิพยายามที่จะผ่อนคลายกฎเกณฑ์ขั้นตอนต่าง ๆ ให้เอื้อกับการลงทุนมากขึ้น รวมถึงการปฏิรูปพลังงาน ปฏิรูปที่ดิน ปฏิรูปแรงงาน ฯลฯ หากการปฏิรูปมีความคืบหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ จะเป็นตัวดึงดูเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่อินเดียอย่างแน่นอน ในประเทศอินโดนีเซีย ประธานธิบดี โจโกวี ก็ทำการปฏิรูปพลังงาน ลดเงินอุดหนุนพลังงานเพื่อเปลี่ยนไปเป็นเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ในเกาหลีใต้เองก็มีความพยายามปรับปรุงเรื่องธรรมาภิบาลของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ให้มีการคงเงินในกิจการให้น้อยลง ให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นโดยการเพิ่มอัตราเงินปันผล หรือแม้กระทั่งการปรับโครงสร้างการถือหุ้น โดยสรุป ความคืบหน้าในเรื่องการปฏิรูปในเอเชียจะเป็นอีกประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจในปี 2558 ความสำเร็จ หรือความล้มเหลวในการปฏิรูปของแต่ละประเทศจะส่งผลต่อผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งหมดก็เป็น 3 ธีมการลงทุนที่น่าสนใจในปี 2558 ที่นำมาฝากกันในวันนี้ครับ