1-2 ปีหลังมานี้การจัดพอร์ตได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่เห็นนักลงทุนบ้านเราเมื่อก่อนนิยมชอบซื้อกองทุนทีละกองตามสาขาของธนาคาร ก็เห็นพฤติกรรมการซื้อกองทุนทีละหลายๆ กองจัดเป็นพอร์ตโดยรับคำแนะนำ จากผู้แนะนำการลงทุน (Investment Advisor) การจัดพอร์ตลงทุนนั้นสามารถทำได้หลายแนวทางแต่ที่เห็นกันบ่อยๆ ก็คือการจัดพอร์ตแบบเน้นสร้างรายได้ (Income Portfolio) กับการจัดพอร์ตแบบเน้นเติบโต (Growth Portfolio)
การจัดพอร์ตแบบเน้นสร้างรายได้ (Income Portfolio)
เป็นการจัดพอร์ตที่ได้รับความนิยมสูงมาก เพราะนักลงทุนจำนวนมากชื่นชอบ “รายได้” จากการลงทุน รายได้ในที่นี้มาได้จากหลายชนิดสินทรัพย์ เช่นเงินปันผลจากหุ้น ดอกเบี้ยรับจากตราสารหนี้ ค่าเช่ารับจาก REITs เป็นต้น การจัดพอร์ตสไตล์ Income มักจะมีการกระจายการลงทุนในหลายชนิดสินทรัพย์ ถ้าเป็นหุ้นก็จะเน้นหุ้นปันผลสูง ซึ่งมักจะเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการเติบโตปานกลางและโตสม่ำเสมอมีระดับ Valuation ไม่แพงมาก จึงมีอัตราเงินปันผลที่สูง ณ วันนี้ที่ดอกเบี้ยธนาคารอยู่ที่ประมาณ 1% หุ้นปันผลสูงจะให้ระดับอัตราเงินปันผลอยู่ที่เฉลี่ย 3-5%
อีกสินทรัพย์หลักของพอร์ตสไตล์ Income คือกองทุนอสังหาฯ และโครงสร้างพื้นฐาน คือการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดเช่นอาคารสำนักงานห้างสรรพสินค้าโรงไฟฟ้าโรงงานให้เช่า เป็นต้น โดยกองทุนชนิดนี้จ่ายเงินปันผลในอัตราเฉลี่ย 5-7% ในปัจจุบัน นอกจากนี้ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการจัดพอร์ตสไตล์สร้างรายได้นี้คือตราสารหนี้ภาคเอกชน เนื่องจากตราสารชนิดนี้มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝาก และสูงกว่าดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล เมื่อนำหลายชนิดสินทรัพย์มาจัดพอร์ตรวมกัน ณ วันนี้พอร์ตสไตล์ Income จะสร้างกระแสเงินสดให้กับนักลงทุนได้ประมาณ 4-5% ต่อปี ซึ่งจัดว่าสูงกว่าดอกเบี้ยธนาคารมากทีเดียว
การจัดพอร์ตแบบเน้นการเติบโต (Growth Portfolio)
การจัดพอร์ตแบบเน้นการเติบโต จะเน้นการลงทุนในหุ้นในสัดส่วนที่สูงและเน้นไปที่หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตสูงกว่าตลาด ซึ่งมักจะเป็นหุ้นที่ P/E สูงอัตราเงินปันผลต่ำ โดยเน้นสร้างผลตอบแทนการลงทุนจากกำไร (Capital Gain) เป็นหลัก หรือถ้าเป็นกองทุนก็จะเป็นการลงทุนที่เน้นธีมการลงทุนที่เป็น Mega Trend เช่น หุ้นเทคโนโลยี หุ้นตลาดเกิดใหม่ที่เศรษฐกิจเติบโตสูง เช่น อินเดีย เวียตนาม เป็นต้น ถ้าเป็นการลงทุนในกองทุนอสังหาฯ และโครงสร้างพื้นฐานก็จะเน้นที่กองทุนที่มีแนวโน้มค่าเช่าเติบโตสูง โดยมักจะเป็นกองทุนที่มีอัตราปันผลที่ต่ำกว่า แต่ราคาวิ่งแรงกว่า
โดยสรุปการจัดพอร์ตแบบเน้นการเติบโตจะได้ Yield ที่ต่ำแต่เน้นไปที่การเติบโตของกำไรและสร้างผลตอบแทนในรูปส่วนต่างกำไรจากการลงทุน สไตล์การลงทุนชนิดนี้จะมีความผันผวนสูง ในขณะเดียวกันถ้าลงทุนได้ถูกจังหวะที่ดีก็สามารถสร้างกำไรได้ในระดับที่สูงมากเช่นกัน
เลือกพอร์ต Income หรือ Growth ดี?
พอร์ตสไตล์ Growth มักจะทำผลงานได้ดีในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเติบโตสูง ทำให้ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นและหุ้นสไตล์ Growth สามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ ขณะที่พอร์ตสไตล์ Income มักจะทำผลงานได้ดีในยามเศรษฐกิจโตน้อยหรือชะลอตัว ซึ่งตลาดหุ้นมักจะมีความผันผวนและดอกเบี้ยทรงตัวหรือปรับตัวลดลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ผู้เขียนกำลังเขียนบทความนี้ หากท่านผู้อ่านสนใจการลงทุนสไตล์เน้นที่เน้นสร้างรายได้ นอกจากลงแรงสร้างรายได้แล้วให้เงินลงทุนช่วยเราหารายได้เพิ่มอีกทาง สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/gif-private-banking/
FundTalk รายงาน
ที่มาบทความ: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/647025