ลองหลับตานึกภาพที่เวลาทำผิดกฎจราจร ธรรมเนียมป่วย ๆ ของคนไทยก็คือการเอาธนบัตรพับเป็นก้อนเล็ก ๆ ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ เพื่อจะไม่ต้องเสียค่าปรับ และยุ่งยากเสียเวลากับการไปโรงพัก แต่ถ้าเราไปถึงจุดที่การจ่ายค่าปรับทั้งหมด “ไม่ใช้เงินสด” เช่นจ่ายด้วย e-wallet หรือจ่ายผ่านแอพ Mobile Banking ของธนาคารต่าง ๆ เชื่อได้เลยว่าการติดสินบนเจ้าหน้าที่จะลดลงฮวบฮาบ เพราะถ้าเราจ่ายสินบนผ่านธุรกรรมออนไลน์ให้เจ้าหน้าที่ก็เท่ากับว่าเป็นการสร้างหลักฐานการทำผิดติดสินบนเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจน เด็ดมั้ยล่ะครับงานนี้
สังคมไร้เงินสด หรือ Cashless Society เป็นกระแสที่กำลังมาแรงมากชั่วโมงนี้ และที่โดนใจสุด ๆ ก็คือเจ้า Cashless Society นี้เป็นสิ่งที่มักจะวิ่งสวนทางกับการทุจริต ติดสินบนต่าง ๆ โดยยิ่งประเทศเข้าสู่สังคมไร้เงินสดมากเท่าไร การทุจริตคอรัปชั่นก็จะทำได้ยากขึ้นเท่านั้น
อีกตัวอย่างคือ ถ้าร้านค้าร้านรวงต่าง ๆ ต้องรับรายได้ทั้งหมดผ่านธุรกรรมอิเล็คทรอนิคส์แทนเงินสด จากเดิมที่ชอบโกงกันด้วยการให้บริษัทรับรายได้น้อย ๆ เพื่อเสียภาษีน้อย ๆ เวลาลูกค้าจ่ายมาเป็นเงินสดก็ไม่ออกบิลบ้าง หรือออกบิลที่ไม่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีบ้าง เวลาเจ้าพนักงานมาตรวจสอบก็ใช้การติดสินบนเพื่อให้ผ่านพ้นไปได้ แต่ถ้ารายได้ทั้งหมดต้องรับผ่านช่องทางออนไลน์ ก็จะเป็นตัวช่วยบีบให้เหล่าบริษัทต่าง ๆ ต้องรับรายได้ตามความเป็นจริงมากขึ้น ภาครัฐก็เก็บภาษีได้มากขึ้น และการติดสินบนเจ้าพนักงานน้อยลง
ในประเทศสวีเดน ปัจจุบันธุรกรรมที่ใช้เงินสดเหลือเพียง 5% ของธุรกรรมทั้งหมดไปแล้ว คำพูดที่เคยติดปากเวลากินข้าวว่า “คุณรับเครดิตการ์ดมั้ย” ทุกวันนี้กำลังเปลี่ยนเป็น “ที่ร้านรับเงินสดหรือไม่” เพราะหลาย ๆ ร้านค้าได้เลิกรับเงินสดไปแล้ว การโอนเงินให้ระหว่างกันคนสวีเดนจะใช้แอพที่ชื่อ Swish เช่น เวลามากินข้าวพร้อมกันแล้วอยากจะแชร์กันจ่ายเงินขณะที่ในฝรั่งเศสทุกวันนี้ถ้าจะทำธุรกรรมที่เกิน 1,000 ยูโรก็ห้ามใช้เงินสดในการทำธุรกรรมแล้ว
ถ้าวันหนึ่งรัฐบาลเลิกพิมพ์เงินสด สกุลเงินทางเลือก (Alternative Currency) น่าจะเข้ามาแทนที่ ยกตัวอย่างเช่นกรณีของประเทศกรีซที่มีการออกสกุลเงิน TEM ออกมาโดยรัฐบาล โดยสามาถใช้สกุลเงินดิจิตอลเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกด้วย โดยในประเทศกรีซได้มีการใช้สกุล TEM ได้เฉพาะในเมือง Volos โดยประชาชนแต่ละคนสามารถใช้ TEM ในการจับจ่ายใช้สอยได้ และแต่ละคนไม่สามารถถือได้มากกว่า 1,200 TEM จึงทำให้ประชาชนเร่งการจับจ่ายใช้สอย ถ้าหากต้องการได้รับ TEM เพิ่มจากรัฐบาล ส่งผลให้ร้านค้าต่าง ๆ ยอดขายมากขึ้น
นอกเหนือจากสกุลเงินทางเลือกเหล่านี้ Crypto Currency ก็น่าจะมีความนิยมมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งทุกวันนี้การใช้ Bitcoin หรือ Ethereum ในการจ่ายเงินก็เริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ
ล่าสุดนี้ที่ประเทศอินเดียเพิ่งออกมาตรการหนึ่งมาโดนใจมาก ๆ คือไม่อนุญาตให้จ่ายค่าปรับการผิดกฎจราจรด้วยเงินสดอีกต่อไป ให้จ่ายผ่านทางเดบิต หรือเครดิตการ์ดเท่านั้น สำหรับคนที่ไม่มีการ์ดก็ห้ามจ่ายเงินสดด้วย ให้ไปจ่ายทางช่องทางที่เป็นทางการของรัฐเพื่อแก้ปัญหาคอรัปชั่น เมืองไทยน่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างอินเดียจริง ๆ ครับงานนี้
การเลิกใช้เงินสดโดยสมบูรณ์อาจจะฟังดูเหมือนเรื่องเพ้อฝัน แต่ถ้าสังเกตให้ดีมันก็กำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ เวลาเรานั่ง Uber เดี๋ยวนี้ก็ตัดผ่านการ์ดอัตโนมัติ ซื้อของออนไลน์ทางเวบ Amazon Lazada ก็ผ่าน Paypal Omise หรือบัตรเครดิต เวลาซื้อของผ่านทาง Social Media อย่างไลน์ หรือเฟซบุ๊ค ก็มักจะโอนผ่าน Mobile Banking เวลาสั่งอาหาร Delivery ก็เริ่มใช้ LINE MAN ควบไปกับ LINE Pay ล่าสุดเหล่าแบงค์ต่าง ๆ ก็เริ่มมารณรงค์เรื่องการใช้ QR Code ตั้งแต่่การซื้ออของที่แผงจัตุจักร ไปจนถึงการขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่ที่ล้ำสุด ๆ เห็นจะหนีไม่พ้นขอทานขอประเทศจีนที่ปัจจุบันนี้แต่ละคนมักจะมี QR Code ประจำตัว และคนจีนสามารถให้ทานกันแบบ cashless กันได้แล้วล่ะครับ
อีกเรื่องที่ผมชอบมาก ๆ คือการซื้อสิทธิ์ขายเสียงจะทำได้ยากขึ้นมากถ้าเราเข้าสู่สังคมไร้เงินสด นึกถึงคืนหมาหอน แต่นักการเมืองเลว ๆ ไม่สามารถหาเงินสดมาแจกได้ ไอ้ครั้นจะโอนด้วย e-wallet ก็กลัวจะมีหลักฐาน ทั้งคนซื้อเสียง ขายเสียงก็คงจะกลัวถูกจับได้ แหม พอนึกแล้วก็อยากให้มันมาถึงเมืองไทยเร็ว ๆ จริง ๆ ครับไอ้สังคมไร้เงินสดเนี่ย พอถึงวันนั้นโจรปล้นแบงค์ก็จะหมดทางทำมาหากิน ก็เพราะในแบงค์ไม่มีธนบัตรให้ปล้นแล้วยังไงล่ะครับ
ที่มาบทความ : http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/642402