Digital Economy เป็นอีกหนึ่งเรื่องใหญ่ ๆ ที่มีผลต่อชีวิตของเรามากขึ้นในทุกวันนี้ หลาย ๆ คนใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันในการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เนท ทั้งทำงาน หรือพักผ่อน จะมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์พีซี หรือแม้กระทั่งการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่นออกกำลังกาย ขับรถ ทุกวันนี้อุปกรณ์ IOT (Internet of Things) ก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้ผมขอพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จัก INET หรือ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ที่ทำวิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจโดยสมาชิกโครงการ SPACE by FINNOMENA คุณ Arunsiri Chotkittipong (ชื่อเฟสบุ๊ค) ไปดูกันเลยครับ
ลักษณะธุรกิจ
INET เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้าน ไอซีทีแบบครบวงจร สำหรับธุรกิจและผู้ที่ต้องการนำไอซีทีมาเป็นเครื่องมือเพื่อเสริมสร้างความสามารถใน การแข่งขันทางธุรกิจ บริการของบริษัทครอบคลุมตั้งแต่บริการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบ การให้บริการศูนย์ข้อมูลพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับผู้ที่ต้องการบริการที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐานใน ระดับสากลไปจนถึงการนำเสนอระบบไอซีทีแบบ cloud computing solution (Cloud Solution Provider) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผลสำหรับธุรกิจ โดยบริษัทเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจร แบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 4 ลักษณะ
- บริการ Cloud Solutions
- บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Internet Access )
- บริการ Co-Location
- บริการ EDC Network Pool
การตลาดและการแข่งขัน
บริษัทได้เปลี่ยนทิศทางองค์กรและกลยุทธ์ธุรกิจจากการให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตมามุ่งเน้นการ ให้บริการในลักษณะโครงสร้างพื้นฐาน IaaS (Infrastructure as a Service) เริ่มต้นจากบริการ Cloud Solutions ในลักษณะ IaaS ที่ได้มาตรฐานระดับสากล มีความปลอดภัยสูง ตั้งอยู่ในประเทศไทย บริษัทเสนอให้บริษัทองค์กรที่สนใจมาเริ่มต้นด้วยการทดสอบระบบก่อนใช้ บริการ ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมาก ส่งผลให้มีลูกค้ารายใหม่เข้ามาทดสอบและใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถนำเสนอบริการเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการอยู่แล้วได้ด้วย ทิศทางธุรกิจของบริษัท สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้งานของ Cloud Solutions ทั่วโลก ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย Gartner ได้ คาดการณ์ไว้ว่า IaaS จะมีการเติบโต 29% ปีต่อปีตั้งแต่ปี 2014 -2019
กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ
- เน้นการให้บริการ Cloud Solutions โดยเฉพาะ Server, Storage ในกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพการให้บริการ เช่น กลุ่มสถาบันการเงิน กลุ่มบริษัทไทย เป็นต้น
- เพิ่มทางเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้ามากขึ้น เช่น พัฒนา Local Microsoft Azure Service , HP Cloud ,Email on Cloud , VDI เป็นต้น
- ร่วมมือกับพันธมิตรในการให้บริการ Cloud Solutions โดยใช้ Model Cloud Reseller เพื่อ ขยายฐานลูกค้าและบริการโดยมุ่งเน้นลูกค้าเอกชน
แนวโน้มการเติบโตของบริษัท
ปัจจุบันบริษัทฯ มีศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล 2 แห่ง คือ ศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลไอเน็ต 1 อาคารบางกอกไทยทาวเวอร์ (INET-IDC1) และ ศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลไอเน็ต 2 (INET-IDC2) อาคารไทยซัมมิททาวเวอร์ และปลายปี 58 ที่ผ่านมา บริษัทฯ จึงได้ลงทุนในโครงการศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลไอเน็ต 3 (INET-IDC3) อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 60 และล่าสุด (29 เมษายน 59) การเชื่อมโยงศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล ทั้ง 3 แห่งเข้าด้วยกัน จะยิ่งเสริมเสถียรภาพและความปลอดภัยของข้อมูล ตอบสนองความต้องการของตลาด Co-Location และ Cloud Computing ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
นางมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ INET ผู้ให้บริการ Could Solution กล่าวว่า ปี 2559 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 50% จากปีก่อน คาดผลงานครึ่งหลังปี 2559 เติบโตอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับครึ่งแรก เนื่องจากโดยปกติแล้วในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมของทุกปีเป็นช่วงที่ภาครัฐจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณและเซ็นสัญญากับธุรกิจในรอบใหม่ จึงทำให้บริษัทมีโอกาสรับงานเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากฐานลูกค้าในส่วนของเอกชนที่เติบโตเป็นอย่างดี ทั้งนี้ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ INET แบ่งเป็นการรับงานขององค์กรทางภาคเอกชนต่างๆ อยู่ที่ราว 70%, การดำเนินโปรเจ็กต์ของภาครัฐอีกประมาณ 30% ซึ่งหากคิดเป็นจำนวนของลูกค้านั้นมีอยู่มากกว่า 500 ราย และในปี 2560 ยังคงมุ่งขยายฐานลูกค้าต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,000 ราย
ทั้งหมดเป็นประเด็นหลัก ๆ ในการวิเคราะห์ “การเติบโต” ของ INET โดยคุณ Arunsiri Chotkittipong สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/SPACE-INET
สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
ที่มาบทความ : http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/639686