ล่าสุดมีข่าวดีสำคัญสำหรับตลาดหุ้นไทย คือ การที่กฏหมายเลือกตั้ง ส.ส. ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อย เท่ากับว่าปี 2562 นี้บ้านเราจะมีเลือกตั้งแน่นอนแล้ว คำถามคือกองทุนรวมจะลงทุนในกองทุนอะไรดี คำตอบแรกคือ “หุ้นไทยประเภท Large Cap” เพราะจากสถิติที่ผ่านมา fundflow ของทั้งในและต่างประเทศจะเน้นเข้าลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง (Pre-election rally)
โดยวันนี้ทาง FINNOMENA มีผลิตภัณฑ์ใหม่คือ “พอร์ตกองทุน Best-in-class ที่ลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเลือกกองทุนหุ้นไทยที่มีทั้งผลตอบแทนยอดเยี่ยม ควบคู่ไปกับระดับความเสี่ยงที่ต่ำกว่ากองทุนอื่นในประเภทเดียวกัน รายละเอียดเป็นอย่างไรไปดูกัน
5 เหตุผลที่ตลาดหุ้นไทยดูน่าลงทุนมากขึ้น
1. พื้นฐาน I
เศรษฐกิจไทยเติบโต 4.6% ดีกว่าที่ตลาดคาด หนุนครึ่งปีแรกโต 4.8% โดยหลักมาจากการการบริโภคที่เติบโต 4.5% โดยเฉพาะสินค้าคงทนอย่างรถยนต์ โดยล่าสุดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 13 ไตรมาส นอกจากนี้ภาคการลงทุน และการท่องเที่ยวยังสนับสนุนการเติบโตด้วยเช่นกัน
2. พื้นฐาน II
กำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 เติบโตสูงถึงเกือบ 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และยังมีแนวโน้มเติบโตมากกว่า 10% ในไตรมาสที่ 3 จากแรงส่งที่ดีของการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และฐานกำไรไตรมาส 3/60 ที่อยู่ในระดับต่ำ
3. Fund Flow
ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง จากการที่ประเทศไทยมีสถานะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดถึงเกือบ 10% ของ GDP มีหนี้ต่างประเทศและเงินเฟ้อในระดับที่ต่ำ จึงทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่อง
4. Valuation
Forward P/E ของตลาดหุ้นไทยปัจจุบันที่ประมาณ 15 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย แต่จัดว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าภูมิภาค
5. การเมือง
ได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง กกต.ทั้ง 5 รายเป็นที่เรียบร้อย และล่าสุด พรบ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ได้ประกาศแล้วในวันที่ 12 ก.ย. 61 และตามกฎหมายต้องจัดเลือกตั้งภายใน 150 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แจ้งว่าการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นได้ในวันที่ 24 ก.พ. 62 ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนมากขึ้น (เลือกตั้งต้องเกิดอย่างช้าในเดือน พ.ค. 62 อยู่ดีตามกฎหมายข้างต้น)
ระบบ FINNOMENA Score ในการเลือกกองทุนในพอร์ต Best-in-Class
รูปที่ 2 เกณฑ์การเลือกกองทุน Best-in-Class | ที่มา FINNOMENA IC
เราใช้ระบบการวิเคราะห์เชิงปริมาณโดยทีม Business Intelligence ร่วมกับทีมคณะกรรมการลงทุน (IC) ในการวิเคราะห์ 4 ปัจจัยนำไปสู่ผลลัพธ์คือพอร์ตการลงทุนแนะนำ Best-in-Class ดังนี้
1. ผลตอบแทนย้อนหลัง
เราเชื่อว่าการบริหารกองทุนที่ดีนั้นจะสะท้อนออกมาทาง ผลตอบแทนและความเสี่ยง ยิ่งระยะเวลาของกองทุนยาวเท่าไหร่ก็มีข้อมูลให้เราศึกษามากขึ้น ระยะเวลาที่นานขึ้นบอกถึงความสามารถที่มั่นคงของผู้จัดการกองทุนที่สามารถบริหารกองทุนให้มีผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง
หลักการ เราศึกษาความสม่ำเสมอของผลตอบแทน 1 ปี, 3 ปี, 5 ปี ในทุกๆ แง่มุม เพื่อให้ได้กองทุน Best-In-Class ที่ดีที่สุด
2. ผลตอบแทนปรับด้วยความเสี่ยง (Risk adjusted Return)
เราพิจารณาโดยใช้อัตราส่วน 2 ตัวคือ Sharpe Ratio ซึ่งยิ่งมากยิ่งแปลว่า ผลตอบแทนคุ้มกับความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ดี และ Information Ratio (IR) ซึ่งยิ่งมากยิ่งแปลว่า สามารถทำผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนีอ้างอิง
หลักการ ดูค่า Sharpe Ratio และ Information Ratio ที่ระยะ 3 ปี และ 5 ปี
3. Maximum Draw Down (Max DD)
หมายถึง เวลาตลาดหุ้นขาลงแรงๆ กองทุนลงเยอะแค่ไหน สิ่งสำคัญในการเป็นกองทุนที่ผลตอบแทนยอดเยี่ยมในระยะยาวไม่ใช่อยู่ที่การขึ้นแรงๆ ในยามขาขึ้นเพียงอย่างเดียว
หลักการ ที่สำคัญกว่านั้นคือการขาดทุนให้น้อย ในยามตลาดปรับลงลงแรง ๆ (Draw down ต่ำ ๆ)
ผลตอบแทนในอดีตระหว่าง “พอร์ต Best-in-Class กองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่” Vs กองทุนท้ายตาราง
รูปที่ 3 ผลตอบแทน “พอร์ต Best-in-Class กองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่” Vs กองทุนท้ายตาราง | ที่มา FINNOMENA Business Intelligence
เมื่อลองศึกษากันดูที่ผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมาของกองทุนชนิด Large Cap กองทุน Best-in-class 3 กองทุนให้ผลตอบแทน 54% ขณะที่กองทุนที่ผลตอบแทนอยู่ท้ายตาราง 3 กองทุนให้ผลตอบแทนเพียง 7% เห็นได้ชัดว่ากองทุน Best-in-class ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ามาก
นอกจากนี้การศึกษาของ FINNOMENA ยังพบอีกว่า “ถ้าเราทำการปรับพอร์ตการลงทุนของเราทุกต้นปี (rebalance) เพื่อลงทุนในกองทุน Best-in-Class อย่างต่อเนื่องยังช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นอีกด้วย”
พอร์ต “Best-in-Class กองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่”
รูปที่ 4 รายชื่อกองทุนพอร์ต Best-in-class ประเภทกองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่ | ที่มา FINNOMENA Intelligence
“พอร์ตกองทุน Best-in-class ที่ลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่” คือผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจาก FINNOMENA เป็นพอร์ตการลงทุนแนะนำในกองทุน Best-in-class ของกองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่ ซึ่งจะแนะนำ 3 กองทุนที่ได้รับ FINNOMENA Score สูงที่สุด และมีคำแนะนำ Rebalance ในการปรับพอร์ตไปสู่กองทุน Best-in-class ให้นักลงทุนปีละ 1 ครั้ง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ขั้นต่ำการลงทุน 1 ล้านบาทเนื่องจากเป็นพอร์ตการลงทุนที่กระจุกตัวในชนิดสินทรัพย์เดียว สนใจลงทะเบียนรับสิทธิ์ก่อนใครได้ที่ https://www.finnomena.com/bic/
FundTalk รายงาน