Key Takeaways (คลิกเพื่ออ่านแต่ละส่วนที่สนใจได้เลย)
- LVMH เกิดขึ้นจากการควบรวม ของ Louis Vuitton และ Moët Hennessy ในปี 1987 โดย Bernard Arnault และเดินหน้าเก็บแบรนด์หรูเข้าพอร์ตเรื่อยมา
- มีแบรนด์ระดับไฮเอนด์ถึง 75 แบรนด์ในมือ ทั้งแบรนด์แฟชั่น อัญมณี เครื่องสำอาง น้ำหอม ไวน์ สุรา
- มีรายได้เติบโตในระยะยาว ธุรกิจแฟชั่นเป็นธุรกิจสำคัญ รายได้หลักมาจากเอเชีย
- คำแนะนำการลงทุน สำหรับคนที่สนใจ LVMH
LV-M-H แค่ชื่อก็มีหลายแบรนด์แล้ว
ถ้าลองดูชื่อของ LVMH บริษัทจากฝรั่งเศสเจ้าของแบรนด์หรูชั้นนำ จะเห็นได้ว่ามีตัวย่ออยู่หลายตัว ซึ่งมาจากหลายแบรนด์ในเครือ คือ
- แบรนด์แฟชั่น Louis Vuitton (LV)
- แบรนด์แชมเปญ Moët & Chandon (M)
- และแบรนด์คอนญัค Hennessy (H)
พูดได้เลยว่าแค่เห็นชื่อย่อก็เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักร Luxury Brand รายนี้ได้เป็นอย่างดี
อย่าง Frederic Arnault ลูกชายของผู้ก่อตั้ง LVMH ที่เพิ่งจะมีข่าวลือออกเดตกับ ลิซ่า Blackpink ก็มีตำแหน่งเป็นซีอีโอของ Tag Heuer ผู้ผลิตนาฬิการะดับโลก และบริษัทนี้ก็ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่อยู่ใต้ร่มธงของอาณาจักร LVMH เหมือนกัน
เอาจริง ๆ แล้ว 3-4 ชื่อที่ว่ามาเป็นแค่เศษเสี้ยวของ LVMH เท่านั้น เพราะนับตั้งแต่เริ่มควบรวมในปี 1987 บริษัทแบรนด์หรูที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ สามารถกวาดแบรนด์ต่าง ๆ เข้ามาอยู่ใต้อาณาจักรของตัวเองรวมแล้วกว่า 75 แบรนด์
ลองมาทำความรู้จัก LVMH กันให้มากขึ้น เจาะลึกกันว่าบริษัทแห่งนี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน มีที่มาความมั่งคั่งจากไหนบ้าง ทำไมจึงสามารถกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและเจ้าแห่งแบรนด์หรูได้
เดินหน้าควบรวม วิถีแห่ง LVMH
ความเป็นมาของ LVMH สามารถย้อนไปไกลที่สุดคือเมื่อม็องซิเยอร์ หลุยส์ วิตตอง เริ่มธุรกิจกระเป๋าเดินทางหน้าตาคล้ายหีบสัมภาระสำหรับการเดินทางด้วยรถม้าเมื่อปี 1854 ภายใต้แบรนด์ Louis Vuitton ที่เราคุ้นเคยกันดี
แต่ถ้าจะพูดถึงการก่อร่างอาณาจักรแห่งนี้ขึ้นมาจริง ๆ ก็ต้องกระโดดไปในปี 1987 เมื่ออดีตวิศวกรโยธานามว่า Bernard Arnault เดินหน้าก่อตั้ง LVMH จากการควบรวม Louis Vuitton กับ Moët Hennessy (บริษัทที่ควบรวมระหว่าง Moët & Chandon และ Hennessy) ในปี 1987 ก่อนจะขึ้นเป็น CEO ของบริษัทในปี 1989
Bernard Arnault ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ LVMH, Source: Shutterstock
3 บิ๊กดีลของ LVMH เก็บแบรนด์หรูเข้าพอร์ต
ถึงจะมีชื่อว่า LVMH แต่ก็ไม่ได้มีแค่ 3-4 แบรนด์อยู่ในมือเท่านั้น เพราะตั้งแต่ก่อตั้ง LVMH เดินหน้ากวาดแบรนด์หรูอื่น ๆ อีกมากมายเข้ามาไว้ในมือ ถึงตรงนี้เราจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพ 3-4 ดีลที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ให้เห็นกัน
- Tiffany & Co. ซื้อในมูลค่า 16,200 ล้านยูโร ในปี 2019
- Christian Dior ซื้อในมูลค่า 13,100 ล้านยูโร ในปี 2017
- Bulgari ซื้อในมูลค่า 5,200 ล้านยูโร ในปี 2011
- Sephora ซื้อในมูลค่า 2,600 ล้านยูโร ในปี 1997
LVMH มหาอาณาจักร Luxury Goods กับ 75 แบรนด์หรูในมือ
ปัจจุบัน มหาอาณาจักรสินค้า Luxury อย่าง LVMH ครอบครองแบรนด์หรูอยู่ในมือมากกว่า 75 แบรนด์ แบ่งย่อยได้เป็น 6 ธุรกิจ คือ
รายได้ในแต่ละธุรกิจของ LVMH ปี 2022, Source: LVMH Snapshot – 2022 Figures
1. แฟชั่น & เครื่องหนัง
- มี 14 แบรนด์ ที่มีชื่อเสียงจากประเทศต่าง ๆ ทั้ง ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และอื่น ๆ
- เช่น Louis Vuitton, Christian Dior, Celine, Givenchy และ Fendi เป็นต้น
- รายได้ 38,648 ล้านยูโร (49% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2022)
Source: Shutterstock
2. น้ำหอม & เครื่องสำอาง
- มี 15 แบรนด์ ตั้งแต่แบรนด์ Designer จนถึงแบรนด์ Niche
- เช่น Parfums Christian Dior, Acqua di Parma, Maison Francis Kurkdjian และ Guerlain เป็นต้น
- รายได้ 7,722 ล้านยูโร (10%)
3. ไวน์ & สุรา
- มี 27 แบรนด์ โดยจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ เช่น ไวน์ คอนญัค วิสกี้ และแชมเปญ
- เช่น Hennessy, Moët & Chandon, Château d’Yquem, Krug และ Veuve Clicquot เป็นต้น
- รายได้ 7,099 ล้านยูโร (9%)
4. นาฬิกา & อัญมณี
- มี 8 แบรนด์ ในหมวดเครื่องประดับ อัญมณี และนาฬิกาหรู
- เช่น Bulgari, Tiffany & Co., TAG Heuer และ Hublot เป็นต้น
- รายได้ 10,581 ล้านยูโร (13%)
5. จัดจำหน่าย
- มี 6 แบรนด์
- เช่น Sephora เป็นต้น
- รายได้ 14,852 ล้านยูโร (19%)
6. ธุรกิจอื่น ๆ
- มี 5 แบรนด์ เป็นธุรกิจโรงแรมระดับไฮเอนด์ เรือยอชต์ และสวนสนุก
- ยังไม่นับรวมกลุ่มธุรกิจสื่อ คือ Groupe Les Échos-Le Parisien ที่เป็นเจ้าของสื่อดังในฝรั่งเศส 5 เจ้า คือ Le Parisien, Les Echos, Investir, Connaissance des Arts, Radio Classique
- รายได้ 282 ล้านยูโร (น้อยกว่า 1%)
สรุปธุรกิจ 75 แบรนด์ในมือ LVMH
แฟชั่น & เครื่องหนัง | น้ำหอม & เครื่องสำอาง | ไวน์ & สุรา | นาฬิกา & อัญมณี | จัดจำหน่าย | อื่น ๆ | |
Louis Vuitton | Parfums Christian Dior | Hennessy | Cloudy Bay | Bulgari | Sephora | Belmond |
Christian Dior | Acqua di Parma | Moët & Chandon | Colgin Cellars | Tiffany & Co. | Le Bon Marché Rive Gauche | Cheval Blanc |
Celine | Maison Francis Kurkdjian | Château d’Yquem | Domaine des Lambrays | TAG Heuer | 24S | Cova |
Givenchy | Guerlain | Krug | Eminente | Hublot | DFS | Royal Van Lent |
Fendi | Givenchy Parfums | Veuve Clicquot | Glenmorangie | Chaumet | La Grande Epicerie de Paris | Jardin d’Acclimatation |
Loewe | Kenzo Parfums | Dom Pérignon | Joseph Phelps | Fred | Starboard Cruise Services | Groupe Les Echos-Le Parisien |
Kenzo | Fresh | Chandon | Mercier | Repossi | ||
Marc Jacobs | Loewe Perfumes | Ao Yun | Newton Vineyard | Zenith | ||
Emilio Pucci | Benefit Cosmetics | Ardbeg | Ruinart | |||
Loro Piana | Cha Ling | Belvedere | Terrazas de los Andes | |||
Berluti | Fenty Beauty by Rihanna | Bodega Numanthia | Volcan de mi Tierra | |||
Moynat | KVD Beauty | Château Cheval Blanc | Woodinville | |||
Patou | Make Up For Ever | Château Galoupet | ||||
RIMOWA | Officine Universelle Buly | Cheval des Andes | ||||
STELLA by Stella McCartney | Clos19 |
สรุปธุรกิจ LVMH as of 18/7/2022, Source: LVMH
ส่องเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ของ LVMH
ในปี ๆ หนึ่ง LVMH มีรายได้เข้ามาเกือบ ๆ 80,000 ล้านยูโร (3.1 ล้านล้านบาท) รายได้ส่วนใหญ่มาจากเอเชีย (ไม่นับญี่ปุ่น) เป็นหลัก คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด ส่วนรายได้อีก 1 ใน 3 มาจากสหรัฐฯ และอีกเกือบ 1 ใน 4 มาจากยุโรป (เมื่อนับฝรั่งเศสด้วย)
รายได้แบ่งตามภูมิภาคของ LVMH ปี 2022, Source: LVMH Snapshot – 2022 Figures
เกร็ดน่าสนใจก็คือ
- ในแทบทุกธุรกิจ รายได้หลัก ๆ จะมาจากเอเชีย
- ในธุรกิจไวน์และสุรา รายได้มาจากสหรัฐฯ (37%) มากกว่าเอเชีย (20%)
- ในธุรกิจแฟชั่น และ น้ำหอม/เครื่องสำอาง รายได้จากเอเชียสูงเป็นพิเศษ (เกิน 30%)
รายได้และกำไรจากการดำเนินงานของ LVMH ในช่วง 5 ปี, Source: LVMH Snapshot – 2022 Figures
การเงินของ LVMH ในปี 2022 แบบสั้น ๆ
- รายได้: 79,184 ล้านยูโร (โต 23.31% จากปีก่อน)
- กำไรสุทธิ 14,080 ล้านยูโร (โต 17.02% จากปีก่อน)
สรุป
LVMH เป็นธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในยุโรป และยังเป็นอาณาจักรสินค้า Luxury อันดับ 1 ของโลก ที่มีแบรนด์หรูในมือกว่า 75 แบรนด์ โดยแบ่งออกเป็นธุรกิจหลากหลาย เช่น แฟชั่น น้ำหอม สุรา รวมถึงธุรกิจระดับไฮเอนด์อื่น
ธุรกิจเหล่านี้เองคือเบื้องหลังความมั่งคั่งมหาศาลที่ทำให้ Bernard Arnault ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ LVMH ร่ำรวยเป็นอันดับ 2 ของโลก ด้วยความสินทรัพย์กว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าร่ำรวยกว่าคนดังคนอื่น เช่น Bill Gates, Jeff Bezos หรือ Warren Buffett โดยเป็นรองแค่ Elon Musk เท่านั้น
10 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก, Source: Bloomberg Billionaires Index as of 18 July 2023
อ่านบทความ 10 คนที่รวยที่สุด บนดาวดวงนี้ เจ้าของ 8 หุ้นชั้นนำของโลก
แนะนำกองทุนยุโรป ที่มีการลงทุนใน LVMH มหาอาณาจักรแห่งสินค้า Luxury
สำหรับผู้ที่สนใจการลงทุนใน LVMH บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป FINNOMENA Investment Team แนะนำ กองทุน FINNOMENA Pick ที่คัดเลือกมาแล้ว ประกอบด้วย ONE-EUROEQ กองทุนเปิด วรรณ ยูโรเปี้ยน อิควิตี้ และ SCBEUEQA กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยุโรป (ชนิดสะสมมูลค่า)
อ่านบทความ จัดกลุ่มกองทุนยุโรป มีเยอะแค่ไหนก็ไม่งง
ONE-EUROEQ เป็นกองทุนรวมหุ้นยุโรปที่บริหารจัดการโดย ELEVA Capital ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความชำนาญในการลงทุนในหุ้นยุโรป มีกระบวนวิเคราะห์หุ้นลักษณะ Bottom up โดยลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตระยะยาวและมีความสามารถในการแข่งขัน จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6 (มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นของ LVMH 2.75%)
อีกกองทุนที่แนะนำคือ SCBEUEQA เป็นกองทุนหุ้นยุโรปแบบ Passive เน้นลงทุนหุ้นยุโรปผ่าน iShares STOXX Europe 600 (DE) มีโอกาสได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี STOXX Europe 600 จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6 (มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นของ LVMH 2.29%)
Top 10 Holdings ของกองทุนหลักของ ONE-EUROEQ (Eleva European Selection Fund) Source: Financial Times as of 17/07/2023
Top 10 Holdings ของกองทุนหลักของ SCBEUEQA (iShares STOXX Europe 600 (DE)) Source: Financial Times as of 17/07/2023
สรุปมุมมองการลงทุนในกองทุนหุ้นยุโรปโดย FINNOMENA Investment Team (30/06/2023)
ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวจากคาดการณ์ผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่น้อยกว่าคาด ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลงเร็วอย่างมาก และทำให้เงินเฟ้อยุโรปปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bps จาก 3.75% ไปที่ระดับ 4.00% ในวันที่ 15 มิ.ย. 2023 และยังมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อคุมให้เงินเฟ้อปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับเป้าหมาย 2%
ในปีนี้ ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นจากกลุ่มสินค้าที่มีแบรนด์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก จากการฟื้นตัวของการบริโภคและกระแสการเติบโตของเทคโนโลยี AI แม้ว่าหุ้นธนาคารยุโรปจะได้รับผลกระทบจากกรณี Credit Suisse แต่ด้วยการเข้ามาจัดการอย่างรวดเร็วจากธนาคารกลาง ทำให้ปัญหาไม่ได้บานปลาย
อย่างไรก็ตาม Valuation ของหุ้นยุโรปยังถูกเมื่อเทียบกับอีกหลาย ๆ ตลาด และยังถูกกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แต่นับว่าแพงขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้ามากจากระดับ -1.5SD ขึ้นมาสู่ -0.5 SD
FINNOMENA Investment Team ยังแนะนำ
Underweight หุ้นยุโรป จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดหุ้นยุโรปที่เติบโตช้า
สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/
อ้างอิง
- https://eu.louisvuitton.com/eng-e1/magazine/articles/a-legendary-history#the-begining
- https://www.lvmh.com/houses/
- https://www.lvmh.com/group/milestones-lvmh/1593-to-the-present/
- https://r.lvmh-static.com/uploads/2023/01/lvmh_snapshot_2022_en.pdf
- https://r.lvmh-static.com/uploads/2023/01/lvmh-2022-annual-results.pdf
- https://www.thefashionlaw.com/lvmh-a-timeline-behind-the-building-of-a-conglomerate/
- https://tracxn.com/d/acquisitions/acquisitionsbyLVMH
- https://www.koreatimes.co.kr/www/art/2023/07/398_354894.html
- https://www.bloomberg.com/billionaires/
- https://secdocumentstorage.blob.core.windows.net/fundfactsheet/M0078_2561.pdf
- https://secdocumentstorage.blob.core.windows.net/fundfactsheet/M0031_2557.pdf
คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม และประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”