Highlight ของบทความนี้ (คลิกอ่านส่วนที่สนใจได้เลย)
- Eli Lilly บริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
- ความเป็นมาของ Eli Lilly
- เจาะธุรกิจของ Eli Lilly
- แนวโน้มในอนาคตของ Eli Lilly
Eli Lilly คือบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีอายุเก่าแก่ 150 ปี ที่เป็นหัวหอกในการคิดค้นยาสำคัญ ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น ยาเบาหวาน วัคซีนโปลิโอ ไปจนถึงการผลิต ยาปฎิชีวนะเป็นบริษัทแรก ๆ ของโลก
ช่วงนี้เริ่มเห็นสื่อตั้งประเด็นว่า Eli Lilly อาจเข้ามาแทนที่ Tesla ในกลุ่ม 7 นางฟ้าหุ้นสหรัฐฯ (Magnificent 7) ก็ได้ เพราะนับจากต้นปี มีอยู่ช่วงนึงที่หุ้น Tesla ปรับตัวลงต่อเนื่อง -30% สวนทางกับ Eli Lilly ที่บวกขึ้นมา +30% (ณ วันที่ 12/7/2024 หุ้น Eli Lily +60% YTD, Tesla +3% YTD)
ราคาหุ้น Eli Lilly เทียบกับ Tesla (YTD) | Source: Google Finance as of 12/7/2024
จากสาเหตุคือ ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มตัดราคากันดุเดือด สวนทางกับธุรกิจยา ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนตอนนี้ Market Cap. ของ Eli Lily พุ่งแซงหน้า Tesla ไปแล้ว
วันนี้เราเลยจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ Eli Lilly เจาะลึกความเป็นมา โครงสร้างรายได้ และผลประกอบการล่าสุด เพื่อไขความลับความแข็งแกร่งของบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ รายนี้กัน
ความเป็นมาของ Eli Lilly
เรื่องราวของ Eli Lilly (อีไล ลิลลี่) เริ่มต้นในปี 1876 หรือ 11 ปีหลังจากสงครามกลางเมืองอเมริกาจบลง
ชายวัยย่าง 40 คนนึง ที่เป็นทั้งทหาร เภสัชกร และนักเคมี ตัดสินใจกลับไปเปิดธุรกิจยาเป็นของตัวเองในเมือง Indianapolis โดยชื่อของเขาก็คือ Eli Lilly
สินค้าแรก ๆ ของ Eli Lilly คือ ยาควินินสำหรับการรักษาโรคไข้มาลาเรีย ต่อมาก็มียาตัวใหม่ออกมาเรื่อย ๆ
แต่จุดเปลี่ยนจริง ๆ คือการที่ Josiah K. Lilly บุตรชายของ Eli Lilly ที่ศึกษาด้านเภสัชศาสตร์ เข้ามาช่วยธุรกิจในปี 80s
เพราะหลัง Josiah เข้ามาก็เกิดความก้าวหน้าขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็น
- การนำเสนอยาโรคซีมเศร้า Prozac (ซึ่งจะได้รับอนุมัติในเวลาต่อมา)
- ผลิต Iletin ยารักษาเบาหวานตัวแรกของโลก หลังจากเจรจากับเจ้าของสิทธิบัตรอินซูลินรักษาเบาหวาน จากมหาวิทยาลัยโทรอนโต (ซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่ Novo Nordisk ไปคุยด้วย)
ต่อมาบริษัทก็ขยับขยายต่อไปเรื่อย ๆ ส่งไม้ต่อกันไปในตระกูล โดยบริษัทก็ยังมีผลงานสำคัญ ๆ ออกมาตลอด เช่น การผลิตยาฆ่าเชื้อ หรือ ยาปฏิชีวนะ ออกมาแบบ Mass Product ได้สำเร็จ ในห้วงเวลาของสงครามโลกที่มีผู้คนบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ในปี 1952 บริษัทก็ได้เข้าสู่ตลาดหุ้นได้สำเร็จ และเป็นเข้าสู่ยุค CEO นอกตระกูล โดยหลังจากนี้ บริษัทก็ยังเดินหน้าผลิตยาได้อย่างต่อเนื่อง เช่น
- ผลิตวัคซีนโปลิโอเพื่อจำหน่ายได้เป็นบริษัทแรก
- ผลิตยาสำหรับบรรเทาโรคมะเร็งหลายตัว
- ผลิตยารักษาโรคซึมเศร้า Prozac ได้สำเร็จ
จนมาถึงตอนนี้ Eli Lily ได้เปลี่ยนโฉมจากธุรกิจเล็ก ๆ เป็นบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมหลายกลุ่มอาการ และมีมูลค่าบริษัทสูงถึง 7 แสนล้านเหรียญ
ธุรกิจของ Eli Lilly ในปัจจุบัน
ตอนนี้ Eli Lily มีการจ้างงานมากกว่า 44,000 ตำแหน่งและตีตลาดได้มากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และหัวใจสำคัญของ Eli Lily อยู่ที่ 4 ธุรกิจในมือ ได้แก่
- ยารักษาเบาหวานและโรคอ้วน (คิดเป็น 63% ของรายได้ทั้งหมด)
ตัวอย่างสินค้า เช่น ปากกาฉีดรักษาเบาหวาน Mounjaro และ Trulicity - ยารักษามะเร็ง (คิดเป็น 21% ของรายได้ทั้งหมด)
ตัวอย่างสินค้า เช่น ยารักษามะเร็งเต้านม Verzenio ยารักษามะเร็งกระเพาะอาหาร Cyramza - ยารักษาโรคด้านภูมิคุ้มกัน (คิดเป็น 10% ของรายได้ทั้งหมด)
ตัวอย่างสินค้า เช่น ยารักษาโรคผมร่วงเป็นหย่อม Olumiant - อื่น ๆ (คิดเป็น 3% ของรายได้ทั้งหมด)
ตัวอย่างสินค้า เช่น ยาโรครักษากระดูกพรุน Forteo®
ผลประกอบการของ Eli Lilly
ในด้านของรายได้ … ไตรมาสล่าสุด Eli Lily
- มีรายได้ 8,800 ล้านเหรียญ โตขึ้น 26% จากปีก่อนหน้า
- มีกำไรสุทธิ 2,300 ล้านเหรียญ โตขึ้น 60%
ผลประกอบการของ Eli Lilly Q1/2024 | Source: Eli Lilly
และธุรกิจที่เป็นแรงส่งสำคัญคือ ยารักษาเบาหวานและโรคอ้วน ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปากกาเบาหวานและลดน้ำหนัก Mounjaro ที่มียอดขายโตเกิน 3 เท่าจากปีก่อน
ถ้ามองภาพรวมรายได้ทั้งโลกของ รายได้ประมาณของ Eli Lilly ราว 2 ใน 3 มาจากสหรัฐฯ ส่วนอีก 1 ใน 3 มาจากที่อื่น คือ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น และ อื่น ๆ
แนวโน้มอนาคตของ Eli Lilly
สถานการณ์โรคเบาหวานในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุด CDC หรือ ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐฯ เปิดเผยว่า
- เกือบ 50% ของคนสหรัฐฯ เป็นภาวะก่อนเบาหวาน (Prediabetes)
- มากกว่า 10% ของคนสหรัฐฯเป็นโรคเบาหวานแล้ว
มองในมุมนึงคือ คนสหรัฐฯ เกินครึ่ง “มีความเสี่ยง” ที่จะเป็นเบาหวาน
แนวโน้มเรื่องนี้เป็นไปในทางเดียวกับรายได้ของ Eli Lily คือ
- รายได้จาก ยาเบาหวาน มาจากสหรัฐฯ 75% และ มาจากนอกสหรัฐฯ 25%
- สวนทางกับรายได้จาก ยาอื่น ๆ ที่มาจากในและนอกสหรัฐฯ พอ ๆ กัน
เรื่องนี้เลยถือเป็นแนวโน้มหนุนธุรกิจของ Eli Lilly ที่รายได้หลัก ๆ มาจากการดูแลรักษาคนเป็นเบาหวาน โดยเฉพาะในสหรัฐฯ
สรุป
Eli Lilly ถือเป็นยักษ์เงียบของสหรัฐฯ คืออาจไม่หวือหวาเหมือนกลุ่มเทค แต่ก็เป็นธุรกิจขนาดใหญ่โตมโหฬาร ซึ่งเป็นที่ต้องการของประชาชน
แถมบริษัทยังมีช่องทางการหารายได้ สอดคล้องไปกับแนวโน้มของอนาคตในแบบเดียวกับกลุ่ม AI นี่จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ไม่ควรมองข้าม
อ้างอิง
- https://investor.lilly.com/static-files/2895c649-cb12-4655-99c2-7c3028fecb15
- https://investor.lilly.com/static-files/def22402-5ba6-4891-ac8f-e68294c439f2
- https://www.zippia.com/eli-lilly-and-company-careers-3812/history/
- https://www.lilly.com/who-we-are/about-lilly/key-facts
- https://www.lilly.com/company/about-lilly/milestones-of-caring-and-discovery