เหนือน่านฟ้าแห่งหนึ่ง เครื่องบินโดยสารสีฟ้าน้ำทะเลแล่นลง ณ สนามบินของเมืองเมืองหนึ่งซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เมืองแห่งนี้มีตึกสูงชะลูดอยู่บางตา ทว่าเต็มไปด้วยอาคารราชการ ชื่อของที่แห่งนี้คือ วอชิงตัน ดี.ซี. ศูนย์กลางอำนาจของมหาอำนาจโลกเบอร์ 1 และเที่ยวบินที่ว่านี้คือเที่ยวบินของ Vietnam Airlines ที่นำพานายกรัฐมนตรีของเวียดนามคนปัจจุบันมาสู่การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ เมื่อ 10 เดือนก่อน
ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่การประชุมระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายกรัฐมนตรีเวียดนามและผู้นำจากชาติสมาชิกของอาเซียนอื่น ๆ ในวันนั้น แต่เป็นทริปการเดินทางสู่ฝั่งชายตะวันตกของอเมริกาที่ห่างออกไปเกือบ 3 พันไมล์ ในอีก 4 วันให้หลัง
ปลายทางของการเดินทางครั้งนี้คืออาคารขนาดยักษ์รูปวงแหวนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นเสมือนบ้านของคนทำงานระดับยอดของยอดมนุษย์ในด้าน IT ชื่อของอาคารหลังนี้คือ Apple Park และสถานที่ที่นายกรัฐมนตรีเวียดนามกำลังเหยียบอยู่คือพื้นที่หนึ่งของเมืองซานฟรานซิสโกที่ได้รับการขนานนามไปทั่วโลกในชื่อ “ซิลิคอน วัลเลย์”
บริษัทกว่า 30 แห่งและแรงงานกว่า 160,000 คน ในประเทศเวียดนาม มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแข็งขันกับการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ให้กับ Apple จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมนายกรัฐมนตรีเวียดนามถึงได้กลายเป็นแขกคนสำคัญของ Tim Cook ซีอีโอของ Apple ในการพบกันหนนี้
สื่อหลายสำนักยังรายงานอีกว่า ในวันเดียวกัน ผู้นำเวียดนามได้เข้าพูดคุยเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับผู้นำแห่งโลกเทคโนโลยีรายอื่นในซิลิคอน วัลเลย์ ทั้ง Google, Microsoft และ Intel
เส้นทางจาก White House ถึง Apple Park ของผู้นำเวียดนาม ทำให้เราได้เห็นเรื่องราวอย่างหนึ่ง นั่นคือ บทบาทที่แข็งแกร่งและน่าสนใจของเวียดนามในสนามเศรษฐกิจโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ ดาวรุ่งจากอาเซียนก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้เราเห็นไปแล้วหนหนึ่ง ด้วยการเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่เศรษฐกิจยังเดินหน้า แม้ประเทศเกือบทั้งหมดจะหมอบราบจากโควิด-19
แต่คำถามที่สำคัญก็คือ จากนี้ เวียดนามจะเป็นอย่างไรต่อไป? เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เรามาลองดูเรื่องราวปัจจุบันของเวียดนามที่น่าจับตาในปี 2023
เวียดนาม ปี 2023 กับ 7 เรื่องราวที่น่าสนใจ
1. การเติบโตของดาวรุ่งเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2023
เวียดนามจบปี 2022 ได้อย่างสวยงามด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า 8% ซึ่งมากกว่าก่อนโควิดระบาดในปี 2019 (7.4%) และยังมากกว่าการเติบโตเฉลี่ยในปี 2016-2019 ที่ 7.1% นับเป็นการฟื้นตัวที่ก้าวกระโดดจากปี 2020 และ 2021 ที่โต 2.9% และ 2.6% ตามลำดับ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าจำนวนนี้ส่วนหนึ่งเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำในช่วงการระบาดของโควิด-19
ในปี 2023 เวียดนามจะยังเติบโตในระดับสูงที่ 6.3% และในปี 2024 จะเติบโตได้ราว 6.5% จากการคาดการณ์ขององค์กรด้านเศรษฐกิจระดับโลกอย่าง World Bank ถือว่าชะลอตัวลงมาบ้างจากปัจจัยที่หลากหลายเกี่ยวกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน
ตัวเลขการเติบโตระดับนี้ ส่วนหนึ่งมาจากเครื่องจักรเศรษฐกิจสำคัญของประเทศอย่างการส่งออก ซึ่งก็ได้อานิสงส์จากการที่บริษัทระดับโลกเข้ามาลงทุนขยายฐานการผลิตเข้ามาในเวียดนามเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น Apple ที่ผู้นำเวียดนามได้เดินทางไปเยือนถึงสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโกด้วยตัวเองเมื่อปีก่อน
2. โปรเจ็กต์ของบริษัทดัง ที่จะเกิดขึ้นในเวียดนาม ปี 2023
ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา หลายคนน่าจะได้ยินข่าวที่บริษัทใหญ่ ๆ เข้าไปลงทุนในดาวรุ่งทางเศรษฐกิจอย่างเวียดนามอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐฯ และจีนยังคงขัดแย้งกันแม้ตัวประธานาธิบดีจะเปลี่ยนจากโดนัลด์ ทรัมป์ เป็น โจ ไบเดน ก็ตามที ซึ่งก็ทำให้หลาย ๆ บริษัทพยายามกระจายความเสี่ยงใน supply chain ของตัวเองออกจากจีนไปยังประเทศอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง และประเทศที่ได้รับอานิสงส์มหาศาลก็คือเวียดนาม
ในปี 2023 ทางด้านของ Apple ตัดสินใจที่จะย้ายการผลิต MacBook มายังเวียดนาม จากที่ได้ย้ายฐานการผลิต AirPods และ iPad มาแล้วก่อนหน้านี้ ในขณะที่ Samsung เองก็จะเริ่มผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในเวียดนามในปีนี้เช่นกัน
ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหารระดับสูงจาก 52 บริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ ได้เข้าร่วม Business trip ที่นำโดยอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเวียดนาม เพื่อเดินทางไปศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจในเวียดนาม โดยมีการยืนยันว่าตัวแทนจากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Netflix และ Boeing ได้เข้าร่วมการเดินทางครั้งนี้ จากการรายงานของ CNN ซึ่งข่าวนี้เป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่าประเทศแห่งนี้ได้รับความไว้วางใจจากตัวแสดงทางเศรษฐกิจชั้นนำ และเหตุผลหนึ่งที่เวียดนามสามารถดึงดูดผู้เล่นเหล่านี้ได้คือความสามารถในการค้าขายกับนานาประเทศได้ค่อนข้างอิสระ เนื่องจากมีข้อตกลงการค้าเสรีที่ทำร่วมกับประเทศชั้นนำมากมาย
3. ข้อตกลงการค้าเสรีที่เวียดนามมี ในปี 2023
แผนที่แสดงประเทศที่ลงนามในข้อตกลง CPTPP, Source: trade.gov.tw as of 24/03/2023
ความเคลื่อนไหวของเวียดนามในเวทีระหว่างประเทศโดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจถือว่าร้อนแรงไม่น้อย เพราะที่ผ่านมามีการเชื่อมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ลดกำแพงทางการค้าลง และเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงตลาดต่าง ๆ ในโลกได้อย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา เวียดนามลงนามในข้อตกลงทางการค้า (Free Trade Agreement: FTA) ร่วมกับเขตเศรษฐกิจชั้นนำเอาไว้หลายฉบับ เช่น CPTPP กับประเทศรอบมหาสมุทรแปซิฟิก (เชื่อมทวีปเอเชียกับทวีปอเมริกาเหนือและใต้), EVFTA กับ 27 ประเทศในสหภาพยุโรป, UKVFTA กับสหราชอาณาจักรหลังทำ Brexit, RCEP กับกลุ่มอาเซียนและประเทศข้างเคียง คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์
โดยในปี 2023 ข้อตกลง EVFTA จะเริ่มมีผลบังคับใช้ และในปีเดียวกันเวียดนามก็มีการเจรจา FTA กับประเทศอื่นเพิ่มเติม เช่น อิสราเอล (Vietnam-Israel FTA) ไปจนถึงประเทศในยุโรปที่ไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรป 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ (Vietnam-EFTA)
และนอกจากปัจจัยเชิงโครงสร้างอย่าง FTA จะเป็นบวกต่อเวียดนามแล้ว ปัจจัยเฉพาะหน้าอย่างสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน เช่น การเปิดเศรษฐกิจของจีน ก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนต่อเวียดนามในปีนี้อีกด้วย
แผนที่แสดงประเทศที่ลงนามในข้อตกลง RCEP, Source: ambsingapore.esteri.it as of 24/03/2023
4. เวียดนาม จีน ในปี 2023
การที่รัฐบาลจีนยอมผละมือออกจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ในช่วงต้นปี 2023 หลังจากเคยยึดถือมายาวนานสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับหลายประเทศ แต่หนึ่งในประเทศที่ได้รับอานิสงส์ตรงนี้อย่างใหญ่หลวงคือเวียดนาม ทั้งจากการท่องเที่ยวและการส่งออก
GDP ของเวียดนาม 16.5% ในปี 2020 มาจากการส่งออกไปจีน เป็นรองแค่สหรัฐฯ ที่เป็นเจ้าของสัดส่วนตรงนี้ถึง 25.6% แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงปี 2015-2020 การส่งออกจากเวียดนามไปสหรัฐฯ เติบโตเกือบ 120% ในขณะที่การส่งออกจากเวียดนามไปจีนเติบโตได้เกือบ 200% จากข้อมูลของ OEC world แต่ไม่ว่าจะส่งออกไปประเทศไหน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นโอกาสของธุรกิจในเวียดนามที่มีศักยภาพระดับโลกทั้งสิ้น และในปี 2023 ก็มีธุรกิจสัญชาติเวียดนามให้จับตาดูไม่น้อย
5. ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของธุรกิจเวียดนาม ปี 2023
เอาเข้าจริงแล้ว มีธุรกิจ made in Vietnam ที่น่าสนใจอยู่หลายเจ้าด้วยกัน แต่หนึ่งในบริษัทที่น่าจับตาคือ VNG ที่มีดีกรีเป็นถึงสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นตัวแรกของประเทศเศรษฐกิจดาวรุ่งแห่งนี้และยังเป็นเจ้าของ Zalo ที่เป็นทั้งแอปฯ ส่งข้อความและแอปฯ รับชำระเงินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชาวเวียดนามอย่างขาดไม่ได้พอ ๆ กับที่ LINE และ แอปฯ ธนาคารสำคัญต่อชีวิตของคนไทย (แต่จุดที่ต่างกันเล็กน้อยคือเวียดนามสามารถผลิตแอปฯ เหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง)
โดย Nikkei Asia สำนักข่าวด้านการเงินที่น่าเชื่อถือ รายงานว่า VNG อาจเข้า IPO ในปีนี้ แถมยังมีรายงานว่าทางบริษัทหมายตาที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ อีกด้วย และนอกจากนี้ Nikkei Asia ยังจัดให้ VNG เป็น 1 ใน 10 บริษัทเอเชียที่น่าจับตาในปี 2023
อีกหนึ่งดาวเด่นที่น่าจับตาคือ VinFast ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนของเวียดนาม ที่เมื่อปี 2 ปีก่อน มีข่าวว่าได้รับใบอนุญาตทดสอบรถยนต์ไร้คนขับในแคลิฟอร์เนียและมีแผนตั้งโรงงานและศูนย์บริการในสหรัฐฯ และในปี 2023 ทาง VinFast ได้ส่งมอบรถ SUV ล็อตแรกจำนวน 45 คันให้กับลูกค้าชาวอเมริกันแล้วเป็นที่เรียบร้อย และคาดว่าจะส่งมอบได้ 999 คันภายในสิ้นปี จากการรายงานของ Nikkei Asia
แต่นอกจากธุรกิจเหล่านี้ ยังมีอีกหลายอุตสาหกรรมของเวียดนามที่น่าสนใจโดยเฉพาะเมื่อวัดกันในแง่ของการส่งออก ถ้าจะลองคิดดูง่าย ๆ ว่ามีอุตสาหกรรมไหนอีกบ้างที่น่าสนใจ ให้เราลองพลิกฉลากตรงคอเสื้อหรือรองเท้าที่เราใส่มาดู ก็มีโอกาสสูงเลยทีเดียวที่จะพบกับคำว่า “Made in Vietnam”
ทำความรู้จัก 10 บริษัทดาวเด่นของเวียดนาม
6. อุตสาหกรรมใหญ่ ๆ ของเวียดนามในปี 2023
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา Alibaba.com ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่น่าสนใจในปี 2023 ของเวียดนาม ซึ่งสรุปแล้วอุตสาหกรรมที่น่าจับตามีดังนี้
- ไฮเทค: เป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลังโดยมีบริษัทชั้นนำเช่น Samsung ไปจนถึง Apple ขยายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศ โดยในกรณีของ Samsung แล้ว สินค้าราว 1 ใน 3 ถูกผลิตในเวียดนามก่อนจะถูกส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ต่อไป
- สิ่งทอ: เวียดนามเป็น “บ้าน” ของอุตสาหกรรมนี้มาช้านาน โดยมีโรงงานผลิตสิ่งทอกว่า 6 แห่งทั่วประเทศและมีแรงงานในอุตสาหกรรมนี้กว่า 2.5 ล้านคน (2.5% ของประชากรทั้งหมด)
- กาแฟ: เวียดนามเป็นผู้ผลิตกาแฟอันดับ 2 ของโลก ตามหลังแค่เพียงบราซิลเท่านั้น
- อีคอมเมิร์ซ: เวียดนามเป็นประเทศที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากเศรษฐกิจที่พุ่งทะยานซึ่งผลักให้สัดส่วนชนชั้นกลาง (ที่มาพร้อมการบริโภค) ขยายตัว นอกจากนี้ สัดส่วนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและความเป็นเมืองที่สูงขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยหนุนอุตสาหกรรมนี้
- ยานยนต์: นอกจากจะมีแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นของตัวเองแล้ว เวียดนามยังเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก โดยคาดว่าจะมีการผลิตรถยนต์และส่งมอบได้ราว 1.7-1.85 ล้านคันในปี 2035
และแน่นอนว่าเมื่อภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจเบ่งบานก็ทำให้ภาพในตลาดหุ้นเวียดนามดูมีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตตามไปด้วยแม้ว่าในปี 2022 จะเป็นปีที่ตลาดหุ้นเวียดนามร่วงลงไปไม่น้อยก็ตาม
7. ตลาดหุ้นเวียดนาม ปี 2023
ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเวียดนาม VN30 ปรับตัวลดลงกว่า 42% จากจุดสูงสุดในช่วงเมษายน ปี 2022 ส่งผลให้มูลค่า (valuation) ของตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ในระดับที่น่าสนใจ จากการกดดันของปัจจัยลบมาตลอดทั้งปี 2022 ทำให้ในปัจจุบันหุ้นเวียดนามมี Valuation ที่ระดับ PE 9 เท่า ซึ่งถือว่าถูกเมื่อเทียบกับอดีต และถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ อาทิ ตลาดหุ้นไทยที่ PE 17 เท่า
อ่านบทความ “MEVT Call : เวียดนาม ถูกและดี มีอยู่จริง!”
แถมข้อที่ 7+1: ข้อสังเกตของการลงทุนในเวียดนาม ปี 2023
อย่างที่ได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้ World Bank ประเมินว่าเวียดนามจะเติบโตได้ถึง 6.3% ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม World Bank อธิบายว่า เศรษฐกิจเวียดนามอาจต้องเจอกับแรงต้านอยู่บ้างจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความขัดแย้งรัสเซียยูเครน สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และประเทศในยุโรป
ประเด็นก็คือ ประเทศเหล่านี้นี่เองที่เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของการส่งออกของเวียดนาม และการส่งออกก็เป็นแรงขับสำคัญของเศรษฐกิจเวียดนาม และประเด็นเหล่านี้ก็อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนและผู้บริโภคอีกต่อหนึ่ง
MEVT Call : PRINCIPAL VNEQ-A
สำหรับใครที่สนใจลงทุนไปกับโอกาสเติบโตของเศรษฐกิจดาวรุ่งอย่างเวียดนาม กองทุน PRINCIPAL VNEQ-A คือหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ
กองทุนนี้เป็นกองทุนความเสี่ยงสูง (ระดับ 6) มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือมีธุรกิจหลักในประเทศเวียดนามที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต รวมทั้งตราสารทุนอื่นใดที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องและ/หรือที่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ/หรือกองทุนรวมอื่นที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุน และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟตราสารทุนต่างประเทศ ที่เน้นลงทุนในตราสารทุนประเทศเวียดนาม โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
หากต้องการศึกษากองทุน PRINCIPAL VNEQ-A เพิ่มเติม สามารถเข้าถึงหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญได้ ที่นี่
เปิดบัญชีวันนี้ รับกองทุนฟรี ! 100 บาท มีให้เลือกทั้งตราสารหนี้ จีน เวียดนาม เลือกกองทุนที่ใช่ได้เลย
👉 รับคูปอง คลิก >>> https://finno.me/mevt-oa-pro
อ้างอิง
https://www.worldbank.org/en/news/press-release/2023/03/13/vietnam-s-economy-forecast-to-grow-by-6-3-in-2023-world-bank-report-says
https://www.worldbank.org/en/country/vietnam/publication/taking-stock-vietnam-economic-update-march-2023
https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.KD.ZG?locations=VN
https://asia.nikkei.com/Spotlight/Supply-Chain/Apple-to-start-making-MacBooks-in-Vietnam-by-mid-2023
https://asia.nikkei.com/Business/Business-Spotlight/10-Asian-companies-to-watch-in-2023
https://asia.nikkei.com/Business/Tech/Semiconductors/Samsung-to-begin-making-semiconductor-parts-in-Vietnam-in-2023
https://seller.alibaba.com/businessblogs/px0023nrl-vietnam-outlook-2023-economic-prospects-in-the-post-pandemic-era
https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-03-02/vietnam-electric-car-startup-plans-u-s-factory-2022-rollout
https://edition.cnn.com/2023/03/21/business/us-asean-business-council-vietnam-intl-hnk/index.html
https://www.ft.com/content/1d450e55-27fc-449b-ac98-3aa830ad6b97
https://www.vietnam-briefing.com/doing-business-guide/vietnam/why-vietnam/vietnam-s-international-free-trade-and-tax-agreements
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”