ยุโรปเป็นภูมิภาคที่เป็นแหล่งของความมั่งคั่งมหาศาล โดยที่ผ่านมา ประชากรยุโรปเป็นคนกลุ่มที่มีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในโลก สาเหตุหนึ่งคือความทันสมัยและนวัตกรรมในระบบเศรษฐกิจ ไปจนถึงโครงสร้างสังคมที่สามารถโอบรับและพัฒนาประชากรในภูมิภาค ผลลัพธ์ก็คือผลิตภาพ (และรายได้) จำนวนมาก

ถ้าพูดถึงภูมิภาคแห่งนี้แล้ว มีธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เช่น L’Oreal, Unilever, Allianz, Porsche, Accenture และบริษัทอื่น ๆ อีกมากมาย 

แต่วันนี้เราจะลองมาดูกันว่าบริษัทไหนที่ใหญ่ที่สุดในแต่ละประเทศของยุโรป

หุ้นที่ใหญ่ที่สุดของ 8 ประเทศชั้นนำในยุโรป

1. ฝรั่งเศส – LVMH (MC: PAR)

เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าลักชัวรี ปัจจุบัน LVMH มีแบรนด์หรูต่าง ๆ อยู่ในมือมากกว่า 75 แบรนด์ เช่น Christian Dior, Fendi, Celine และ Bulgari ภายใต้ 6 กลุ่มธุรกิจ คือ แฟชั่นและเครื่องหนัง, ไวน์และสุรา, น้ำหอมและเครื่องสำอาง, นาฬิกาและเครื่องประดับ, การจัดจำหน่ายสินค้า และธุรกิจอื่น ๆ

ข้อมูลทั่วไป 

  • สัญชาติ ฝรั่งเศส 
  • ธุรกิจ สินค้าหรู 
  • ก่อตั้ง 1987 
  • จดทะเบียนในตลาดหุ้น Euronext Paris 
  • มูลค่าบริษัท 435.235 พันล้านยูโร  

2. สวิตเซอร์แลนด์ – Nestle (NESN: SWX) 

เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และยังเป็นบริษัทอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ปัจจุบัน Nestle มีแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคในมือมากกว่า 2,000 แบรนด์ เช่น Milo, Nescafe, Nespresso, Maggi, Haagen-Dazs รวมถึงแบรนด์ชื่อคุ้นหูอื่น ๆ อีกมากมาย

ข้อมูลทั่วไป 

  • สัญชาติ สวิตเซอร์แลนด์ 
  • ธุรกิจ สินค้าอุปโภคบริโภค 
  • ก่อตั้ง 1866 
  • จดทะเบียนในตลาดหุ้น SIX Swiss Exchange 
  • มูลค่าบริษัท 288.62 พันล้านยูโร  

3. เนเธอร์แลนด์ – ASML (ASML: AEX) 

บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้สร้างเครื่องแกะลายสำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์แบบ Lithography โดยในตลาดผู้ผลิตเครื่องแกะลายระดับไฮเอนด์ ASML ถือเป็นผู้นำที่ครองตลาดมากกว่า 90% จึงจัดว่าเป็นบริษัทเบื้องหลังการผลิตชิปคุณภาพสูงที่ขาดไม่ได้ในยุคแห่ง AI ที่ต้องการพลังการประมวลผลในระดับสูง

ข้อมูลทั่วไป 

  • สัญชาติ เนเธอร์แลนด์ 
  • ธุรกิจ เซมิคอนดักเตอร์ 
  • ก่อตั้ง 1984 
  • จดทะเบียนในตลาดหุ้น Euronext Amsterdam 
  • มูลค่าบริษัท 264.022 พันล้านยูโร  

รู้จัก ASML บริษัทที่เป็นหัวใจของการผลิตชิปทั่วโลก
https://www.finnomena.com/bottomliner/asml-semiconductor-company/ 

4. อังกฤษ – AstraZeneca (AZN: LSE)

เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ดำเนินธุรกิจชีวเภสัชภัณฑ์ โดยหนึ่งในสินค้าที่เราน่าจะคุ้นเคยกันดีคือวัคซีนต้านโควิดชนิดไวรัลเวกเตอร์ที่เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของมนุษยชาติในการต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ทางบริษัทเองก็มีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น กลุ่มยาโรคมะเร็ง กลุ่มยาโรคหัวใจ ไต และระบบเผาผลาญ รวมถึงกลุ่มยาโรคทางเดินหายใจ

ข้อมูลทั่วไป 

  • สัญชาติ อังกฤษ 
  • ธุรกิจ เภสัชกรรม 
  • ก่อตั้ง 1999 
  • จดทะเบียนในตลาดหุ้น London Stock Exchange 
  • มูลค่าบริษัท 214.03 พันล้านยูโร  

5. เยอรมนี – SAP (SAP: FRA) 

เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี อีกทั้งยังเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่ใหญที่สุดในยุโรปและใหญ่อันดับ 3 ของโลก เป็นผู้ผลิตและให้บริการซอฟต์แวร์จัดการองค์กร (Enterprise Resourece Planning :ERP) ให้กับลูกค้ามากกว่า 4 แสนราย ในกว่า 180 ประเทศ

ข้อมูลทั่วไป 

  • สัญชาติ เยอรมนี 
  • ธุรกิจ ซอฟต์แวร์ธุรกิจ 
  • ก่อตั้ง 1972 
  • จดทะเบียนในตลาดหุ้น Frankfurt Stock Exchange 
  • มูลค่าบริษัท 147.687 พันล้านยูโร  

6. สเปน – Inditex (ITX: BME) 

เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในสเปน ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเสื้อผ้าในกลุ่ม Fast Fashion โดยมีแบรนด์ในมือที่หลายคนน่าจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว เช่น Zara, Pull&Bear, Massimo Dutti และ Bershka โดยปัจจุบันถือเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องแต่งกายที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก (รองลงมาคือ H&M และ Uniqlo)

ข้อมูลทั่วไป 

  • สัญชาติ สเปน 
  • ธุรกิจ เสื้อผ้า 
  • ก่อตั้ง 1985 
  • จดทะเบียนในตลาดหุ้น Madrid Stock Exchange 
  • มูลค่าบริษัท 107.036 พันล้านยูโร

7. เบลเยียม – AB InBev (ABI: BRU) 

เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเบลเยียม ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยโดดเด่นในเรื่องของเบียร์ บริษัทเกิดจากการควบรวมระหว่าง Anheuser-Busch และ InBev ในปี 2008 มีแบรนด์เบียร์ในมือกว่า 500 แบรนด์ เช่น Hoegaarden, Budweiser, Stella Artois, Leffe และ Corona เป็นต้น

ข้อมูลทั่วไป 

  • สัญชาติ เบลเยียม
  • ธุรกิจ เครื่องดื่ม 
  • ก่อตั้ง 2008 
  • จดทะเบียนในตลาดหุ้น Euronext Brussels 
  • มูลค่าบริษัท 105.906 พันล้านยูโร

8. อิตาลี – Ferrari (RACE: MIL) 

บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี เป็นที่รู้จักในธุรกิจซูเปอร์คาร์สุดหรู แต่ที่จริงแล้วก็ยังมีธุรกิจอื่น เช่น ทีม Formula 1 ทั้งนี้ เจ้าของบริษัท Ferrari อย่างตระกูล Agneli ยังเป็นเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่อย่างอื่น เช่น นิตยสาร The Economist, บริษัทยานยนต์ Fiat Chrysler และ สโมสรฟุตบอล Juventus เป็นต้น

ข้อมูลทั่วไป 

  • สัญชาติ อิตาลี 
  • ธุรกิจ ยานยนต์หรู 
  • ก่อตั้ง 1947 
  • จดทะเบียนในตลาดหุ้น Milan Stock Exchange 
  • มูลค่าบริษัท 69.371 พันล้านยูโร

แนะนำกองทุนหุ้นยุโรป สำหรับผู้ที่สนใจตลาดแห่งนี้

สำหรับผู้ที่สนใจการลงทุนในภูมิภาคยุโรป กองทุนแนะนำ FINNOMENA Pick ในธีมนี้ที่คัดเลือกมาแล้วโดย FINNOMENA Investment Team ประกอบด้วย ONE-EUROEQ กองทุนเปิด วรรณ ยูโรเปี้ยน อิควิตี้ และ SCBEUEQA กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยุโรป (ชนิดสะสมมูลค่า)

อ่านบทความ จัดกลุ่มกองทุนยุโรป มีเยอะแค่ไหนก็ไม่งง

ONE-EUROEQ เป็นกองทุนรวมหุ้นยุโรปที่บริหารจัดการโดย ELEVA Capital ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความชำนาญในการลงทุนในหุ้นยุโรป มีกระบวนวิเคราะห์หุ้นลักษณะ Bottom up โดยลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตระยะยาวและมีความสามารถในการแข่งขัน จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6

Source: FINNOMENA as of 20/06/2023

อีกกองทุนที่แนะนำคือ SCBEUEQA เป็นกองทุนหุ้นยุโรปแบบ Passive เน้นลงทุนหุ้นยุโรปผ่าน iShares STOXX Europe 600 (DE) มีโอกาสได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี STOXX Europe 600 จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6

Source: FINNOMENA as of 20/06/2023

สรุปมุมมองการลงทุน FINNOMENA Investment Team วันที่ 30/6/2023

ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวจากคาดการณ์ผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่น้อยกว่าคาด ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลงเร็วอย่างมาก และทำให้เงินเฟ้อยุโรปปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bps จาก 3.75% ไปที่ระดับ 4.00% ในวันที่ 15 มิ.ย. 2023 และยังมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อคุมให้เงินเฟ้อปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับเป้าหมาย 2%

ในปีนี้ ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นจากกลุ่มสินค้าที่มีแบรนด์  สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก จากการฟื้นตัวของการบริโภคและกระแสการเติบโตของเทคโนโลยี AI แม้ว่าหุ้นธนาคารยุโรปจะได้รับผลกระทบจากกรณี Credit Suisse แต่ด้วยการเข้ามาจัดการอย่างรวดเร็วจากธนาคารกลาง ทำให้ปัญหาไม่ได้บานปลาย

อย่างไรก็ตาม Valuation ของหุ้นยุโรปยังถูกเมื่อเทียบกับอีกหลาย ๆ ตลาด และยังถูกกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แต่นับว่าแพงขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้ามากจากระดับ -1.5SD ขึ้นมาสู่ -0.5 SD 

FINNOMENA Investment Team ยังแนะนำ Underweight หุ้นยุโรป จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดหุ้นยุโรปที่เติบโตช้า

สามารถศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/


อ้างอิง

อ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2023

คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม และประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

TSF2024