“Peter Lynch” เป็นหนึ่งในนักลงทุนและผู้จัดการกองทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ด้วยแนวคิดการลงทุนของเขาที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักลงทุนนับล้าน
วันนี้ FinSpace จึงขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 6 ตัวเลขทางการเงินที่ควรพิจารณา ก่อนเลือกหุ้นสไตล์ Peter Lynch มาฝากทุกคนกัน รายละเอียดจะมีอะไรบ้าง? ติดตามไปพร้อมกันได้เลย!
1. อัตราการเติบโตของรายได้ (Earnings Growth)
อัตราการเติบโตของรายได้ เป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัท โดยบริษัทที่มีพื้นฐานดีและมีความมั่นคง รายได้ควรเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าบริษัทนี้ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อไปได้อีกในอนาคต
อัตราการเติบโตของรายได้ = [(รายได้ 12 เดือนล่าสุด – รายได้ 12 เดือนก่อนหน้า) / รายได้ 12 เดือนก่อนหน้า] x 100
2. อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio)
อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (Price to Earnings Ratio: P/E) เป็นอัตราส่วนทางการเงินที่เปรียบเทียบระหว่าง “ราคาหุ้น” ต่อ “กำไรสุทธิต่อหุ้น” โดยเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่าถ้าเราซื้อหุ้นที่ราคาปัจจุบัน จะคืนทุนในอีกกี่ปี หากกำไรของบริษัทยังเท่าเดิม
ในความหมายเบื้องต้น ถ้าค่า P/E ต่ำ จะเป็นการบ่งบอกว่า หุ้นมีราคาถูก ทั้งนี้ควรเปรียบเทียบ P/E ของบริษัทกับอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยให้ทราบได้ว่าหุ้นตัวนั้นมีค่า P/E สูงหรือต่ำ
อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ = ราคาหุ้น / กำไรสุทธิต่อหุ้น
3. อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity Ratio)
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity Ratio: D/E) คือ อัตราส่วนทางการเงินที่แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างเงินทุนของกิจการว่า สินทรัพย์ของกิจการมาจากการกู้ยืม หรือมาจากทุนของกิจการ หากค่า D/E สูงมีโอกาสที่กิจการจะไม่สามารถชำระดอกเบี้ยได้สูงตามไปด้วย
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น = หนี้สิน / ส่วนของผู้ถือหุ้น
4. เงินสดสุทธิต่อหุ้น (Net cash per share)
เงินสดสุทธิต่อหุ้น (Net cash per share) เป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการหาเงินสดจากการดำเนินงาน หากตัวเลขเงินสดสุทธิต่อหุ้นอยู่ในระดับสูงมากเท่าใด ยิ่งเป็นการแสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทมากเท่านั้น
เงินสดสุทธิต่อหุ้น = เงินสด – หนี้สิน / จำนวนหุ้นทั้งหมด
5. อัตราส่วนการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio)
อัตราส่วนการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio) เป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท ว่าบริษัทนั้นมีนโยบายที่จะนำกำไรมาจ่ายเป็นเงินปันผลเป็นเท่าใด
ควรเฟ้นหาบริษัทที่มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลในช่วงเศรษฐกิจถดถอย และมีประวัติการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ
อัตราส่วนการจ่ายปันผล = มูลค่าปันผลต่อหุ้น X 100 / กำไรสุทธิต่อหุ้น
6. สินค้าคงคลัง (Inventory)
สินค้าคงคลัง (Inventory) คือสินค้าที่บริษัทเก็บไว้ในคลังสินค้าเพื่อรอจำหน่าย ซึ่งรวมถึงวัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้า และสินค้าที่อยู่ระหว่างผลิตด้วย หากตัวเลขสินค้าคงคลังอยู่ในระดับสูง แสดงว่ายอดขายเติบโตช้ากว่าสินค้าคงคลัง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการเติบโตของรายได้บริษัท
อ้างอิง
https://www.equitymaster.com/timeless-reading/peter-lynch-portfolio
FinSpace
ที่มาบทความ: https://www.finspace.co/pick-stocks-like-peter-lynch/