โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศในปี 2568 “Easy E-Receipt 2.0” ให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท จากการซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ที่มี e-Tax Invoice หรือ e-Receipt เท่านั้น
เงื่อนไข Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษีปี 68 สูงสุด 50,000 บาท
โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30,000 บาท
- ซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการจด VAT โดยต้องมีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice) แบบเต็มรูปเป็นหลักฐาน
- ซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบที่ไม่ได้จด VAT โดยต้องมีใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เป็นหลักฐาน
ส่วนที่ 2 ลดหย่อนได้ไม่เกิน 20,000 บาท
- ค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP)
- ค่าซื้อสินค้าหรือบริการจากวิสาหกิจชุมชนที่ได้จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร
- ค่าซื้อสินค้าหรือบริการจากวิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
❌ ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่ไม่เข้าร่วมโครงการ
- ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์
- ค่าซื้อยาสูบ
- ค่าซื้อน้ำมัน ค่าซื้อก๊าซ และค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับเติมยานพาหนะ
- ค่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ (รถจักรยานยนต์รวมถึงรถจักรยานที่ติดเครื่องยนต์) และค่าซื้อเรือ
- ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์และค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต
- ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเหนือจากระยะเวลาของมาตรการ
- ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
- ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และค่าที่พักโรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย หรือค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม
เริ่ม 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568
(มีเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง)
หากไม่แน่ใจว่าสินค้าหรือบริการอันไหนเข้าร่วมไม่เข้าร่วมบ้างให้สังเกตสัญลักษณ์นี้ก่อนซื้อ
สิ่งที่ขาดไม่ได้ e-Tax Invoice และ e-Receipt ต้องระบุชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวผู้เสียภาษี อากร (เลขประจำตัวประชาชน) ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการครับ
ที่มา: https://www.rd.go.th/…/use…/news/2567thai/news5_2568.pdf
FinSpace
ที่มาบทความ: https://www.finspace.co/easy-e-receipt-2-0/