หลังจากที่ทิศทางนโยบาย Zero Covid จะค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นและมีมาตรการอสังหาริมทรัพย์ที่น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้อย่างมีเสถียรภาพ และในอนาคตหากจีนมีการคลายล็อกดาวน์และเปิดประเทศ หุ้นจีนจะเป็นกลุ่มที่สร้างผลตอบแทนได้ดี และกองทุน B-CHINE-EQ จากบลจ. บัวหลวง ที่ได้รับการันตี 4 ดาวจากการจัดอันดับของมอนิ่งสตาร์ ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นจีน พร้อมการกระจายความเสี่ยง
ทำไมตลาดหุ้นจีนถึงกลับมาน่าสนใจ ?
แม้ตอนนี้ภาพรวมของเศรษฐกิจจีนจะดูน่ากังวลจากหลาย ๆ เหตุการณ์ทั้งสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่สูงสุดในรอบหลายเดือน หรือจากการที่รัฐบาลจีนมีการใช้นโยบาย Zero Covid ทำให้เศรษฐกิจและสภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างติดลบ ดังนั้นรัฐบาลจีนจึงออกมาตรการผ่อนคลายนโยบาย Zero COVID ทำให้ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นจีนไปในทิศทางบวก หุ้นทั้งตลาด ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมืองและภาคอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ส่วนทิศทางของภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นไปในทิศทางที่เริ่มผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลจีนได้อัดสภาพคล่องในภาคอสังหาฯ นี้กว่า 1 ล้านล้านหยวน รวมทั้ง ออกมาตรการกระตุ้นทั้งหมด 16 มาตรการ รวมทั้งอีก 5 มาตรการ รวมทั้งอนุญาตให้บริษัทอสังหาฯสามารถทำ Equity Financing ได้ ทั้งหมดนี้ เป็นนโยบายที่จีนทำในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อช่วยจำกัดความเสี่ยงในภาคอสังหาไม่ให้ลุกลามไม่ยังภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ
นอกจากนี้ ในเรื่องความเสี่ยงของหุ้น ADR ว่าหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะถูก delist หรือถอดถอนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นลดลงไป เนื่องจากได้มีความร่วมมือในการเข้าตรวจสอบบริษัทเหล่านี้จากผู้กำกับดูแลสหรัฐฯ ซึ่งได้แล้วเสร็จก่อนกำหนด ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น มีผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ และลดความเสี่ยงด้านการถูกถอดถอนได้
ความน่าสนใจของกองทุน B-CHINE-EQ
กองทุนดังกล่าวเน้นไปที่การลงทุนในหุ้นจีนหลากหลายตลาดทั้ง A-Share, H-Share, American Deposit Recipient (ADR), B-Share, Red-Chips, P-Chips และด้วยความที่ลงทุนได้หลากหลายตลาด ทำให้กองทุนดังกล่าวมีความยืดหยุ่น สามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนหุ้นในตลาดที่เราต้องการได้
โดยบริษัทจัดการจะมอบหมายให้ Allianz Global Investors Asia Pacific Limited เป็นผู้รับดำเนินงานการลงทุนในต่างประเทศของกองทุน (Outsourced fund manager) เน้นการลงทุนเพิ่มในธีมบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ความมั่นคงทางอาหาร และพลังงาน นอกจากนั้น ยังเน้นไปที่บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานทดแทน พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม เพื่อเน้นการปรับเปลี่ยนเข้าสู่อุตสาหกรรมแบบยั่งยืน (ESG) ตลอดจนบริษัทที่เกี่ยวกับการบริโภคของคนชั้นกลาง และเทรนด์การบริโภคที่เน้นเรื่องการรักษาสุขภาพ โดย 10 หุ้นแรกที่กองทุน B-CHINE-EQ ถือในแต่ละตลาดจะมีดังนี้
Top 10 Holdings : Allianz China A-Shares (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 65)
ที่มา : Top 10 Holdings as of 31 Oct 2022, Fund Fact Sheet, Allianz China A-Shares
Top 10 Holdings : Allianz All China Equity (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 65)
ที่มา : Top 10 Holdings as of 31 Oct 2022, Fund Fact Sheet, Allianz All China Equity
ข้อได้เปรียบของกองทุน B-CHINE-EQ เมื่อเทียบกองทุนอื่น ๆ
อย่างที่กล่าวไปว่ากองทุน B-CHINE-EQ สามารถลงทุนได้ทุกตลาด โดยเน้นไปที่การลงทุนในกองทุน Master Fund ที่ลงทุนในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่และตลาดฮ่องกง ส่วนที่เหลือผู้จัดการกองทุนจะเลือกลงทุนในหุ้นบางส่วนด้วยตัวเอง เพื่อสร้างผลตอบแทนในหุ้นที่เห็นว่าสร้างผลตอบแทนได้ดี แต่ทาง Master Fund ไม่ได้ลงทุน เช่น การเพิ่มน้ำหนักในหุ้นที่ควบคุมต้นทุนได้ค่อนข้างดีและรองรับการเติบโตของ e-commerce อย่าง Alibaba JD.com Meituan และหุ้นที่รองรับการเปิดเมืองอย่าง Anta sports
ทรัพย์สินที่ลงทุนสูงสุด 5 อันดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 65)
ที่มา : B-CHINE-EQ Fund Fact Sheet as of 31 Oct 2022
รายละเอียดอื่น ๆ ของ B-CHINE-EQ (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ต.ค. 2565)
- ลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนที่ออกโดยบริษัทจีน ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งในประเทศจีนหรือมีการดำเนินธุรกิจในประเทศจีน และจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นที่ยอมรับต่าง ๆ เช่น ตลาดหลักทรัพย์ในฮ่องกง จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ หรือสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ซึ่งหลักทรัพย์ที่กองทุนจะลงทุน ได้แก่ หุ้น A-Share, H-Share, American Deposit Recipient (ADR), B-Share, Red-Chips, P-Chips รวมถึงหลักทรัพย์อื่นใดที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีนในอนาคต ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศดังกล่าวโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะมอบหมายให้ Allianz Global Investors Asia Pacific Limited เป็นผู้รับดำเนินงานการลงทุนในต่างประเทศของกองทุน (Outsourced fund manager) ส่วนที่เหลือ กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น รวมถึง Derivatives และ/หรือ Structured Note และกองทุนอาจลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมภายใต้การจัดการเดียวกัน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่เกิน 20% ของ NAV
- กองทุนมีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6
- มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง หรือตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร ในอัตราครั้งละไม่เกิน 100% จากกำไรสะสม หรือกำไรจากการลงทุนสุทธิ หรือจากการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน
- ค่าธรรมเนียมซื้อ 1.0%
- ค่าธรรมเนียมขาย ยกเว้น
- ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 500 บาท
- ลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป 500 บาท
สรุปจุดเด่นของกองทุน B-CHINE-EQ
กองทุน B-CHINE-EQ เป็นกองทุนประเภท Greater China Equity มีนโยบายการลงทุนโดดเด่น อาศัยการเติบโตจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และมีความยืดหยุ่นจากการลงทุนที่หลากหลายทั้งจากกองหลักเองและจากการซื้อหุ้นโดยตรงในตลาดหุ้นจีน นอกจากนี้ยังมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอีกด้วย และสำหรับใครที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมของกองทุนดังกล่าว สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://finno.me/fund-B-CHINE-EQ-web
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในประเทศจีน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”