ใครเป็นบ้าง? เงินเดือนออกทีไรตั้งใจไว้ว่าจะเก็บเงินให้ได้ แต่ไม่ว่าจะเดือนไหน ๆ ก็ใช้หมดไม่เหลือเก็บสักเดือน หากใครพบเจอกับปัญหานี้อยู่ ลองมาใช้สูตรบริหารเงินกันเถอะ!
วันนี้ FinSpace จะขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 3 สูตรบริหารเงิน ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ซึ่งจะช่วยให้เราจัดสรรเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเก็บเงินได้แบบอยู่หมัดด้วย! จะมีรายละเอียดเป็นอย่างไร ติดตามไปพร้อมกันได้เลย
1. สูตร 50/30/20
สูตรบริหารเงิน 50/30/20 แบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 3 ส่วน โดยคำนวณจากรายได้หลังหักภาษีแล้ว ได้แก่
- ค่าใช้จ่ายจำเป็น 50% ของรายได้ เช่น ค่าเช่าบ้าน/คอนโด ค่าอาหาร ค่าสาธารณูปโภค ค่าเดินทาง ค่าประกัน ค่าเลี้ยงดูบุตร ฯลฯ
- ค่าใช้จ่ายสำหรับความบันเทิง 30% ของรายได้ เช่น การท่องเที่ยว รับประทานอาหารนอกบ้าน ชอปปิง ฯลฯ
- เก็บออมหรือชำระหนี้ 20% ของรายได้
ตัวอย่างเช่น นาย A เงินเดือนหลังหักภาษี ของนาย A เท่ากับ 30,000 บาท หากใช้สูตรบริหารเงิน 50/30/20 จะแบ่งออกได้เป็น ค่าใช้จ่ายจำเป็น 15,000 บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับความบันเทิง 9,000 บาท และเก็บออมหรือชำระหนี้ 6,000 บาท
2. สูตร 80/20
สูตรบริหารเงิน 80/20 แบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 2 ส่วน โดยคำนวณจากรายได้หลังหักภาษีแล้ว ได้แก่
- ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 80% ของรายได้ เช่น ค่าเช่าบ้าน/คอนโด ค่าอาหาร ค่าสาธารณูปโภค ค่าเดินทาง ชอปปิง ค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยว ฯลฯ
- เก็บออมหรือชำระหนี้ 20% ของรายได้
สำหรับใครที่ไม่อยากแยกค่าใช้จ่ายจำเป็นและค่าใช้จ่ายสำหรับความบันเทิงให้ยุ่งยาก สามารถปรับใช้สูตร 80/20 แทนสูตร 50/30/20 ได้
ตัวอย่างเช่น เงินเดือนหลังหักภาษี ของนาย A เท่ากับ 30,000 บาท หากใช้สูตรบริหารเงิน 80/20 จะแบ่งออกได้เป็น ค่าใช้จ่าย 24,000 บาท และเก็บออมหรือชำระหนี้ 6,000 บาท
3. สูตร 50/15/5
สูตรบริหารเงิน 50/15/5 แบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 3 ส่วน โดยคำนวณจากรายได้หลังหักภาษีแล้ว ได้แก่
- ค่าใช้จ่ายจำเป็น 50% ของรายได้ เช่น ค่าเช่าบ้าน/คอนโด ค่าอาหาร ค่าสาธารณูปโภค ค่าเดินทาง ค่าประกัน ค่าเลี้ยงดูบุตร ฯลฯ
- ออมหรือลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ 15% ของรายได้
- เก็บออมเป็นเงินสำรองฉุกเฉิน 5% ของรายได้
สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการวางแผนการเงินระยะยาว โดยแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งมาออมหรือลงทุนเพื่อการเกษียณอายุด้วย หลายคนอ่านแล้วอาจจะสงสัยว่า 50/15/5 บวกกันก็ไม่ครบ 100% นี่หน่า อีก 30% หายไปไหน? คำตอบคืออีก 30% ที่เหลือมีไว้สำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เราสามารถจัดสรรมันได้เอง ไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่ายสำหรับความบันเทิงต่าง ๆ ท่องเที่ยว ชอปปิง ดูหนัง และ เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น เงินเดือนหลังหักภาษี ของนาย A เท่ากับ 30,000 บาท หากใช้สูตรบริหารเงิน 50/15/5 จะแบ่งออกได้เป็น ค่าใช้จ่ายจำเป็น 15,000 บาท ออมหรือลงทุนเพื่อการเกษียณ 4,500 บาท เก็บออมเป็นเงินสำรองฉุกเฉิน 1,500 บาท และอีก 30% หรือ 9,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
FinSpace
ที่มาบทความ: https://www.finspace.co/3-budget-rules/